เชลซี 6-0 เอฟเวอร์ตัน : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด สิงห์น้ำเงิน ระเบิดฟอร์มสุดยอด กดทีมทอฟฟี่ครึ่งโหล - FEATURE
• โคล พาลเมอร์ เป็นพระเอกอีกครั้งด้วยการเหมา 4
• เชลซี ทะลวงคู่แข่งครึ่งโหล แถมทำคลีนชีตสำเร็จ
• ในภาพตรงกันข้าม ก็คือ เอฟเวอร์ตัน ที่อาการหนัก...หนักมาก
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24
วันแข่งขัน: วันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2567
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 6-0 เอฟเวอร์ตัน
โคล พาลเมอร์ อีกแล้วครับท่าน...
- โคล พาลเมอร์ 6 นัดหลังสุด
ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 : ยิง 1 ประตู + 1 แอสซิสต์
ชนะ เลสเตอร์ 4-2 (เอฟเอ คัพ) : ยิง 1 ประตู + 1 แอสซิสต์
เสมอ เบิร์นลี่ย์ 2-2 : ยิง 2 ประตู
ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 4-3 : ยิง 3 ประตู
เสมอ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-2 : 1 แอสซิสต์
ชนะ เอฟเวอร์ตัน 6-0 : ยิง 4 ประตู
- - นำดาวซัลโวร่วม พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวนสกอร์ 20 ลูก
- 20 ประตู + 9 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก
- 23 ประตู + 13 แอสซิสต์ ในทุกรายการ
ยืนยันคำเดิม รางวัลดาวรุ่งแห่งปี พีเอฟเอ และทุกสถาบัน ต้องเข้าแล้วจริงๆ
เรื่องไม่เป็นเรื่อง
นอกเหนือจาก 4 ตุงของ โคล พาลเมอร์ แล้ว ที่กลายเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของเกมนี้ไปเสีย คือจังหวะ "แย่งลูก" กันของ นิโคลัส แจ็คสัน กับ โนนี่ มาดูเอเก้
จังหวะไม่กี่วินาทีนี้เกิดขึ้นหลังจากผู้ตัดสินเป่าจุดโทษ ในนาที 60 กว่าๆ และเมื่อบอลอยู่ในมือ มาโล กุสโต้ ก็เกิดการยื้อแย่งกันไปมาระหว่างหอกเซเนกัล กับปีกดาวรุ่งอังกฤษ
ฝั่งหนึ่งอยากยิงเพิ่มยอด เรียกความมั่นใจเมื่อช่วงหลังเป้าสะอาดตลอดๆ (เพิ่งยิงได้นัดนี้หลังฝืดมา 4 เกมติด) ฝั่งหนึ่งก็บอก ลูกนี้กูเรียกจุดโทษได้เอง ทำไมต้องหยิบยื่นให้ใคร
ตัดปัญหา... โคล พาลเมอร์ คว้าลูกมากดเปรี้ยง หาย (แบบที่ต้องผลัก แจ็คสัน ถอยไป--สิโว้ย!)
”พาลเมอร์ เป็นคนรับผิดชอบยิงจุดโทษเบอร์ 1 ของเรา" เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เอ่ยถึงเรื่อง
ไม่เป็นเรื่อง "มันจะไม่เกิดขึ้นอีก คุณไม่สามารถทำตัวเหมือนเด็กๆ ได้อีกแล้ว“
”มันน่าละอายมาก ผมบอกกับนักเตะแล้วว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะรับพฤติกรรมอย่างนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องตลก ย้ำอีกครั้ง มันชัดเจนมาก โคล พาลเมอร์ คือคนยิงจุดโทษ“
เมื่อไม่มี เอ็นโซ เฟร์นานเดซ
ปัญหาที่เพิ่มขึ้นของ โปเช็ตติโน่ สำหรับเกมนี้ (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไม่ต้องนับ!) คือการขาดหายของกองกลางแชมป์โลก ที่มีปัญหาสภาพความฟิต หลังลงเล่นยิงยาวมา 38 นัดตลอดซีซั่นนี้ ไม่รวมเกมทีมชาติ
เมื่อ เอ็นโซ ไม่อยู่ ทางออกคือการขยับ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ลงต่ำไปยืนคู่ มอยเซส ไคเซโด้
...ไม่มีปัญหา ไม่เห็นข้อแตกต่าง
กลับกัน ดูทำให้ กัลลาเกอร์ "ชัดเจน" ขึ้นในหน้าที่ด้วยซ้ำไป
ที่จริง เปรียบเทียบแบบนี้ก็อาจไม่ใช่เสียทีเดียว (เมื่อคุณภาพยังห่างเยอะ) แต่ก็คล้ายๆ ว่า เอ็นโซ - กัลลาเกอร์ เหมือน แฟร้งค์ แลมพาร์ด - สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ต่างฝ่ายต่างมีดีในตัวเอง แต่ "เล่นร่วมกันไม่ได้" ในทีมชาติอังกฤษ ด้วยสาเหตุหลักคือ สไตล์การเล่นเหมือนกันเกินไป
เกมนี้ กัลลาเกอร์ เล่นดีเลยเมื่อไม่มี เอ็นโซ
ลองดูอีกสัก 2-3-4 เกมก็แล้วกัน ถ้าภาพยังออกมาคล้ายๆ เกมนี้ ก็ชัดเลย
ไร้พ่าย 8 นัด & คลีนชีตรอบ 14 เกม
แม้ในภาพแคบ จะยังเห็นว่า เชลซี ไม่ได้ทำผลงานน่าพึงพอใจ หรือเรียกรอยยิ้มให้กับแฟนๆ ได้มากนัก เมื่อยังมีเกมเสมอ เบรนท์ฟอร์ด, เบิร์นลี่ย์ หรือบ๊วยอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาสลับฟันปลาตลอดช่วงหลัง
แต่ข้อเท็จจริงที่ทับซ้อนอยู่คือ เชลซี ไม่แพ้เกม พรีเมียร์ลีก มาแล้วถึง 8 นัดติดต่อกัน
จำนวนเกมแพ้ถูกหยุดไว้ที่ 10 นัด เกมพ่าย ลิเวอร์พูล 1-4 ต่อด้วย วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-4 เมื่อสิ้นเดือน ม.ค. ต่อต้น ก.พ.
และที่สำคัญ นี่คือ "คลีนชีต" แรกในรอบ 14 เกมหลังสุดของ เชลซี "เดอะหลังบ้านช้ำรั่ว" ชุดนี้ของ โปเช็ตติโน่
ตลกดีเหมือนกัน ว่าเอาจริงๆ แผงแบ็กโฟร์ในวันนี้คือ "ชุดสำรอง" ก็ว่าได้
มาร์ก กูกูเรย่า - ถ้า เบน ชิลเวลล์ พร้อมเต็มที่ กูกูเรย่า ก็นั่งสำรองไป
ติอาโก้ ซิลวา - เคยเป็นตัวเลือกแรก แต่ช่วงหลังหลุดยาวแล้ว เป็น อักเซล ดิซาซี่ กับ ลีวาย โคลวิลล์ ที่ยึดเบอร์ 1 กับ 2
เทรโวห์ ชาโลบาห์ - อันนี้ยิ่งหนัก ถ้าคนอื่นไม่เจ็บไม่แบน ไม่มีได้ลง
มาโล กุสโต้ - ยิ่งเล่นยิ่งดี แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้ากัปตันทีม รีซ เจมส์ พร้อม กุสโต้ ก็นั่งอยู่ดี
คิวหนักรออยู่
ชัยชนะพาให้ เชลซี แม้ยังยืนอันดับ 9 ตามเดิม แต่ก็ขยับเข้าใกล้ เบอร์ 8 เวสต์แฮม หรือ 7 แมนฯ ยูไนเต็ด และ 6 นิวคาสเซิ่ล มากขึ้นเรื่อยๆ เหลือ 1 กับ 3 และ 3 แต้ม ตามลำดับ
ข้อได้เปรียบคือ เชลซี ลงเล่นน้อยกว่าทั้ง 3 ทีมนี้ทั้งหมด
เชลซี 31 / เวสต์แฮม 33 / ผี-สาลิกา 32
อย่างไรก็ตาม "คิวหนัก" กำลังรอ โปเช็ตติโน่ และชาวคณะสิงห์น้ำเงินอยู่
- สุดสัปดาห์นี้ ตัดเชือก เอฟเอ คัพ กับ แมนฯ ซิตี้
เกมลีกนัดหน้า อังคาร 23 เม.ย. เยือน อาร์เซน่อล
ถัดไป 27 เม.ย. เยือน แอสตัน วิลล่า
ถัดไปอีก 2 พ.ค. เหย้า สเปอร์ส
ถัดไปของถัดไป 5 พ.ค. เหย้า เวสต์แฮม
ส่วนสามเกมสุดท้าย เบาหน่อยกับ ฟอเรสต์, ไบรท์ตัน และ บอร์นมัธ
แม้อาจไม่ซีเรียสแล้วกับเรื่องอันดันตอนจบ แต่ยิ่งสูงได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี จริงไหม
เอฟเวอร์ตัน สมควรตกชั้น
ในภาพตรงกันข้ามทุกประการของ เชลซี ก็คือความน่าส่ายหัวของ เอฟเวอร์ตัน
แย่อย่างน่าตกใจ แย่อย่างน่าเหลือเชื่อ ว่าจะแย่ได้ขนาดนี้
นิโคลัส แจ็คสัน คือต้องก้มกราบ ว่าในระดับ พรีเมียร์ลีก ยังมีกองหน้าที่ห่วยแตกกว่าตัวเขาอยู่ อย่าง เบโต้
จอร์แดน พิคฟอร์ด วันเทพก็โคตรเทพ วันผีออกก็อย่างวันนี้ ทั้งเสียง่ายและพลาดเอง (เตะเข้าเท้า พาลเมอร์ เองจนโดนยิงสวนลูก 3-0)
จาร์แรด แบรนธ์เวท เนี่ยนะ เจ้าของค่าตัว 80 ล้านปอนด์คนถัดไป?
ตัวปั้นเกม ไม่มี
ตัวตัดเกม ไม่มา
ตัวริมเส้น แอนโธนี่ กอร์ดอน ร้ายกาจมาก...แต่ไปร้ายกับ นิวคาสเซิ่ล โน่น
ใช่หรือไม่ เหตุผลเดียวที่ ชอน ไดช์ ยังอยู่ในเก้าอี้มาจนวันนี้ คือ เอฟเวอร์ตัน ไม่มีเงิน และโดนบังคับให้ไม่มีเงิน ที่จะไปจ่ายชดเชยเพื่อเด้งใครออกได้แล้ว เท่านั้นเอง...
