เชลซี 4-3 ไบรท์ตัน : สิงห์เบียดกำชัยระทึก ปรีซีซั่นทัวร์สหรัฐอเมริกา, ตัดเกรด และ ประเด็นหลังเกม

• นัดที่ 2 ของการออกทัวร์ปรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา สำหรับ เชลซี
• เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จัด 11 คนแรกชุดแข็ง ลงชนกับทีมร่วมพรีเมียร์ลีกอย่าง ไบรท์ตัน
• เชลซี สานต่อความร้อนแรง กำชัยต่อเนื่อง แม้ต้องลุ้นเหนื่อยหน่อยก็ตาม

Brighton & Hove Albion v Chelsea FC - Pre-Season Friendly
Brighton & Hove Albion v Chelsea FC - Pre-Season Friendly / Tim Nwachukwu/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ : ปรีซีซั่น พรีเมียร์ลีก ซัมเมอร์ ซีรี่ส์
วันแข่งขัน : เสาร์ที่ 22 กรกฎาคม 2023
ผลการแข่งขัน :
เชลซี 4-3 ไบรท์ตัน
สนาม : ลินคอล์น ไฟแนนเชียล ฟิลด์ (ฟิลาเดลเฟีย, เพนน์ซิลเวเนีย)


นัดที่ 2 ของการออกทัวร์ปรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา สำหรับ เชลซี ภายหลังเปิดประเดิมด้วยชัยชนะสวยหรูเหนือ เร็กซ์แฮม 5-0

11 ตัวจริงของเกมนี้ที่ลงดวล ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน กุนซือใหม่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ปรับเยอะเลยจากนัดก่อน เคปา อาร์ริซาบาลาก้า กับ ติอาโก้ ซิลวา ที่เกมแรกไม่ได้เล่น คืนทัพตัวจริง เช่นเดียวกับ เบน ชิลเวลล์, ลีวาย โคลวิลล์, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ตัวความหวังใหม่จาก แอร์เบ ไลป์ซิก ถูกวางเป็นหอกเป้า ขณะที่เจ้าของ 2 ประตูและแมนออฟเดอะแมตช์นัดก่อน ยาน มาตเซ่น ซึ่งที่จริงเป็นแบ็กซ้าย ยังคงถูกทดสอบในฐานะปีกซ้าย รุกเต็มตัวอีกนัด

สำหรับฝั่ง ไบรท์ตัน นำมาโดย คาโอรุ มิโตมะ, แดนนี่ เวลเบ็ค, มาห์มู้ด ดาฮู้ด แต่ไม่มีชื่อ มอยเซส ไคเซโด้ ที่เป็นเป้าหมายเสริมทัพของ เชลซี

อะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างเกม

โปเช็ตติโน่ ยังคงติดตั้งระบบ 4-2-3-1 ให้กับทีม 11 ตัวจริง (คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ กับ อันเดรย์ ซานโตส ยืนคู่มิดฟิลด์ ยาน มาตเซ่น ปักหลักปีกซ้าย, คาร์นี่ย์ ชุกเวเมก้า กลางรุก, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกขวา หน้าสุดเป็น คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู) ซึ่งคงหมายความว่า ระบบนี้แหละที่เขาจะยึดเป็นแท็กติกหลักในการสู้ศึกซีซั่นใหม่

เปิดเกมขึ้นได้แค่ 2 นาทีเศษ โอกาสจบแรกเป็นของ ยาน มาตเซ่น เจ้าของ 2 ประตูจากนัดก่อน ที่สอดเข้าหาจังหวะบอลลั่น ซัดไม่จับไปจากหน้าเขตโทษ แต่บังคับทิศทางได้ไม่ดีนัก บอลเฉี่ยวกรอบประตูออกไป

มาโล กุสโต้ แบ็กขวาดาวรุ่งวัย 20 ต้องเจองานหนักตั้งแต่เนิ่นๆ และหนักทุกครั้งที่ออกจอ กับการต้องรับมือจอมลีลาความเร็วสูงอย่าง คาโอรุ มิโตมะ ปีกซามูไรของทัพนางนวล

แต่แล้วจากจังหวะเตะมุมแรกของ ไบรท์ตัน ก็กลายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ทันทีในนาที 13 จากลูกทริกช็อตเล่นสั้นคืนไปมุมเขตโทษแล้วสาดไปเสาไกล มิโตมะ โถมโขกชงกลับเข้ารงกลางให้ แดนนี่ เวลเบ็ค วอลเลย์เข้าก้นตาข่ายอย่างเฉียบคม

กระนั้น เชลซี ก็ตีเสมอได้อย่างรวดเร็วใน 6 นาทีให้หลัง คาร์นี่ย์ ชุกเวเมก้า เล่นชิ่งในจุดอันตรายกับ ยาน มาตเซ่น แล้วยิงไปติดบล็อกก่อนลูกเด้งเข้าทาง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ดีดผ่าน เจสัน สตีล เข้าไป ตีเสมอ 1-1 พร้อมเป็นประตูที่ 2 จาก 2 นัดของหอกฝรั่งเศส

จากนั้นบอลไปอยู่ในการครอบครองของ ไบรท์ตัน เป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่ครึ่งแรกก็ไม่มีประตูเพิ่มเติม โดยนาที 41 ยาน มาตเซ่น เข้าชาร์จไม่ถึงลูกจ่ายของ สเตอร์ลิ่ง แค่เส้นยาแดง ทำให้จบไปก่อนที่ 1-1

ครึ่งหลัง โปเช็ตติโน่ ส่งสำรองลง 4 คนเป็นเซ็ตแรก มาร์ก กูกูเรย่า, เทรโวห์ ชาโลบาห์, เซซาเร่ คาซาเดอี, มิไคโล มูดริค แทนที่ ชิลเวลล์, ซิลวา, ชุกเวเมก้า และ มาตเซ่น ตามลำดับ โดยวางให้ คาซาเดอี ยืนสูงในตำแหน่งกลางรุก

เริ่มไปไม่นาน เวลเบ็ค สบโอกาสล็อกหนี อันเดรย์ ซานโตส แล้วซัดเต็มข้อ แต่ยังมี คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ตามสไลด์บล็อกไว้ได้ทันเวลา

ครบชั่วโมง ไบรท์ตัน เหลือ 10 คนเสียเฉยๆ ยาน ปอล ฟาน เฮ็คเค่ พุ่งเสียบใส่ เซซาเร่ คาซาเดอี หนักไปนิด ผู้ตัดสินแจกเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงเชิญออกจากสนามทันที

และนาที 65 เชลซี ก็พลิกแซงขึ้นนำ 2-1 เลย มิไคโล มูดริค เล่นชิ่งกับอีกหนึ่งสำรองที่เพิ่งลง นิโคลัส แจ๊คสัน 2 จังหวะ แล้วปีกยูเครนตามไปตะบันวอลเลย์เข้าข้อ ส่งลูกเสียบตาข่ายอย่างยอดเยี่ยม

ไม่เท่านั้น เชลซี ฉีกสกอร์เป็น 3-1 ในนาที 72 คาซาเดอี เคาะให้ นิโคลัส แจ๊คสัน ถูไถแทงลูกต่อถึง คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ซัดเปรี้ยงระยะจ่อๆ จมตาข่ายไม่มีเหลือ

ต่อด้วยนาที 77 สกอร์ไหลยาว 4-1 มาร์ก กูกูเรย่า สาดจากแดนตัวเองขึ้นหน้าให้ นิโคลัส แจ๊คสัน ทะลุเดี่ยวขึ้นไปแล้วกดเน้นๆ สวนทางนายทวารเข้าไปไม่พลาด เป็นประตูแรกของหอกใหม่จาก บียาร์เรอัล และเกมนี้ยิง 1 แอสซิสต์ 2 ทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เขี่ยลูกเล่นกันใหม่ ไบรท์ตัน ลุยขึ้นไปได้จุดโทษเมื่อ ลีวาย โคลวิลล์ เล่นโฉ่งฉ่างเสียบสกัด เจา เปโดร จากข้างหลัง ผู้ตัดสินชี้ทันที และ เจา เปโดร ก็ยิงผ่าน เคปา เข้าไปอย่างมั่นใจ ไล่มาห่างๆ 2-4

ต่อด้วยเฮือกท้าย ไบรท์ตัน ลุยแหลกจนไล่จี้เป็น 3-4 นาที 89 หอกสำรอง เดนิซ อุนดาฟ สบช่องยิงโล่งๆ ในกรอบ 6 หลาผ่านมือ เคปา เข้าเสาไกล

แต่แม้กระนั้น ช่วงทดเจ็บ 6 นาที ไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก จบที่ เชลซี ชนะอย่างสนุก 4-3 และนัดถัดไปจะพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่แอตแลนต้า 26 ก.ค.

Carney Chukwuemeka
Brighton & Hove Albion v Chelsea FC - Pre-Season Friendly / Adam Hunger/GettyImages

คะแนนนักเตะ เชลซี



11 ตัวจริง (4-2-3-1) เคปา อาร์ริซาบาลาก้า 5, เบน ชิลเวลล์ 7, ลีวาย โคลวิลล์ 5, ติอาโก้ ซิลวา 6, มาโล กุสโต้ 6, อันเดรย์ ซานโตส 6, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ 8, ยาน มาตเซ่น 6, คาร์นี่ย์ ชุกเวเมก้า 5, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 5, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู 7

สำรองที่ใช้ : มาร์ก กูกูเรย่า 6, เทรโวห์ ชาโลบาห์ 7, เซซาเร่ คาซาเดอี 7, มิไคโล มูดริค 8, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ 6, อันเจโล่ 6, นิโคลัส แจ๊คสัน 9, บาเชียร์ ฮัมฟรีย์ส 6, ลูอิส ฮอลล์ 5

Brighton & Hove Albion v Chelsea FC - Pre-Season Friendly
Brighton & Hove Albion v Chelsea FC - Pre-Season Friendly / Tim Nwachukwu/GettyImages

ดาวเด่นประจำเกม : นิโคลัส แจ๊คสัน (เชลซี)

แม้จะอยู่ในสนามแค่ครึ่งหลังครึ่งเดียว แต่นิยามสั้นๆ ได้ว่า "ยอดเยี่ยม"

ส่วนถ้ายาวๆ ก็ต้องบอกว่า กองหน้าตัวใหม่เจ้าของค่าตัว 32 ล้านปอนด์จาก บียาร์เรอัล ทำได้ "ยอดเยี่ยมมมมมมมมม" ไปเลย แสดงให้เห็นถึงวี่แววที่จะสามารถเป็น "ที่พึ่ง" ของทีมได้อย่างเต็มที่ในฐานะศูนย์หน้าตัวเป้าที่ เชลซี ขาดแคลนมานาน

ความเร็ว เซนส์บอล ความเฉียบคม การพักบอลและจ่ายบอล ของกองหน้าเซเนกัลวัย 22 เล่นงานแนวรับ ไบรท์ตัน ได้อย่างรุนแรง ด้วยการทำแอสซิสต์ 2 และเช็คบิลด้วยตัวเองเข้าไปจากจังหวะหลุดเดี่ยวที่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวถ้วน

เกมนี้ยิง 1 แอสซิสต์ 2 ส่วนเกมที่แล้วแอสซิสต์ 1

เท่ากับ 2 นัดมี 1 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์... "ยอดเยี่ยมมมมมมมมม"

Nicolas Jackson
Brighton & Hove Albion v Chelsea FC - Pre-Season Friendly / Tim Nwachukwu/GettyImages

สิ่งน่าจับตาเพิ่มเติม

• ทีมของ โปเช็ตติโน่ "แววดี"

เกมที่แล้วซึ่งถลุง เร็กซ์แฮม อาจยึดถืออะไรไม่ได้มาก เมื่อคู่แข่งค่อนข้างอ่อนชั้น เพียงแต่ก็มีอะไรให้หยิบจับพอสมควร ซึ่งก็ยังต่อด้วยเกมนี้ที่เกือบจะชนะสวยๆ 4-1 แต่ดันไปพลาดโดนยิงสองเม็ดตอนท้าย แต่อย่างไรก็ตาม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เริ่มที่จะปัดเป่า "ฟอร์มฟุบ" ที่เกิดขึ้นในยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด ออกไปได้แล้ว และอย่างน้อยที่สุด เขาไม่ลังเลเลยกับการติดตั้งระบบ 4-2-3-1 ให้ทีมใช้ เหลือก็แค่ใส่นักเตะลงไปให้เหมาะสมกับแท็กติก

• เกมรุกมีความหวัง

สำคัญมากคือ หลังจากภาพของเกมรุกอันแสนฝืดเคืองในซีซั่นก่อน มาคราวนี้ 2 เกมปรีซีซั่นแรก เชลซี กระหน่ำแล้วถึง 9 ประตู คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู 2 ประตู, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ 2, ยาน มาตเซ่น 2, นิโคลัส แจ๊คสัน 1, มิไคโล มูดริค 1, เบน ชิลเวลล์ 1 ที่นอกจากสกอร์จะไหลมาเทมาแล้ว การเล่นของทั้ง เอ็นคุนคู และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แจ๊คสัน ก็ทำให้ปัญหาของการ "ขาดแคลนหน้าเป้า" ดูจางๆ ลงแล้ว

• หลังบ้านยังมีแผล

แต่อย่างไรก็ตาม หลังบ้านของ เชลซี เมื่อต้องเจอแนวรุกจัดจ้านๆ เข้าไป ก็แสดงให้เห็นชัดว่า ยังมีรอยรั่วซ้ำเก่า โดยครึ่งแรกของเกมนี้ที่โดน แดนนี่ เวลเบ็ค ยิงนำไปก่อน เคปา อาร์ริซาบาลาก้า ยังต้องออกแรงเซฟช่วยทีมไว้ถึง 4 ครั้ง แม้โดยมากจะเป็นจังหวะยิงมาตรงตัวก็ตาม ส่วนครึ่งหลัง มาพลาดโดน 2 เม็ด ซึ่งเป็นความผิดพลาดทำเสียจุดโทษของ ลีวาย โคลวิลล์ ที่เห็นชัดว่ายังต้องสร้างเสริมประสบการณ์อีกเยอะ

• กัลลาเกอร์ ของดี

หนึ่งในนักเตะที่เป็นข่าวเชื่อมโยงจะย้ายออก คือ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ มิดฟิลด์เด็กปั้นวัย 23 แต่หากดูจากฟอร์มปรีซีซั่น 2 นัดนี่แล้วที่ กัลลาเกอร์ กดไป 2 ประตู และสร้างประโยชน์ชัดเจนทั้งรับและรุก ก็อยากบอกว่า โปเช็ตติโน่ ไม่ควรปล่อยตัวนี้ออกไปเด็ดขาด เมื่อเขามี "ของดี" อยู่ในมือแล้ว

• อย่างไรเสีย ก็ต้องซื้อเพิ่ม

แต่แม้จะมีแง่ดีให้หยิบจับไม่น้อยจาก 2 เกมที่ผ่านไป ก็ยังคงชัดเจนอยู่ดีว่า เชลซี จำเป็นต้องมีการซื้อเข้า หลังปล่อยแล้ว 14 แถมกำลังจะมีอีก 4-5 คนตามออกไป เมื่อจำนวนตัวผู้เล่นที่มีตอนนี้ โดยเฉพาะว่าเป็นดาวรุ่งนับสิบ จะไม่พอต่อการสู้ศึกซีซั่นใหม่แน่นอน

แต่จากท่าทีที่เกิดขึ้นในเกมล่าสุดนี้ การที่ มอยเซส ไคเซโด้ ไม่มีชื่อลงเล่นให้ ไบรท์ตัน ก็น่าสนใจเหมือนกันว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นที่หลังฉาก...หรือว่า...

Conor Gallagher
Brighton & Hove Albion v Chelsea FC - Pre-Season Friendly / Adam Hunger/GettyImages