เชลซี 1-4 เบรนท์ฟอร์ด: เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก สิงห์บลู เปิดบ้านพ่ายยับ

Chelsea v Brentford - Premier League
Chelsea v Brentford - Premier League / Alex Pantling/GettyImages
facebooktwitterreddit

การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2022
เวลาแข่งขัน: 21:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: เชลซี 1-4 เบรนท์ฟอร์ด
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์


1. เบรนท์ฟอร์ด มาดีแต่ต้นจนจบ

Ruben Loftus-Cheek
Chelsea v Brentford - Premier League / Harriet Lander/Copa/GettyImages

แม้ว่าเกมนี้ทั้ง 5 ประตูจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งเวลาหลัง แต่หากใครได้มีโอกาสติดตามชมเกมแบบสด ๆ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เริ่มก็เป็น เบรนท์ฟอร์ด ที่กดดัน เชลซี ตั้งแต่ 10 นาทีแรกและมีโอกาสลุ้นประตูไปแล้วถึง 2-3 ครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งกว่าเจ้าบ้านจะตั้งเกมได้ก็ต้องรอไปจนผ่าน 20 นาทีแรกมาแล้ว แต่นั่นก็ไม่สามารถกดดันเกมรับของทีมเยือนได้มากพอจนรูปเกมยังดูอึดอัดไม่ไหลลื่น กระทั่งต้นครึ่งหลังแม้ลูกยิงมหัศจรรย์ของ รือดิเกอร์ จะช่วยให้เจ้าถิ่นออกนำได้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เบรนท์ฟอร์ด เหมือนกับว่าพลังใบที่อัดไปตอนพักครึ่งเพิ่งออกฤทธิ์รัวยิงคืน 3 ลูกใน 11 นาทีทั้งจากความผิดพลาดรวมถึงความแน่นอนในการโต้กลับ และหลังจากนั้นก็เป็นผู้มาเยือนที่ดูจะคุมเกมเอาไว้ได้แบบสบาย ๆ แม้จะโดนบุกกดดันบ้างแต่ก็ยังเอาอยู่ ก่อนจะมาปิดกล่องอีกหนึ่งประตูในช่วงท้ายเกมคว้า 3 คะแนนกลับบ้านไปแบบหักมุมชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด

2. หลัง 4 ไม่ใช่ทางของ เชลซี

Marcos Alonso
Chelsea v Brentford - Premier League / James Williamson - AMA/GettyImages

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่แฟน ๆ เชลซี หยิบเอามาพูดกันอย่างหนาหูหลังเกม นั่นคือการจัดแผนการยืนแบบหลัง 4 ซึ่งต้องบอกว่าก่อนหน้านี้เกมใดที่ออกสตาร์ทด้วยแผนนี้เกมจะตึงแทบทุกนัดทั้งกับ นิวคาสเซิล ที่เฉือนชนะมา 1-0 เกมที่เอาชนะ คริสตัล พาเลซ หืดจับ 0-1 หรือแม้แต่เกมที่เสมอ ไบรท์ตัน 1-1 รวมถึงเกมในนัดนี้ที่ชัดเจนว่าเกมรับที่เคยแข็งแกร่งดูสะเปะสะปะ ยืนตำแหน่งผิด หลุดตำแหน่งกันชนิดที่เหมือนไม่ได้ซ้อมกันมา ยิ่งใช้ อลอนโซ ที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมรับสุดรั่ว แถมยังมีกลางรับตัวเดียวอย่าง ลอฟตัส ชีค ที่ไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติจึงไม่แปลกที่วันนี้เกมสวนกลับของ เบรนท์ฟอร์ด จะมาเป็นหลุด ๆ อยู่ตลอด ซึ่งกว่าจะแก้เกมก็สายเกินไปแล้วเพราะในเมื่อทีมโดนนำก็ยิ่งต้องบุก แต่ยิ่งบุกหลังก็ยิ่งรั่ว ซึ่ง 4 ประตูในเกมนี้ยังถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำหากเทียบกับโอกาสที่ทีมเยือนทำได้ในครึ่งหลัง

3. ตัวความหวังในเกมรุก

Thomas Tuchel, Romelu Lukaku, Timo Werner
Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final / Robin Jones/GettyImages

ต้องบอกว่าชั่วโมงนี้ เชลซี แทบจะคาดหวังฟอร์มที่แน่นอนกับตัวรุกคนใดไม่ได้เลย จะมีก็แต่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ที่เกมนี้ดูจะฝากผีฝากไข้ไว้ได้บ้าง แต่ก็ดันยิงนกตกปลาเสียเยอะ ด้าน ติโม แวร์เนอร์ ชัดเจนว่าไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้มากพักใหญ่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หัวหอกราคาแพงอย่าง โรเมลู ลูกากู ก็สวมวิญญาณตู้เย็นอีกครั้งกลายเป็นแค่นักเตะธรรมดาเหมืองลงมายืนให้ครบ 11 คน ไม่สามารถเก็บบอล บังบอล หรือแม้แต่สร้างอิมแพ็คใด ๆ ได้ แถมวันนี้เพลย์เมคเกอร์อย่าง เมานท์ และ ซิเยค ก็นัดกันหลุดฟอร์มไปพอสมควร น่าเสียดาย พูลิซิช ที่ฟอร์มดีกับทีมชาติก็ไม่มีชื่อในเกมนี้ แต่นัดต่อไปแน่นอนถ้าเกมรุกตื้อและเกมรับรั่วบางทีการพบกับ เรอัล มาดริด อาจไม่จบอยู่แค่ 4 ประตูแบบนี้ก็เป็นได้

4. อันดับ 3 เริ่มสั่นคลอน

Thomas Tuchel
Chelsea v Brentford - Premier League / James Williamson - AMA/GettyImages

ความปราชัยในนัดนี้ทำให้แม้ว่าพวกเขาจะยังคงรั้งอันดับที่ 3 มีคะแนนมากกว่า อาร์เซนอล 5 แต้ม แต่ก็แข่งไปแล้วมากกว่า 1 เกมนั่นหมายความว่าหาก ปืนใหญ่ เอาชนะในเกมนัดตกค้างมาได้ก็จะเหลือช่องว่าอีกเพียง 2 คะแนนเท่านั้น นี่ยังไม่พูดถึงการหลุดท็อป 4 ที่แม้จะยากแต่ก็ยังเป็นไปได้หากพวกเขาฟอร์มตกอย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีโปรแกรมอัดแน่นแบบนี้ แถมยังมีปัญหาเรื่องการซื้อขายทีมซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของบรรดานักเตะและสตาฟฟ์มากขนาดไหน แล้วเกมที่ยังเหลือของ สิงโตน้ำเงินคราม ยังต้องเจอกับทั้ง อาร์เซนอล ที่อาจเป็นนัดตัดสินอันดับบนตาราง รวมถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีลุ้นท็อป 4 อยู่ ณ เวลานี้ ฉนั้นคงเป็นการดีหาก พลพรรคสิงห์บลู จะสะดุดแค่นัดนี้นัดเดียวและกลับมาคืนฟอร์มเก่งได้ทันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด