เชลซี 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม ปีศาจแดง บุกเจ๊า สิงห์บลู
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2021
เวลาแข่งขัน: 23:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: เชลซี 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
1. รถบัส ปีศาจแดง ได้ผล
66 ต่อ 34 คือความแตกต่างของเปอร์เซนต์การครองที่ตลอดทั้งเกม เชลซี แทบจะเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่อยู่ข้างเดียว จะมีบางช่วงเท่านั้นที่ทีมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ครองบอลเซ็ตบอลทำเกมรุกจากแดนตัวเอง ซึ่งแน่นอนนั่นเป็นสิ่งที่ ไมเคิล คาร์ริค วางแผนมาตั้งแต่ก่อนเกมด้วยการแพคเกมรับและอาศัยความเร็วของ 2 แนวรุกอย่าง แรชฟอร์ด และ ซานโช ในการเล่นงานแผงหลังเจ้าถิ่น
แม้สุดท้ายเกมรุกของ ปีศาจแดง ในวันนี้จะสร้างโอกาสได้น้อยแต่พวกเขาก็ดีพอที่จะฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดเอาไว้ได้ และที่สำคัญคือต้องชมวินัยในเกมรับ แม้จะไม่ดีเลิศแต่ก็สามารถต่อกรกับ เชลซี ที่ว่าแน่นอน ๆ ได้อย่างคู่คี่สูสี ถึงจะใช้คู่เซ็นเตอร์ตัวสำรองอย่าง ลินเดอเลิฟ และ ไบญี แต่การส่งกลางรับลงมาช่วยทั้ง มาติช แมคโทมิเนย์ และ เฟร็ด ดูจะทำให้เกมตรงกลางแน่นหนาจนแทบหาช่องเจาะไม่ได้ ซึ่งนั่นเองก็เป็นที่มาของ 1 คะแนนอันล้ำค่าที่ต้องบอกว่า "รถบัส" ของ คาร์ริค ในวันนี้สอบผ่านอย่างไม่ต้องสงสัย
2. เกมรุก สิงห์ เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน
เกมนี้ เชลซี ที่สร้างโอกาสจบได้มากกว่า 20 ครั้งตลอด 90 นาที แต่กลับเปลี่ยนให้เป็นประตูได้เพียงลูกเดียวแถมมาจากจุดโทษอีกต่างหาก ซึ่งสถิติที่กล่าวไปนี้ก็พอจะบ่งบอกได้ถึงเกมรุกที่ผิดฟอร์มไปมากพอสมควร ก่อนอื่นต้องยกเครดิตให้กับเกมรับทีมเยือนในที่วันนี้ช่วยกันได้ดี แต่หากวันนี้ สิงห์บลู เฉียบขาดอีกหน่อยคงจะทำได้มากกว่า 1 แน่ ๆ โดย 3 ประสานแนวรุกในวันนี้ก็ค่อนข้างยิงทิ้งยิงขว้างใช้โอกาสเปลือง แถมวิงแบ็คที่การขาด เบน ชิลเวลล์ ไปก็เห็นผลชัดเจน ด้าน รีส เจมส์ ก็งัดฟอร์มเก่งออกมาเหมือนเกมก่อน ๆ ไม่ได้ ยังดีที่การเปลี่ยน เมานท์ และ พูลิซิช ลงมาจะช่วยให้รูปเกมดีขึ้นบ้าง แต่วันนี้ก็ยังต้องยอมรับว่าจังหวะจบสกอร์ของพวกเขาแย่และต่ำกว่ามาตฐานปกติไปมากจริง ๆ
3. บรูโน ขาดความมั่นใจ ?
เข้าใจได้ที่วันนี้อดีตเดอะแบกอันดับหนึ่งของ ปีศาจแดง อย่าง บรูโน เฟอร์นันเดส จะแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมรุก เพราะต้องลงไปช่วยแพคเกมในแดนกลาง แถมทีมยังโดยบุกกดดันอยู่ตลอดจนแทบไม่มีพื้นที่ว่างให้เจ้าตัวได้ขึ้นมาสร้างสรรค์เกมเลยตลอด 90 นาที แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าเกมนี้ไม่ใช่นัดแรกที่เขาทำผลงานได้น่าผิดหวัง เพราะตั้งแต่ที่พบกับ นิวคาสเซิล เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา บรูโน ก็ยิงประตูให้ทีมไม่ได้อีกเลย แม้จะมีบทบาทกับเกมอยู่บ้าง แต่หากนำไปเทียบกับปีก่อน ๆ ต้องบอกเลยว่าผลงานต่างกันลิบลับ และการที่เจ้าตัวงัดฟอร์มเก่งออกมาไม่ได้นาน ๆ แบบนี้ย่อมส่งผลต่อความมั่นใจเป็นธรรมดา ก็คงต้องมาลุ้นกันว่าเมื่อไหร่จุดเปลี่ยนที่จะทำให้แข้งตัวความหวังรายนี้กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้งจะมาถึง บางทีการมาของ รังนิค อาจเป็นคำตอบก็เป็นได้
4. แวร์เนอร์ ยังหวังได้หรือไม่ ?
การกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงของ ติโม แวร์เนอร์ ให้กับ เชลซี ในรอบเดือน ดูเหมือนว่าที่สุดแล้วทีมจะยังคงไม่สามารถพึ่งพาฟอร์มการเล่นที่ยังไร้จิตวิญญานเพชรฆาตของอดีตแข้งจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ออกทะเลไปไกลนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมชนิดที่ไม่เหลือเค้าโครงของดาวยิงที่เคยทำได้มากกว่า 30 ประตูต่อปีเลยแม้แต่น้อย เพราะทั้งความเฉียบขาด ความมั่นใจ ดูจะหดหายไปจนหมดสิ้นจนไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนผลงานดูจะไม่กระเตื้องขึ้นเลย
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วแฟนบอลรวมถึงสโมสรจะสามารถคาดหวังอะไรจากเขาคนนี้ได้อีกหรือไม่ โดยคำตอบของคำถามหากวัดจากผลงานจนถึงเวลานี้ดูเหมือนว่าหลายคนจะคิดไปในทำนองเดียวกัน ว่าอนาคตของเขาคงจะลงเอยเหมือนอดีตกองหน้าระดับโลกหลายคนที่ย้ายเข้ามาดับแล้วจากไป หรือบางทีปีนี้อาจจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเจ้าตัวในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็ได้ ใครจะรู้ !
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด