อังกฤษ 2-1 เดนมาร์ก: เก็บตกประเด็นร้อนหลังเกม ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ สิงโตคำราม เข้าชิงครั้งแรกในประวัติศาสตร์

England v Denmark  - UEFA Euro 2020: Semi-final
England v Denmark - UEFA Euro 2020: Semi-final / Laurence Griffiths/Getty Images
facebooktwitterreddit

การแข่งขัน: ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน: คืนวันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2021
เวลาแข่งขัน: 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: อังกฤษ 2-1 เดนมาร์ก
สนาม: เวมบลีย์ (ลอนดอน ประเทศอังกฤษ)


1. เดนมาร์ก แก้เกมผิดพลาด

Christian Norgaard, Kasper Dolberg, Joachim Andersen, Yussuf Poulsen
England v Denmark - UEFA Euro 2020: Semi-final / Laurence Griffiths/Getty Images

เกมนี้ต้องบอกว่าช่วง 70 นาทีแรกนั้น เดนมาร์ก แม้จะครองบอลได้น้อยกว่าแต่พวกเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมดูไม่เป็นรอง อังกฤษ เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในช่วง 45 นาทีแรก ที่เป้นฝ่ายสร้างโอกาสเข้าทำแบบหวาดเสียวได้มากกว่าเจ้าถิ่นเสียด้วยซ้ำ กระทั่งนาทีที่ 67 ฮูลมันด์ ตัดสินใจถอดกองหน้าออกแล้วเสริมผู้เล่นในแดนกลางเข้าไปแทน นั่นทำให้เกมรุกของพวกเขาลดความอันตรายลงไปมากพอสมควร จนทำให้เกมของ อังกฤษ ดูดีขึ้นมาทันตาเพราะแทบไม่ถูกกดดันบริเวณหลังบ้าน จึงสามารถเปิดเกมบุกเข้าใส่ได้แบบเต็มตัว นวดไปนวดมา ๆ จนมาได้จุดโทษเป็นที่มาของประตูชัยในที่สุด

2. อังกฤษ เสียประตูแรกด้วยฟรีคิกแรกของ ยูโร 2020

Mikkel Damsgaard, Declan Rice, John Stones, Harry Maguire, Harry Kane
England v Denmark - UEFA Euro 2020: Semi-final / Laurence Griffiths/Getty Images

ประตูออกนำ 1-0 ของ เดนมาร์ก จากฟรีคิกของ มิกเคล ดัมสการ์ด นั้นนอกจากจะเป็นการเจาะประตูทีมชาติอังกฤษได้เป็นลูกแรกในทัวร์นาเมนต์นี้แล้ว ยังเป็นลูกยิงฟรีคิดโดยตรงเข้าประตูเป็นลูกแรกในศึก ยูโร 2020 อีกด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นลูกยิงที่งามหมดจดลูกหนึ่งของรายการนี้เลยทีเดียว

3. สเตอร์ลิง ตอบแทนความไว้วางใจ เซาธ์เกต

Raheem Sterling
England v Denmark - UEFA Euro 2020: Semi-final / Carl Recine - Pool/Getty Images

แน่นอนว่าต้นเกมหลายคนยังคงตั้งคำถามถึงการโรเทชั่นในแนวรุกที่ทุกคนต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงสนามเว้นเสียแต่ลูกรักอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ยังคงได้รับโอกาสลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งวันนี้เจ้าตัวจัดว่าเล่นได้ค่อนข้างดีในช่วง 45 นาทีแรกแถมยังไล่กดดัน ซิมอน เคียร์ จนต้องสกัดเข้าประตูตัวเองไป แต่หลังจากครึ่งเวลาหลังก็แทบจะหายไปจากเกมอย่างสิ้นเชิง กระทั่ง เซาธ์เกต ตัดสินใจส่ง กรีลิช ลงสนาม เชื่อว่า ณ เวลานั้นหลายคนคนเกาหัวกันบ้างกับการเปลี่ยนคนทำแอสซิสต์ ซาก้า ออกและเก็บ สเตอร์ลิง ที่บทบาทค่อนข้างน้อยเอาไว้จนครบ 90 นาที แต่แล้วช่วงต่อเวลาพิเศษหลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดเขาก็แผลงฤทธิ์อีกครั้งด้วยการลากเดียวแหวกกระจายจนเรียกจุดโทษให้ทีมได้สำเร็จ ตอบแทนความไว้วางใจของนายใหญ่ เซาธ์เกต พาทีมเข้าชิงได้อย่างสวยสดงดงามเลยทีเดียว

4. คู่ชิงในฝัน อังกฤษ มาไกลสุดในประวัติศาสตร์

Gareth Southgate
England v Denmark - UEFA Euro 2020: Semi-final / Frank Augstein - Pool/Getty Images

เป็นไปตามคาด ในที่สุด อังกฤษ เต็ง 1 ณ เวลานี้ก็สามารถเข้าไปชิงชนะเลิศกับ อิตาลี คู่ชิงที่ดูจะสมศักดิ์ศรีที่สุดแล้วสำหรับชั่วโมงนี้ และแน่นอนว่ายากจะคาดเดาผลการแข่งขันเพราะทั้งสองทีมต่างทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทัพสิงโตคำราม ยังทำสถิติเข้าชิงชนะเลิศในศึก ยูโร ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ชาติ เพราะก่อนหน้านี้พวกเข้าทำได้ดีที่สุดเพียงแค่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในปี 68 และปี 96 แต่แน่นอนแม้จะมาไกลมากกว่าทุก ๆ ครั้ง แต่เชื่อได้เลยว่าแฟนบอล ทรีไลออน คงหวังไปไกลถึงการชูถ้วยครั้งแรกคืนวันอาทิตย์นี้แล้วอย่างแน่นอน


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด