บทบาทใหม่ของ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ทำให้กลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้งกับ เชลซี - OPINION
- ราฮีม สเตอร์ลิง ได้เล่นในตำแหน่งใหม่
- ฟอร์มดีขึ้นในการทำงานร่วมกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน
- กลายเป็นคีย์แมนในแนวรุก เชลซี
โดย Navapun Munarsa
หลังย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเล่นกับ เชลซี และต้องเจอกับความล้มเหลวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ดูเหมือนว่า ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกทีมชาติอังกฤษ จะกลับมาเกิดใหม่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง ภายใต้การคุมทัพของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนตินา
นับตั้งแต่ออกสตาร์ทศึก พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 3 เกม สเตอร์ลิง ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดไปถึง 2 ประตู และกลายเป็นคีย์แมนในแนวรุกของ เชลซี ยุคใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว โดยการเล่นของเจ้าตัว นั้น แสดงให้ทุกคนเห็นว่า ยังคงมีความมุ่งมั่น และอันตรายเหมือนเดิม
ตัวรุกวัย 28 ปี เคยให้สัมภาษณ์ในช่วงปรีซีซั่นว่า จะไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไป หลังจากปีที่แล้ว ต้องดิ้นรนกับฟอร์มการเล่นอย่างหนักอย่างหนัก ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจากการรับประทานอาหารแบบผิดๆ จนน้ำหนักเพิ่มขึ้น และเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาบาดเจ็บแฮมสตริงในช่วงกลางฤดูกาล
อาการบาดเจ็บของ สเตอร์ลิง ทำให้พลาดลงเล่นนัดสำคัญไปหลายเกม ประกอบด้วย เกมลีก 6 นัด, เกม เอฟเอ คัพ รอบสามที่แพ้ให้กับทีมเก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ และเกมคัดเลือก ยูโร 2024 จำนวน 2 นัด กับทีมชาติอังกฤษ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ปีกเลือดผู้ดี กล่าวว่า “เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว ผมเปลี่ยนประเภทอาหารเล็กน้อย และไปทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากที่ผมเคยทำมาก่อน ผมกินน้อยลงนิดหน่อย และปรีซีซั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีในการทำให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์ และผมก็อยู่ในจุดที่ยอดเยี่ยมแล้ว”
การทำงานร่วมกับ โปเช็ตติโน นั้น สเตอร์ลิง ได้รับบทบาทตัวริมเส้นฝั่งขวา ซึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนหน้านนี้ที่จะเล่นด้านซ้ายเป็นหลักมาตลอด และดูเหมือนว่า มันจะเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขากลับมาสู่ฟอร์มที่ดีอีกครั้ง
ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตกองหลัง แมนฯ ซิตี้ กล่าวว่า “นี่คือ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เรารู้จัก และคุ้นเคย และอยากเห็นสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า เขาดูสภาพร่างกายสดมากๆในตอนนี้ สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ ราฮีม คือ การเป็นปีก แค่เตะบอลแล้ววิ่งผ่านกองหลังไป”
“หลายคนคนพยายามทำตัวโชว์พร่ำ และมาพร้อมกับแนวทางที่แปลกใหม่ แต่เมื่อคุณเป็นปีกที่ คุณก็แค่รับบอล และไปเอาชนะนักเตะในตำแหน่งฟูลแบ็กให้ได้ นั่นคือ สิ่งที่ทำให้ ราฮีม เป็นนักเตะอย่างทุกวันนี้”
สเตอร์ลิง นับเป็นการเซ็นสัญญาใหญ่ครั้งแรกหลังจาก ท็อดด์ โบห์ลี มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเข้ามเทคโอเวอร์ เชลซี และหลังจากนั้น “สิงโตน้ำเงินคราม” ทุ่มเงินไปมากมายกับผู้เล่นใหม่ รวมถึงเปลี่ยนตัวกุนซือไป 4 ราย
เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีม เชลซี หลายๆ คน สเตอร์ลิง ต้องดิ้นรนกับโอกาสของตัวเองอย่างหนัก ส่วนหนึ่งมาจากอาการบาดเจ็บ รวมไปถึงความไม่แน่นอนในตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งส่งผลให้แท็คติคเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ในฤดูร้อนนี้ เชลซี ทำการถ่ายเลือดครั้งใหญ่ด้วยการปล่อยนักเตะเก่าบางส่วนออกไป และลดอายุเฉลี่ยผู้เล่นในทีมลงไปอย่างมาก ขณะที่ โปเช็ตติโน ก็ให้ความเชื่อมั่นในตัว สเตอร์ลิง ในการให้เป็นแกนหลักในแนวรุก
สเตอร์ลิง กำลังเข้าสู่ช่วงพีคของอาชีพนักฟุตบอล และมีประสบการณ์การงเล่นในเวทีระดับสูงมากมาย โดยก่อนหน้านี้ เจ้าตัวคว้าแชมป์รายการใหญ่ร่วมกับ แมนฯ ซิตี้ มาแล้วถึง 10 ถ้วย ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และ ลีก คัพ 5 สมัย
ขณะเดียวกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ สเตอร์ลิง ที่จะกลับมาสู่เส้นทางที่ดีในการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง และลบล้างความผิดหวังในฤดูกาลที่ผ่านมากับ เชลซี