ขอให้เป็นเรื่องสมมุติ : หรือในที่สุด เอฟเวอร์ตัน จะตกชั้น ! แล้วทอฟฟี่เม็ดนี้จะเป็นไปอย่างไร ? - OPINION

Everton FC v Newcastle United - Premier League
Everton FC v Newcastle United - Premier League / Gareth Copley/GettyImages
facebooktwitterreddit

ปฏิเสธความเป็นจริงไปไม่ได้แล้วว่า เอฟเวอร์ตัน ผู้ซึ่งยืนระยะลีกสูงสุดมาอย่างยาวนานเป็นประวัติการณ์ 69 ปี กำลังอยู่ในช่วง "วิกฤตการณ์" ด้วย 1 แต้มจากผลเสมอ เลสเตอร์ เมื่อวันจันทร์ ไม่ได้ส่งผลดี แต่กลับดูจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการตกชั้น มากขึ้นกว่าเดิมอีก

มองกันอย่างแง่ร้ายที่สุด หากฝันร้ายกลายเป็นจริงขึ้นมา เอฟเวอร์ตัน ต้องอำลา พรีเมียร์ลีก ไปอย่างสุดช็อก อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง...

1 แต้มนี้ จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ก็ไม่

ฟาดฟันกันอย่างทะลักจุดเดือด และน่าเสียดายแทนใครก็ตามที่ไม่ได้ถ่างตาดูเกมกลางดึก คืนจันทร์ที่ผ่านมา

เมื่อผิดไปจากมันเดย์ไนท์บางครั้งบางคราวที่จบจืดๆ 0-0 เกมตกค้างที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ กับ เอฟเวอร์ตัน คืออะไรที่สะเด็ดสะเด่ากว่าหนังแอ็กชั่นบางเรื่อง และเหนื่อยแทนคนพากย์ว่าต้องตะเบ็งหนแล้วหนเล่า ว๊ากกันจนจะเป็นนักร้องเมทัลอยู่รอมร่อ

โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน ยิงจุดโทษให้ทีมทอฟฟี่นำ 1-0 น.15 ก่อน ชากลาร์ โซยุนชู กับ เจมี่ วาร์ดี้ ซัดให้ เลสเตอร์ แซงนำ น.22 กับ 33 และเกือบจะฉีกสกอร์เป็น 3-1 ด้วยจากจุดโทษของ เจมส์ แมดดิสัน น.45+9 แต่ปรากฏว่า แมดดิสัน กดไปติดเซฟ จอร์แดน พิคฟอร์ด อย่างจัง จนที่สุดแล้ว เอฟเวอร์ตัน ก็ตามตีคืนได้จาก อเล็กซ์ อิโวบี้ น.54

เกมนี้ ยังเป็นเกมที่ ดาเนี่ยล อีเวอร์เซ่น นายประตูเดนิชของ เลสเตอร์ (เพิ่งขึ้นมาแทน แดนนี่ วอร์ด ช่วงเดือนหลัง) เฉิดฉายเป็นที่สุดแม้โดนยิง 2 ลูก ด้วยการเซฟรวม 6 ครั้ง เช่นเดียวกับที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ป้องกันลูกสำคัญช่วย เอฟเวอร์ตัน ไว้ 3-4 หน รวมถึงจุดโทษของ แมดดิสัน ที่ยิงมากลางประตูแล้ว พิคฟอร์ด ดักทางได้ถูกเป๊ะพอดี

ยังพบว่า เลสเตอร์ สร้างโอกาสรวมได้ 15 ครั้ง ส่วน เอฟเวอร์ตัน มากถึง 23 หน

ก็คงบอกได้ว่า นี่คือเกมที่นิยามการ "ดิ้นหนีตาย" จาก พรีเมียร์ลีก ได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม 1 แต้มทั้งทั้งคู่แชร์กันไป จะว่าดีก็ดี...จะว่าไม่ก็ไม่

1 แต้มที่ เลสเตอร์ ได้ไป ทำให้อันดับขยับขึ้นเล็กน้อย จาก 18 ไปเป็น 16 แต่ก็มีแต้มเท่ากับอันดับ 18 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ โดยดีกว่าเพียงผลต่างประตูได้เสีย (-13 : -32) เท่านั้น

ส่วน 1 แต้มที่ เอฟเวอร์ตัน คว้ามา แทบไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่เลย โดยยังคงจม "รองบ๊วย" ต่อไป ที่การมี 29 แต้ม ตามหลังโซนปลอดภัยอันดับ 17 ลีดส์ ลดลงเล็กน้อยที่ 1 แต้ม

ก็ถ้าจะมีการกะเก็งกันว่า เชลซี ที่รั้งอันดับ 12 แต่แพ้มา 5 เกมรวดในยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด กำลังเสี่ยงอันตรายต่อการตกชั้นแล้ว คงต้องบอกว่า เอฟเวอร์ตัน (ที่เคยเป็นของ แลมพาร์ด มาก่อน) นี่ต่างหากที่อาการหนักกว่าเยอะ

แบบที่ถ้าต้องดิ่งเหวในท้ายที่สุด...จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยด้วย!

Timothy Castagne, Dwight McNeil
Leicester City v Everton FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages

ชอน ไดช์ เหมือนจะ "ไม่ใช่"

เพราะแม้จะออกสตาร์ทได้เจ๋งเป้งไปเลย อดีตนายใหญ่ เบิร์นลี่ย์ อย่าง ชอน ไดช์ เข้ามาสร้างเซอร์ไพรส์ได้อย่างปุบปับ พลิกฟื้นทีมที่ง่อนแง่นโงนเงนในยุค แลมพาร์ด ให้เอาชนะ อาร์เซน่อล ได้แบบช็อกวงการ 1-0 เมื่อ 4 ก.พ. แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปแล้วนั้น มันก็เริ่มจะชัดขึ้นทุกขณะว่า ชอน ไดช์ เหมือนจะยังไม่ได้เป็น "คนที่ใช่" สำหรับงานนี้

ไม่สำคัญว่าสไตล์ฟุตบอลจะเป็นแบบไหน ความน่าตื่นตาตื่นใจในสนามจะเป็นไปอย่างไร เมื่อในท้ายที่สุด ฟุตบอล ยังคงตัดสินกันด้วยผลลัพธ์

และ เอฟเวอร์ตัน ยุค ชอน ไดช์ ชนะได้แค่ 3 นัดเท่านั้นจาก 14 เกมลีกหลังสุด -- ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ 6

สำคัญคือ 1-2 เดือนหลังซึ่งนับเป็นช่วง "ชี้เป็นชี้ตาย" ว่าจะอยู่หรือไปจาก พรีเมียร์ลีก ปรากฏว่า เอฟเวอร์ตัน...

  • เสมอ เชลซี 2-2

    เสมอ สเปอร์ส 1-1

    แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2

    แพ้ ฟูแล่ม 1-3

    เสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0

    แพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-4

    เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-2

ชนะใครไม่เป็นมา 7 เกมซ้อน และยังคงพาตัวเองหลุดไปจากโซนแดงแจ๋ไม่สำเร็จ ในขณะที่เหลือเกมในมือเพียง "สี่นัดสุดท้าย" เท่านั้น

Sean Dyche
Crystal Palace v Everton FC - Premier League / Warren Little/GettyImages

แนวโน้ม 4 เกมสุดท้าย...ไม่น่ารอด

เพราะไร้เสียงเฮเมื่อสิ้นสุดเกมมา 7 นัดติดต่อกันแล้ว ทำให้ทิศทางที่เป็นของ เอฟเวอร์ตัน ไม่มีแง่บวกอะไรทั้งนั้นให้หยิบจับ

นี่คือคิวเตะ 4 นัดสุดท้ายที่รอทีมทอฟฟี่อยู่

  • จันทร์ 8 พ.ค. (เยือน) ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน

    เสาร์ 13 พ.ค. (เหย้า) แมนเชสเตอร์ ซิตี้

    เสาร์ 20 พ.ค. (เยือน) วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

    อาทิตย์ 28 พ.ค. (เหย้า) บอร์นมัธ

แน่นอนว่าไม่มีเกมไหนง่ายดาย และก็ไม่มีเกมไหนที่สามารถคาดหวังถึงชัยชนะ--หรือแม้กระทั่ง 1 แต้มเป็นอย่างน้อย แทรกอยู่แต่อย่างใด

จันทร์หน้า พวกเขาจะออกไปเยือน ไบรท์ตัน เจ้านกนางนวลที่ติดลมบน และชนะเกมในบ้าน 3 จาก 4 นัดหลัง รวมถึงล่าสุดที่ขยี้ วูล์ฟส์ เละเทะ 6-0

เสาร์หน้าโน้น จะกลับมาเปิด กูดิสัน พาร์ค รับมือ แมนฯ ซิตี้ ที่กำลังติดเครื่องมุ่งสู่แชมป์ 3 ปีซ้อน

เกมรองสุดท้าย บุกเตะ วูล์ฟส์ ที่ก็แข็งโป๊กในบ้านแบบชนะเกมศูนย์มา 3 นัดซ้อน (1-0 เชลซี, 2-0 เบรนท์ฟอร์ด, 2-0 คริสตัล พาเลซ ก่อนมีเกมกับ แอสตัน วิลล่า เสาร์นี้)

และนัดสุดท้าย เปิด กูดิสัน พาร์ค วัดกับ บอร์นมัธ ผู้ซึ่งกำลังมือขึ้น ชนะ 4 จาก 5 นัดหลัง จนตอนนี้เด้งตัวไปรั้งอันดับ 13 แล้ว

จากที่ต้องการชัยชนะอย่างน้อยๆ 2 จาก 4 เกมที่ยังเหลือ ดีไม่ดี เอฟเวอร์ตัน จะไม่ชนะใครเอาเลย

และนั่น มีสิทธิ์จะทำให้พวกเขาปิดตำนานการยืนระยะลีกสูงสุด 69 ปีติดต่อกัน ลงทันที หรือก็คือตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรก นั่นเอง

Manchester United v Everton FC - Premier League
Manchester United v Everton FC - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น

หากบทสรุปออกในแง่เลวร้ายที่สุดเท่าที่พอนึกถึงได้ ไม่ต้องสงสัย โครงสร้างฟุตบอลใน กูดิสัน พาร์ค จะถึงคราว "เซ็ตซีโร่" ขึ้นมาทันที -- ไม่ต้องนับเสียงหัวเราะเย้ยหยันที่จะดังขึ้นจากอีกฟากของสวน สแตนลี่ย์ พาร์ค

แรกสุด ชอน ไดช์ ไม่น่าได้อยู่นั่งเก้าอี้ต่อไป

ถัดมา จะมีนักเตะที่ถูกขายออกเพื่อสร้างสมดุลการคลัง--ทดแทนรายได้นับร้อยๆ ล้านปอนด์ที่ขาดหายไปจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีก ซึ่งแข้งที่เข้าข่ายก็มีอยู่เพียบ ไม่ว่าจะ จอร์แดน พิคฟอร์ด, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เยร์รี่ มิน่า, โคเนอร์ โคอาดี้, อมาดู โอนาน่า, อับดูลาย ดูคูเร่, ทอม เดวิส, อเล็กซ์ อิโวบี้, ดีมาไร เกรย์, โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน หรือ ดไวท์ แม็คนีล

ส่วนกุนซือใหม่หรือขุมกำลังนักเตะใหม่ที่จะเข้ามาทดแทน ยังเป็นเรื่องเกินการคาดเดา ณ ตอนนี้

อีกสิ่งที่แน่นอนคือ จากทีมที่เคยได้สู้เพื่อจบหัวตาราง พรีเมียร์ลีก แย่งโควต้าเตะบอลยุโรปกับใครๆ ก็จะกลายเป็นทีมลีกรองที่ได้คู่แข่งเป็นทีมอย่าง เบอร์มิงแฮม, บริสตอล ซิตี้, อิปสวิช ทาวน์, นอริช ซิตี้, เปรสตัน นอร์ธเอนด์, ร็อตเตอร์แฮม, สโต๊ค, สวอนซี ฯลฯ แทนไป

นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังเป็นไปได้ด้วยที่ ฟาร์ฮัด โมชิรี่ ผู้ซึ่งเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรตั้งแต่ปี 2016 จะเทขายหุ้นบางส่วน หรืออาจประกาศขายทีมต่อ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง ก็อาจเป็นข่าวดีของสาวกทอฟฟี่ก็ได้นะ

Farhad Moshiri
Everton FC v Arsenal FC - Premier League / Alex Livesey/GettyImages

แง่ดีที่ยังพอเหลือ

สุดท้าย ถ้ามีอันต้องตกชั้นขึ้นจริง นอกจากการเซ็ตซีโร่ คิดใหม่ทำใหม่ของ เอฟเวอร์ตัน แล้ว ก็อาจจะยังพอมองแง่ดีได้อยู่บ้าง

อย่างการที่หลายปีหลัง มีทีมที่ตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก ลงไปแล้ว ก็สามารถเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ทันทีในปีเดียว หลายรายอยู่

2019/20 บอร์นมัธ, วัตฟอร์ด, นอริช ตกชั้น -- วัตฟอร์ด กับ นอริช เลื่อนชั้นกลับในปีเดียว

2020/21 ฟูแล่ม, เวสต์บรอมวิช, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ตกชั้น -- ฟูแล่ม เลื่อนชั้นกลับในปีเดียว

2021/22 เบิร์นลี่ย์, วัตฟอร์ด, นอริช ตกชั้น -- เบิร์นลี่ย์ เลื่อนชั้นกลับในปีเดียว และยังมี เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่เลื่อนขึ้นได้หลังตกมาแค่ 2 ปี

ระดับ เอฟเวอร์ตัน ที่ไม่กี่ปีก่อนยังจบอันดับ 7-8 พรีเมียร์ลีกอยู่เลย ถ้าต้องหลุดลงไป ก็ดูมีลุ้นจะคืนกลับมาได้โดยไม่ต้องรอนานนัก

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลยังเป็นการคาดการณ์ในแง่เลวร้ายที่สุด

สิ่งที่ เอฟเวอร์ตัน ต้องทำกันจริงๆ ก็คือ สู้สุดชีวิตเพื่อให้ได้แต้มมากที่สุดใน 4 เกมสุดท้ายที่ยังเหลือ

และหวังว่า งานเขียนชิ้นนี้ จะเป็นแค่เรื่องสมมุติ...

Michael Keane, Seamus Coleman
Leicester City v Everton FC - Premier League / Catherine Ivill/GettyImages