เพราะอะไร ? เชลซี อาจเป็นทีมที่ใช่สำหรับ เมสซี - OPINION

FC Barcelona v Chelsea FC - UEFA Champions League Round of 16: Second Leg
FC Barcelona v Chelsea FC - UEFA Champions League Round of 16: Second Leg / Vladimir Rys Photography/Getty Images
facebooktwitterreddit

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ลิโอเนล เมสซี ซุเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของโลก จะไม่อยู่ค้าแข้งกับ บาร์เซโลนา ต่อไปแน่นอนแล้ว เนื่องจากปัญหาทางการเงินที่ไปขัดกับกฏข้อบังคับของ ลาลีกา ทำให้ เจ้าบุญทุ่ม แม้จะเซ็นสัญญากับ เมสซี ได้ แต่ก็จะไม่สามารถลงทะเบียนเป็นหนึ่งในขุนพลในฤดูกาลหน้าได้อยู่ดี เพราะฉนั้น ย้าย ! จึงเป็นทางเลือกเดียวของซุเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนตินาในเวลานี้... แต่จะไปที่ไหนดีล่ะ ?

สื่อหลายสำนักประโคมข่าวอย่างหนักหน่วงว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นเต็งหนึ่งในการได้ลายเซ็นของยอดนักเตะวัย 34 ปีรายนี้ไป แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ทางเลือกให้เขาได้ตัดสินใจโดยเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ที่หลายสโมสรต่างก็สนใจจะดึง เมสซี เข้ามาพิสูจน์ตัวเองในอังกฤษด้วยเช่นกัน

Lionel Messi
FC Barcelona v RC Celta - La Liga Santander / David Ramos/Getty Images

แน่นอน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีนายเก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะถูกพูดถึงเป็นชื่อแรกเสมอ แต่การที่ เรือใบสีฟ้า เพิ่งจะทุ่มเงินกว่า 100 ล้านกระชากตัว แจ็ค กริลิช มาร่วมทีมแถมยังมอบเบอร์ 10 ให้ไปแล้วอีกนั้น ทำให้โอกาสที่ เป๊ป จะได้กลับมาร่วมงานกับ เมสซี ดูจะน้อยลงไป ไหนจะต้องเตรียมทุ่มอีก 130 ล้านล่า แฮร์รี เคน ที่น่าจะเป็นการเสริมทัพที่ตรงจุดมากกว่าสำหรับ แมนฯ ซิตี้ ณ เวลานี้อีก

แล้วถ้าหากเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ อาร์เซนอล ล่ะ ? ปีศาจแดง แม้จะมีกำลังทรัพย์มากพอ แต่พวกเขาก็เพิ่งจะคว้าตัวรุกอย่าง เจดอน ซานโช มาหมาด ๆ แถมยังมีเดอะแบกอันดับหนึ่งอย่าง บรูโน เฟอร์นันเดส ที่การันตีผลงานสุดแจ่มอยู่แล้ว โอเล กุนนาร์ โชลชาร์ คงไม่เสี่ยงปรับทั้งทีมเพื่อให้เหมาะกับการมี เมสซี เป็นศูนย์กลางแน่ ๆ ด้าน ปืนใหญ่ แม้เรื่องการเงินจะไม่เป็นปัญหาเช่นกัน แต่ดูจะติดที่ผลงานเพราะพวกเขาจะไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้าจึงไม่น่าจะถูกตาถูกใจ เมสซี เท่าใดนัก

ส่วน ลิเวอร์พูล ที่ช่วงนี้ต้องรัดเข็มขัดเป็นพิเศษ แถมพวกเขาก็ไม่มีนโยบายเทค่าเหนื่อยให้นักเตะเพียงคนเดียว เพราะกำลังดำเนินการทยอยต่อสัญญานักเตะตัวหลักที่จะเก็บไว้ใช้เป็นแกนหลักในอนาคตอยู่ จึงยากที่ หงส์แดง จะยอมทุ่มเงินหลัก 6-7 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์เพื่อวัดดวงกับนักเตะอายุ 34 ปีอย่างแน่นอน

ในขณะที่ เชลซี ที่ปีนี้การตัดแต่งขุมกำลังยังคงเงียบกริบ มีแต่ปล่อยนักเตะส่วนเกินออกจากทีม และเสริมทัพเข้ามาเพียงนายประตูมือสามแบบไร้ค่าตัวเท่านั้น แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา สิงห์บลู เองจะตกเป็นข่าวกับแข้งดังหลาย ๆ คน แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น นั่นทำให้ สิงโตน้ำเงินคราม ของ โธมัส ทูเคิล ยังคงมองหาคนที่ใช่สำหรับการขยายอำนาจความยิ่งใหญ่หลังจากเพิ่งจะครองเจ้ายุโรปมาได้ในฤดูกาลก่อน หรือบางที ลิโอเนล เมสซี จะเป็นคนที่ใช่สำหรับพวกเขาก็เป็นได้ ก็เพราะ...

ความท้าทายใน พรีเมียร์ลีก

สิ่งนี้แฟนบอลอังกฤษอย่างเรา ๆ คงจะทราบกันดี แม้ว่าช่วงหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะครองความยิ่งใหญ่ในอังกฤษได้อยู่บ่อย ๆ แต่ก็แทบไม่มีสโมสรไหนผูกขาดการชูถ้วยแบบต่อเนื่องเหมือนที่ ยุเวนตุส ทำที่อิตาลี หรือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทำในฝรั่งเศสเลย ทุกทีมมีโอกาสดีดตัวเองขึ้นมาลุ้นหัวตารางได้แทบจะทุกทีม แถมยังมียักษ์ใหญ่ที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาผงาดในฤดูกาลหน้าอย่างน้อยถึง 7 ทีม (ท็อป 6 + เลสเตอร์) นี่ยังไม่นับม้ามึดที่มีแทบจะทุกฤดูกาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือความท้าทายที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วแม้แต่ ลาลีกาสเปน เองก็ยังมีสามทีมที่ผูกขาดเวียนกันคว้าแชมป์อยู่ไม่กี่ทีมตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

FBL-ENG-PR-CHELSEA-MAN UTD
FBL-ENG-PR-CHELSEA-MAN UTD / ANDY RAIN/Getty Images

กระเป๋าตัง ไม่เคยเป็นปัญหา

เรื่องความจุของเงินในกระเป๋าก็เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า เชลซี ไม่ได้น้อยหน้า สองยักษ์ใหญ่ร่วมลีกจากเมือง แมนเชสเตอร์ หรือแม้แต่ทีมดังอื่น ๆ ทั่วทวีปยุโรปเลยแม้แต่น้อย แถม เมสซี เองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของ เสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะงั้นการจะยอมควักเงินระดับห้าแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ขึ้นไปกับนักเตะในดวงใจของเสี่ยแบบนี้ คงไม่น่าเป็นปัญหาใดใดที่ทีมจะเต็มใจมอบให้ด้วยประการทั้งปวง

Roman Abramovic
Ian MacNicol Archive / Ian MacNicol/Getty Images

มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

ถ้าเป็นสักปีหรือสองปีก่อน เชลซี คงอาจจะเป็นเพียงม้านอกสายตาของใครหลาย ๆ คนที่ทำได้เพียงเป็นตัวประกอบบนเวทียุโรปซึ่งนั่นทำให้ยากที่จะดึงดูดความสนใจของนักเตะระดับหัวแถวของโลกให้ย้ายมาค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ไม่ใช่สำหรับปัจจุบันเพราะการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่เมื่อฤดูกาลก่อนรวมถึงการมาของยอดโค้ชอย่าง โธมัส ทูเคิล กลับกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสุด ๆ จนสามารถพา สิงห์ไฮโซ ผงาดขึ้นคว้าแชมป์ยุโรปได้อย่างสมศักดิ์ศรีชนิดที่ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกเขาแค่โชคดีเหมือนในปี 2011 ที่ผ่านมาอีกแล้ว

Chelsea win Champions League title
Chelsea win Champions League title / Anadolu Agency/Getty Images

แผนการเล่นที่เน้นเกมบุกแบบเร้าใจ

นับตั้งแต่การมาของ โธมัส ทูเคิล เชลซี ก็กลายเป็นทีมที่บุกมันส์แถมยังรับแน่น มีเกมรุกที่หลากหลาย เน้นครองบอลต่อบอล แถมยังทำเกมสวนกลับได้อย่างเฉียบขาด หลังสามกับสองวิงแบ็คที่คอยช่วยเกมรับพร้อมกับสร้างสรรค์เกมกลายเป็นแนวทางที่ลงตัวแบบพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน อีกทั้งปัจจุบันพวกเขามีเพชรฆาตอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์ ที่ดูจะเชื่อถือได้เป็นตัวจบสกอร์ จะขาดก็แต่เพียงเพลย์เมคเกอร์ธรรมชาติที่ก่อนหน้านี้หวังพึ่งแต่ดาวรุ่งไฟแรงอย่าง เมสัน เมานท์ ที่แบกรับความคาดหวังแต่เพียงผู้เดียวมาตลอด ฉนั้นการมีซุเปอร์สตาร์มากประสบการณ์อย่าง เมสซี เข้ามาเติมเต็มคงจะวิน ๆ กันทั้งสองฝ่ายโดยที่ทีมก็จะมีแนวการการเข้าทำจากตรงกลางสร้างมิติในเกมบุกให้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงตัว เมสซี เองที่ก็มีสไตล์ไม่เน้นวิ่งเยอะอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องช่วยเกมรับมากมายเพราะนอกจากแผงหลังที่แน่นปึกแล้วยังมี จอร์จินโญ และ ก็องเต้ คอยช่วยเก็บกวาดให้อยู่แล้ว จึงสามารถเก็บแรงไว้ทุ่มกับจังหวะเกมรุกได้เต็มทีเหมือนที่เคยทำที่ บาร์เซโลนา และ ทีมชาติอาร์เจนตินา ในรอบหลายปีที่ผ่านมานั่นเอง...


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด