ปัญหาใหญ่ของ ลูกากู และทางที่อาจใช่สำหรับดาวเตะชาวเบลเยียมในฤดูกาลหน้า - OPINION
กลายเป็นดีลสุดเฟลอันดับต้น ๆ ในประวัติศาสตร์สโมสรของ เชลซี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับการกลับมาซบอกต้นสังกัดเก่าเป็นครั้งที่สองด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 100 ล้านปอนด์ หลังจากย้ายไประเบิดฟอร์มเก่งกับ อิเตอร์ มิลาน ช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา
การมาของเขาในช่วงแรกดูจะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการประเดิมสนามพร้อมกับฟอร์มเทพในเกมที่พบกับ อาร์เซนอล ซึ่งวันนั้นเจ้าตัวใช้ความแข็งแกร่งฉีกแนวรับของ ปืนใหญ่ ได้อย่างย่อยยับไม่มีชิ้นดี พร้อมกับกดอีกสองประตูใน 10 วันถัดมาเกมที่พวกเขาเปิดบ้านถล่ม แอสตัน วิลลา 3-0 ทำให้ไม่แปลที่ ณ เวลานั้น ลูกากู จะกลายเป็นความหวังใหม่ที่แฟน ๆ สิงห์บลู ต่างคาดกันว่าจะเป็นผู้ทำลายอาถรรพ์หมายเลข 9 ลงได้เสียที
แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็เริ่มเท้าบอดทำประตูไม่ได้ บวกกับมีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานจนต้องพักยาวเป็นเดือน ๆ กลับมาก็โชคร้ายติดโควิดต้องพักอีก 2 สัปดาห์และเพิ่งจะฟิตพร้อมลงช่วยทีมได้อย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็คือช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา
และก็อย่างที่ทราบกันว่าผลงานนับตั้งแต่ขึ้นปี 2022 โรเมลู ลูกากู ยังคงทำไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียวใน พรีเมียร์ลีก จะมียิงได้บ้างในฟุตบอลถ้วยที่พบกับคู่แข่งคนละระดับชั้นอย่าง เอฟเอ คัพ หรือใน ฟีฟ่า คลับเวิลด์คัพ เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นผลงานในสนามเรียกได้ว่ายิ่งเล่นยิ่งออกทะเล บทบาทการมีส่วนร่วมกับเกมค่อย ๆ หายไปจนถูกดร็อปเป็นเพียงอะใหล่เรียบร้อยในปัจจุบัน
เพราะอะไร ?
อันที่จริงมันอาจจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผลงานของ ลูกากู ตกต่ำลงได้ขนาดนี้ แต่ที่เห็นได้ชัดและมันค่อนข้างจะถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนนั่นคือ "ใจ" ที่ดูจะไม่ค่อยแน่วแน่และแข็มแข็งเหมือนกับร่ายกายอันกำยำของเขาเอาเสียเลย ซึ่งแฟนบอลคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าสภาพจิตใจมันเป็นอะไรที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าฝีเท้าในเกมฟุตบอล หากคุณไม่สามารถรับมือกับความกดดันที่ถาโถมทั้งจากสื่อ จากสโมสร จากแฟนบอล หรือจากปัจจัยอื่น ๆ ต่อให้คุณเล่นเก่งแค่ไหนมันก็ยากที่คุณจะสามารถยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดที่ทั้งหนาวเหน็บและอากาศเบาบางได้
แล้วทำไมถึงมองว่าปัญหาใหญ่ของ ลูกากู อยู่ที่ "หัวจิตหัวใจ" ล่ะ ? นั่นก็เป็นเพราะหากมองเฉพาะในฤดูกาลนี้ก่อน ลูกากู เคยออกมากล่าวต่อหน้าสื่อถึงความไม่พอใจสถานการณ์ในทีมรวมถึงการวิจารณ์แทคติกของผู้จัดการทีมถึง 2 ครั้ง จนต้องออกมาแถลงขอโทษขอโพยแฟนบอลกันมาแล้ว แถมสิ่งที่แสดงออกชัดเจนมากกว่าคำพูดของเขาคือผลงานในสนามที่หลังจากถูกทั้งสื่อ แฟนบอล รวมถึงตัวเลขค่าตัวถาโถมจนเสียความมั่นใจตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล เจ้าตัวก็ดูจะไม่ทุ่มเทเหมือนในช่วงแรก ๆ ระยะทางในการวิ่งเริ่มน้อยลง ขยับหาพื้นที่น้อยลง จนปัจจุบันกลายเป็นบุคคลที่แทบจะไร้อิมแพคกับทีมเป็นที่เรียบร้อย
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาวยิงชาว เบลเยี่ยม ออกลูกงอแงกับต้นสังกัด เพราะมันเคยเกิดมาแล้วทั้งกับ เชลซี ในหนแรกและ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยกับ สิงโตน้ำเงินคราม หลังจากที่เจ้าตัวย้ายไปทำผลงานได้ดีกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน นายใหญ่เมื่อฤดูกาล 2013/14 อย่าง โชเซ มูรินโญ เคยออกมายอมรับเลยว่า ลูกากู จะสามารถก้าวไปเป็นเป็น "นิว ดร็อกบา" ได้ แต่หลังจากผ่านช่วงต้นฤดูกาลเจ้าตัวกลับไม่สามารถเอาชนะใจกุนซือเดอะสเปเชียลวันได้ ก็ดึงดันจะย้ายทีมอีกครั้งก่อนที่สโมสรจะตกลงกับ เอฟเวอร์ตัน ได้ด้วยสัญญายืมตัวก่อนที่จะย้ายขาดไปในปี 2014 ซึ่ง เชลซี ก็จำเป็นต้องไปคว้าตัว ดิเอโก้ คอสต้า เข้ามาแทนที่ หรือกับ ปีศาจแดง ที่หลังจากผลงาน 2 ฤดูกาลในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เริ่มไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็มีข่าวหนาหูว่าเจ้าตัวไม่มีความสุขกับทีม จนช่วงหน้าร้อนปี 2019 เจ้าตัวเลยจัดการแสดงออกอย่างชัดเจนด้วยการไม่ยอมกลับมาร่วมซ้อมปรีซีซั่น พร้อมกับประกาศชัดเจนว่าต้องการจะย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน และบีบให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รีบปล่อยตัวเขาออกจากทีมให้เร็วที่สุดนั่นเอง
แล้วจะต้องทำอย่างไร ?
จากปัญหาเรื่องสภาพจิตใจที่ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะอย่างแรงกับการเล่นให้กับทีมระดับท็อปในลีกระดับท็อปที่มีความกดดันและการแข่งขันสูงโดยเห็นได้จากผลงานและพฤติกรรมนอกสนามทั้งตอนอยู่กับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คำถามคือแล้วเจ้าตัวควรทำอย่างไรต่อเพื่อชุบชีวิตการค้าแข้งที่ควรจะอยู่ในช่วงพีคให้กลับมาได้อีกครั้ง ?
แน่นอนการอยู่สู้ต่อในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นทางเลือกที่ดูจะง่ายที่สุดเพราะแทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร ขอเพียงแต่เปลี่ยนทัศนคติเท่านั้น ! แม้จะฟังดูเหมือนง่ายแต่การจะเปลี่ยนมุมมองของคนเป็นเรื่องที่ลึกล้ำและยากเย็นแสนเข็ญเอาเรื่อง จนบางทีการเลือกจะย้ายออกไปหาที่ที่เหมาะกับตัวเรายังง่ายกว่าด้วยซ้ำ แล้วจะให้ไปไหนล่ะ ?
แน่นอนที่ผ่านมา ลูกากู เองก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเล่นให้กับทีมระดับรองลงมาของอังกฤษได้ดีแค่ไหนทั้งกับ เวสต์บรอมวิช และ เอฟเวอร์ตัน พร้อมกับยังสามารถระเบิดฟอร์มเทพในลีกอย่าง กัลโช เซเรีย อา ได้อย่างไร้ที่ติ เพราะฉนั้นหากเจ้าตัวไม่ต้องการจะค้าแข้งในอังกฤษต่อไปลีกอย่าง กัลโช เซเรีย อา อิตาลี บุนเดสลีกาเยอรมัน หรือแม้แต่ ลีกเอิงฝรั่งเศส ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะทีมอย่าง ยูเวนตุส เองก็กำลังมองหาจุดเปลี่ยนในการกลับมากลับมาทวงความยิ่งใหญ่ ด้าน บาเยิร์น มิวนิค ที่มีโอกาสสูงที่จะเสียตัว เลวานดอฟสกี้ ไป รวมถึง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เองที่ไม่มีปัญหาแน่นอนกับการจ่ายค่าตัวของเขาคนนี้ แต่...
หาก ลูกากู ต้องการจะเล่นในอังกฤษกับสโมสรอื่น อย่างน้อยตอนนี้ก็พอจะเห็นหนึ่งทีมที่ดูจะเหมาะสมกับเขาสุด ๆ อย่าง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ถามว่าทำไมถึงต้องเป็น ไก่เดือยทอง ก็เพราะ อันโตนิโอ คอนเต้ ดูจะเป็นหนึ่งในสองกุนซือที่มีคู่มือใช้งานที่ถูกต้อง ส่วนอีกรายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยียมคนปัจจุบันที่เคยปั้นเขาจนเป็นผู้เป็นคนสมัยอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน ทางด้าน คอนเต้ เองก็มีส่วนสำคัญยกระดับ ลูกากู ให้กลายเป็นเบอร์ท็อปของวงการสมัยทำงานร่วมกันที่ที่ งูใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ของ แฮร์รี เคน เองก็ยังไม่แน่ไม่นอน ไม่แน่ว่าหากทั้งคู่ได้กลับมาร่วมงานกันอกีครั้ง คอนเต้ อาจชุบชีวิตสตาร์ร่างยักษ์รายนี้ให้กลับมาเป็นหัวหอกที่น่าเกรงขามอีกครั้งก็เป็นได้...
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด