[OPINION] วิเคราะห์แท็คติกของ ลิเวอร์พูล ที่จะเปลี่ยนแปลงไปหากคว้าตัว ติอาโก้ อัลคันทารา ร่วมทีม

German DFB Pokal"FC Schalke 04 v Bayern Munchen"
German DFB Pokal"FC Schalke 04 v Bayern Munchen" / ANP Sport/Getty Images
facebooktwitterreddit

ติอาโก้ อัลคันทารา มิดฟิลด์ชาว สเปน วัย 29 ปีตกเป็นข่าวพาดหัวกับ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แห่งศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยรายงานดังกล่าวถึงกับระบุว่าดีลระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับทัพ หงส์แดง ใกล้ที่จะลุล่วงเต็มทีภายใต้มูลค่าราว 32 ล้านปอนด์

แม้ดีล ติอาโก้ จะเป็นการคว้าตัวสวนทางกับ อดัม ลัลลานา ที่กำลังจะกลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์ในซัมเมอร์นี้แต่เราก็อดแปลกใจไม่น้อยที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ (มีความเป็นไปได้สูงที่จะตัดสินใจ) คว้าตัวกองกลางมาร่วมทัพอีกรายในความรู้สึกแรก ท่ามกลางทรัพยากรที่มีอยู่แล้วในทีมอย่าง ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จินี ไวนัลดุม, นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน และอาจรวมไปถึง ทาคูมิ มินามิโนะ ที่สามารถประจำการในแผงมิดฟิลด์ได้

หากแต่เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดก็พบว่ากองกลางอย่าง ติอาโก้ คือจิ๊กซอว์ที่จะสามารถเติมเต็มการเล่นของพลพรรค เร้ดแมชีน ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

แม้ ติอาโก้ จะอยู่ระหว่างพักฟื้นจากการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บที่บริเวณกล้ามเนื้อโคนขาหนีบจนพลาดลงสนามให้กับทัพ เสือใต้ ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแต่เขายังมีสถิติเป็น 1 ใน 5 นักเตะที่มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลมากที่สุดในศึก บุนเดสลีกา โดยมีเพียง 6 แข้งนอกเหนือจาก ติอาโก้ เท่านั้นที่มีอัตราการผ่านบอลสำเร็จมากกว่าเจ้าตัว

ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคืออัตราการผ่านบอลสำเร็จ 90.5 เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับค่าเฉลี่ยวางบอลยาว 6.2 ครั้งต่อเกม นับเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในลีก นอกเหนือไปจากการผ่านบอลยาวที่แม่นยำ ติอาโก้ ยังมีค่าเฉลี่ยเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จสูงที่สุดใน บุนเดสลีกา ที่ 3 ครั้งต่อเกม

คำถามก็คือว่าสถิติดังกล่าวสามารถบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านแท็คติกของ ลิเวอร์พูล อย่างไรบ้างหาก หงส์แดง สามารถปิดดีลคว้าตัวเขาไปร่วมทีม?

จากสถิติที่โดดเด่นทั้งการวางบอลยาวและการพาบอลหนีคู่ต่อสู้ของ ติอาโก้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาคือกองกลางในแบบที่ ลิเวอร์พูล ในชุดปัจจุบันไม่มีอยู่ในทีม

เมื่อพิจาณาจากฟุตบอลสไตล์เฮฟวีเมทัลที่ค่อยๆ ลดดีกรีความร้อนแรงลงของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่ง หงส์แดง กลายเป็นทีมที่มีการเร่งเครื่อง-ผ่อนเกม ตามจังหวะฟุตบอลมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเคยตะบี้ตะบันดาหน้าโหมเข้าใส่คู่ต่อสู้

ประกอบกับสถานะอันเดอร์ด็อกเดิมที่พวกเขาเคยอยู่ มาวันนี้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่คู่ต่อสู้ต้องหวั่นเกรง ซึ่งทัศนคติที่เปลี่ยนไปของคู่แข่งก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้รูปแบบการเล่นเปลี่ยนไปด้วย หงส์แดง อาจต้องเจอเกมที่เขี้ยวขึ้นกว่าเดิมบ่อยครั้งเมื่อคู่แข่งเล่นอย่างระมัดระวังตัวมากขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ ติอาโก้ สามารถเข้ามาเติมเต็มความหลากหลายในทัพ เร้ดแมชีนได้

ทักษะการวางบอลยาวของ ติอาโก้ จะทำให้ ลิเวอร์พูล มีการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกที่รวดเร็ว เสริมจุดเด่นในแดนหน้าที่มีนักเตะอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน อันเป็นตัวรุกรอบจัด ในขณะเดียวกันเราอาจจะได้เห็นบอลเดินทางสวิทชิ่งเปลี่ยนแกนสลับฝั่ง เติมเต็มเกมริมเส้นที่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน วูบวาบทั้งซ้ายและขวา

ความสามารถในการเลี้ยงบอลเอาชนะคู่ต่อสู้ยังทำให้แดนกลางของ หงส์แดง แพรวพราวมากยิ่งขึ้น สามารถเอาตัวรอดในการเจอกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ทั้งในลีกและบอล ยุโรป รวมไปถึงเป็นอาวุธทีเด็ดพาบอลไปทะลายโซนแนวรับคู่แข่งเมื่อเจอกับทีมที่จอดรถบัสใส่

การมีออปชันนักเตะเชิงสูงอย่าง ติอาโก้ อยู่ในทีมยังทำให้ คล็อปป์ มีทางเลือกในการจัดรูปแบบแท็คติกที่หลายหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดโดยอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความเป็นไปได้เมื่อพิจารณาจากนักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง เดยัน ลอฟเรน มีแววที่จะบอกลาถิ่น แอนฟิลด์ ขณะที่ โจเอล มาติป ประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานต่อเนื่องทำให้ขงเบ้งชาว เยอรมัน อาจวางแผนที่จะใช้งาน ฟาบินโญ ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเคียงคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ อย่างที่เขาเคยทดลองมาแล้วหลายครั้ง

ทั้งหลายทั้งปวงดูเหมือนว่า ปัญหาเดียวที่นายใหญ่ชาว เยอรมัน ต้องพลเจอหากดีลดังกล่าวลุล่วงไปได้ด้วยดีก็คืออาการปวดหัวจากการที่มีออปชันให้เลือกลงสนามเต็มไปหมดเท่านั้นเอง


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น ! * ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใด ๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด