ตัดจบที่ 12 ปี? : หรือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะถึงคราวจากลา ลิเวอร์พูล ไปสู่ฉากชีวิตใหม่ที่ ซาอุฯ - OPINION
• จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รับใช้ ลิเวอร์พูล มาอย่างยาวนาน 12 ปี
• แล้วชีวิตก็มาถึงทางแยก ระหว่างเลี้ยวซ้ายเพื่ออยู่ต่อ กับเลี้ยวขวาเพื่ออำลาทีม...
ถัดจาก ดาบิด เด เคอา ที่ปิดฉากกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเซอร์ไพรส์ ใครเลยจะคาดคิดว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยอดมิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล อาจเป็นรายถัดไป
เพียงแต่ก็ด้วยต่างกรรมต่างวาระ การ (มีสิทธิ์จะ) แยกทางจากหงส์ครั้งนี้ของ เฮนโด้ คงเป็นเพราะเขามีทางเลือกน่าสนใจ น่ามุ่งไปหาไม่ใช่น้อย
ระหว่างอยู่ต่อ ลิเวอร์พูล กับไปเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ ซาอุดีอาระเบีย นี่คือสองชอยส์ที่ เฮนเดอร์สัน ต้องเลือก...
12 ปีในรังหงส์
เพราะตั้ง 12 ปี มันก็ "นานมาแล้ว" กับจุดเริ่มต้นของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในแอนฟิลด์ -- 2011/12 เวลานั้น กุนซือ ลิเวอร์พูล ยังเป็นบุคคลในตำนานอย่าง เคนนี่ ดัลกลิช อยู่เลย และ หลุยส์ ซัวเรซ (กับ แอนดี้ แคร์โรลล์) ก็เพิ่งย้ายมาสูดอากาศย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ได้แค่ครึ่งปีแรก
ซัมเมอร์ 2011 ดัลกลิช จิ้มเลือก เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 20 จาก ซันเดอร์แลนด์ ให้เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาแข้งใหม่ประจำแอนฟิลด์ ร่วมกับ ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, โฆเซ่ เอ็นริเก้, เซบาสเตียน โกอาเตส และ เคร็ก เบลลามี่
ด้วยค่าตัวไม่ต่ำกว่า 16 ล้านปอนด์ ซึ่งสูงใช่ย่อยในตอนนั้น (สถิติโลกยังเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 80 ล้าน) ทำให้หนุ่มเลือดอีสานบ้านเฮา (เกิดและโตที่ซันเดอร์แลนด์) ถูกจับตามองไม่น้อย เพียงแต่ก็ต้องถือว่าสอบผ่านฉลุย เมื่อ ดัลกลิช ใช้งาน เฮนโด้ ในฐานะขาประจำในทุกรายการ รวมลงสนามเยอะถึง 48 นัด ซัดไป 2 ประตูเบาะๆ
อย่างไรก็ตาม การที่ ลิเวอร์พูล จบต่ำเพียงอันดับ 8 พรีเมียร์ลีกซีซั่นนั้น เป็นอันดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 1994 ก็ทำให้ ดัลกลิช โดน "เชิญออก" เมื่อถึงตอนจบซีซั่น และสโมสรไปคว้า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาแทน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่โค้ชไอร์แลนด์เหนือจะมาพร้อมปรัชญาของตัวเอง ไอเดียของตัวเอง และการเลือกของตัวเอง ที่นั่นทำให้ เฮนเดอร์สัน หวิดจะถูกตัดจบกับ ลิเวอร์พูล เสียตั้งแต่เนิ่นๆ -- เรื่องนี้ถูกเปิดเผยจากปากเฮนโด้เองเมื่อไม่กี่ปีก่อน ว่าเขาเกือบจะถูกส่งไปแลกกับ คลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์ ตัวรุกอเมริกันของ ฟูแล่ม อยู่รอมร่อ เพียงแต่ บี-ร็อด ก็ยังปรานีด้วยการ "ถามก่อน" ว่า เฮนเดอร์สัน อยากย้ายสังกัดไหม
เมื่อคำตอบที่ได้จาก เฮนเดอร์สัน คือ "ไม่ครับบอส" และการยืนยันความต้องการสู้แย่งชิงตำแหน่งในแอนฟิลด์ต่อไป (แม้จะมีการดึง โจ อัลเลน ตามมาจากสวอนซี รวมถึงยืม นูรี่ ซาฮิน จาก เรอัล มาดริด มาก็ตาม) ร็อดเจอร์ส ก็แฟร์พอที่จะเปิดโอกาสให้เจ้าหนูวัย 21 ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างจริงจัง
ซึ่งเมื่อผ่านช่วงที่ยากที่สุดอย่าง "ตอนเริ่มแรก" ไปแล้ว ก็ลุยกันยาวๆ
2013/14 เข้าใกล้แชมป์ พรีเมียร์ลีก แค่เอื้อม แต่ดันไปพลาด (0-2 เชลซี, 3-3 คริสตัล พาเลซ) เอาใน 3 นัดสุดท้าย
2014/15 ถูกมอบหมายหน้าที่รองกัปตันทีม เมื่อสบโอกาส สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไม่พร้อมเล่น ปลอกแขนกัปตันทีมก็จะมาอยู่ที่เขา
2015/16 ขึ้นเป็นกัปตันทีมถาวรคนใหม่ พร้อมพาทีมถึงชิง ลีก คัพ และ ยูโรป้า ลีก
2018/19 ชูถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขึ้นเหนือหัว บนแท่นฉลองกลางสนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ในฐานะหัวหน้าทีม ลิเวอร์พูล ที่เอาชนะ สเปอร์ส ไม่ลำบาก 2-0
2019/20 ปีที่ดีที่สุดในชีวิต ต้นซีซั่นชูถ้วยแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ (ชนะจุดโทษ เชลซี), กลางซีซั่นชูถ้วยแชมป์ สโมสรโลก (ชนะ ฟลาเมงโก้ 1-0) และสิ้นซีซั่นชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งประวัติศาสตร์ หนแรกและหนเดียวจนวันนี้ ภายหลังเข้าป้ายมี 99 แต้ม ทิ้งขาด แมนฯ ซิตี้ ที่มีแค่ 81 คะแนน
2021/22 เหมาแชมป์บอลถ้วยทั้ง 2 รายการในประเทศ (ชนะจุดโทษ เชลซี ทั้งสอง) และเฉี่ยวอีก 2 แชมป์ใหญ่ไปนิดเดียว -- เข้าที่ 2 พรีเมียร์ลีก ตาม แมนฯ ซิตี้ แค่แต้มเดียว และเป็นรองแชมป์ ชปล. แพ้ เรอัล มาดริด 0-1
และแม้ว่า 2022/23 จะออกทรงล้มเหลว ไม่มีแชมป์แถมหลุดจากพื้นที่ ชปล. แต่ก็ไม่มีใครที่จะมองว่า จุดจบของ เฮนเดอร์สัน กับหงส์แดง กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะว่า เฮนโด้ ก็เพิ่งต่อสัญญากับทีมไปจนถึงปี 2025 เมื่อกลางปี 2021 นี่เท่านั้นเอง
จุดเริ่มต้น ที่เกือบจะไม่ได้เริ่ม
กลายเป็นตลกร้ายไปเสียได้ว่า คนที่กำลังจะพราก เฮนเดอร์สัน ไปจาก ลิเวอร์พูล ก็คือคนที่ เดอะ ค็อป รักหมดหัวใจอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด นั่นเอง!
เรื่องของเรื่อง เริ่มต้นขึ้นอย่างที่เกือบจะไม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำไป เพราะอันที่จริง เจอร์ราร์ด ยุติการเจรจากับ อัล-เอตติฟัค ไปเรียบร้อยแล้ว ในความพยายามเสาะหากุนซือใหม่ของทีมกลางตาราง เจ้าของอันดับ 7 โปรลีก ซาอุฯ ซีซั่นที่ผ่านมา
แม้จะไม่ได้เป็นทีมใต้อาณัติของ PIF - Public Investment Fund ที่มีเงินกองท่วมหัวเป็นภูเขาเลากา แต่ทีม "พลังม้า" (มีม้าพยศเป็นโลโก้) ก็เป็นอีกสโมสรที่สภาพคล่องจัดว่าแจ่ม และอยู่ในความพยายามที่จะสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง เช่นในยุค 80 ที่ครองแชมป์ลีก 2 สมัย
ความพยายามแรกของพวกเขา "ล้มเหลว" ในการดีล เจอร์ราร์ด มาทำทีม อย่างที่ว่าไป โดยมีการเผยเหตุผลว่าเป็นเพราะอดีตกุนซือ แอสตัน วิลล่า ผู้นี้ ต้องการให้แบ็กรูมสตาฟฟ์ของเขาเป็นโค้ชอังกฤษที่ตัวเขาหามาเองทั้งหมด แต่สโมสรไม่อนุมัติ การเจรจาจึงล่มไปในที่สุด "ผมได้รับเชิญไปที่นั่น (ซาอุฯ) เพื่อพิจารณาสัญญา ซึ่งผมก็ตอบรับคำเชิญ และได้ใช้เวลาพิจารณาข้อเสนออยู่ตลอด 2-3 วันมานี้ แต่ในท้ายที่สุดก็ปรากฏคำตอบว่า ผมตัดสินใจไม่รับงานนี้"
แต่แล้วจู่ๆ อัล-เอตติฟัค ก็ประกาศตั้ง เจอร์ราร์ด เข้ากุมบังเหียนด้วยสัญญา 2 ปี เมื่อ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา
ไม่ต้องสงสัยว่านี่เกิดจากความพยายามของบอร์ด อัล-เอตติฟัค ในการกลับเข้าเจรจาต้าอวยกับ เจอร์ราร์ด อีกครั้ง จนประสบความสำเร็จด้วยดี
และเมื่อดีล เจอร์ราร์ด ได้มาแล้ว... "อินี่โค้ชนายจ๋า อยากได้ใครล่ะ?"
ชื่อแรกๆ ที่หลุดจากปากกุนซือวัย 43 ก็ใช่เลย
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน!
อยู่ๆ ก็มาทำให้ใจสั่น
อย่างที่ว่าไว้ข้างต้น แม้ซีซั่นที่ผ่านมาจะออกทรงล้มเหลว แต่ก็ไม่มีใครที่จะมองว่า จุดจบของ เฮนเดอร์สัน กับหงส์แดง กำลังจะมาถึง -- ไม่แม้แต่ตัว เฮนเดอร์สัน เองก็ตาม
แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นการเรียกร้องจาก เจอร์ราร์ด ที่ทำให้ อัล-เอตติฟัค เดินเครื่องตีท้ายครัวแอนฟิลด์
ว่าแต่ทำไม เจอร์ราร์ด เลือกชอยส์นี้ ให้ลองมองลึกๆ ก็คงเพราะ...
1. รู้จักกันดี
เอาง่ายๆ ว่า เจอร์ราร์ด เห็น เฮนเดอร์สัน ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเหยียบแอนฟิลด์ หรือตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในสังกัด ซันเดอร์แลนด์ แล้วพาทีมแมวดำมาลงเจอ ลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำไป
เมื่อครั้น เฮนโด้ ย้ายมายัง ลิเวอร์พูล ก็ได้เล่นร่วมกับ เจอร์ราร์ด ในแดนกลางอยู่พักใหญ่ ก่อนที่กัปตันคนเก่าจะย้ายสู่ แอลเอ แกแล็กซี่ ตอนซัมเมอร์ 2015 แล้วส่งปลอกแขนกัปตันให้ เฮนโด้ รับไป
เช่นกัน ในทีมชาติอังกฤษ ก็มีถึง 2 ทัวร์นาเมนต์ (ยูโร 2012 + ฟุตบอลโลก 2014) ที่คู่พี่น้อง เจอร์ราร์ด-เฮนเดอร์สัน ควงคู่กันไปรับใช้ชาติ
2. ฝีเท้าดี
คงไม่ต้องอธิบายมากกับข้อนี้ ยืนยันด้วยหลักฐานของการเป็นแกนแดนกลาง ลิเวอร์พูล อย่างยาวนาน 12 ปี 492 นัด
แม้วัยอาจจะไม่น้อย แต่การมาคุมแดนกลางในฟุตบอลซาอุฯ คงไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรง
และ 3. หงส์กำลังผลัดขน
ก็เริ่มแสดงให้เห็นแล้วจากซีซั่นล่าสุดที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้มี เฮนเดอร์สัน เป็นตัวยืนตรงกลางสนาม ด้วยปัญหาบาดเจ็บก็ดี ด้วยเพราะมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า ก็ดี
- พรีเมียร์ลีก ตัวจริง 23 สำรอง 12
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ตัวจริง 1
เอฟเอ คัพ ตัวจริง 1 สำรอง 1
คาราบาว คัพ ตัวจริง 0 สำรอง 1
แชมเปี้ยนส์ ลีก ตัวจริง 4 ไม่อยู่ในทีม 4
ชัดเจน ว่าแม้สถิติรวมจะลงสนามเยอะ 43 นัด แต่เอาเข้าจริงก็เหลือเกมที่เป็นตัวจริงแค่ 29 เกมเท่านั้น
สำคัญคือ จากวี่แววที่กำลังเกิดขึ้นสำหรับซีซั่นใหม่ 2023/24 ก็ดูว่า คล็อปป์ กำลังลงมีดผ่าตัดใหญ่ โดยเฉพาะการ "ผ่าเครื่อง" เปลี่ยนตัวเลือกมิดฟิลด์ ด้วยมี 4 รายที่ออกแล้ว (เจมส์ มิลเนอร์, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่) และมีใหม่เข้ามา 2 (อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซบอสซ์ไล) แถมยังตามไล่ล่าอยู่อีกรายสองราย ไหนเลยจะยังมี เคอร์ติส โจนส์ กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ สองกลางเด็กแชมป์ยูโร ยู-21 อยู่อีก
อยู่ต่อไป สำรองมากกว่าตัวจริงแน่สำหรับ เฮนโด้ ในวัย 33
...จากเหตุผลทั้ง 3 ข้อ เจอร์ราร์ด คงมอง เฮนเดอร์สัน แบบนั้น และเช่นกัน เฮนเดอร์สัน ก็คงเห็นถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นของตัวเองในแอนฟิลด์ ที่เมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้วนั้น...
โรมาโน่ อัพเดต : ไฟเขียวแล้วจ้า
หลังจากเป็นข่าวเชื่อมโยงกันมา 2-3 วัน ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ก็อัพเดตความคืบหน้าเพิ่มเติมในช่วงค่ำ พฤหัสบดี 13 ก.ค.
"จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตอบตกลงรับข้อเสนอจาก อัล-เอตติฟัค แล้ว โดยเป็นการทำข้อตกลงเบื้องต้นทางวาจา ในเรื่องของสัญญาส่วนตัว"
"มาตอนนี้ ดีลขึ้นอยู่กับทาง ลิเวอร์พูล กับ อัล-เอตติฟัค แล้วสำหรับการตกลงเรื่องค่าตัว เมื่อไม่มีทางที่ ลิเวอร์พูล จะปล่อยนักเตะออกไปแบบฟรีๆ"
"เฮนโด้ ได้คุยกับ คล็อปป์ ในวันนี้ และได้ไฟเขียวในการย้ายออก"
ก็นอกจากการออกจากความเสี่ยงต่อสถานะ "สำรองถาวร" ของ ลิเวอร์พูล เพื่อไปเป็นคีย์แมนแดนกลางในทีมของ เจอร์ราร์ด แล้ว สิ่งที่ อัล-เอตติฟัค ยื่นมา ก็ยังยากมากต่อการปฏิเสธ
ตามรายงานจาก ดิ อินดิเพนเดนท์ นั้น อัล-เอตติฟัค เสนอสัญญามูลค่าบ้าไปแล้ว "36 ล้านปอนด์ต่อปี" ให้กับ เฮนเดอร์สัน ในรูปแบบของการไม่เสียภาษีอีกต่างหาก
- ปีละ 36 ล้านปอนด์
เดือนละ 3 ล้านปอนด์
สัปดาห์ละ 7 แสนปอนด์
นี่คือตัวเลขที่มากกว่าที่ เฮนเดอร์สัน รับกับ ลิเวอร์พูล ประมาณ 3 เท่าตัว
แม้ข้อเสียจะพอมีอยู่ แรกสุดคือการหลบออกจากลีกระดับโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก หรือถัดมาก็คืออาจกระทบต่อตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษ กระทบต่อโอกาสไป ยูโร 2024
แต่ปีละ 36 ล้านปอนด์ ย้ำ ปีละ 36 ล้านปอนด์
กินหรูอยู่สบายทั้งวงศ์ตระกูล แถมมีเหลือเผื่อเพื่อนบ้านอีกต่างหาก!
ถ้าคุณเป็นเฮนโด้
สุดท้ายท้ายสุด แม้ทิศทางจะชี้ไปในทางว่า "ย้ายออก" ปิดตำนาน 12 ปี เฮนโด้ กับ ลิเวอร์พูล แต่ก็คงต้องรอดูกันต่ออีกหน่อยว่า ดีลนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ไหม
อย่างที่ว่า ถ้าลองคิดแทน เฮนโด้ การย้ายสู่ ซาอุฯ นอกจากจะได้ร่วมงานกับ เจอร์ราร์ด แล้ว ก็ยังเหมือนถูกหวยรางวัลใหญ่ในทุกสัปดาห์ ด้วยจะมีเงินก้อนตู้มเกือบๆ 1 ล้านปอนด์โอนเข้าบัญชีในทุก 7 วัน
แต่ถ้าสุดท้ายเลือกอยู่กับ คล็อปป์ ต่อ มันก็เซฟๆ ความท้าทายในการพา ลิเวอร์พูล คืนสู่ท็อป 4 ยังมี และครอบครัว เมียกับลูกๆ ทั้ง 3 ก็คงไม่ต้องวิ่งวุ่นหาที่อยู่ใหม่ (ถ้าไม่ย้ายบ้าน ก็ห่างพ่อ)
เพราะทั้งสองทางเลือก ก็ล้วนแต่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปในตัวเอง
แล้วคุณล่ะ...หากสมมุติว่าตัวเองเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ภายใต้ปัจจัยต่างๆ ที่ว่ามาข้างต้น
ระหว่างอยู่ ลิเวอร์พูล ต่อไป หรือย้ายออก จะเลือกแบบไหนดี?!?