อนาคตและบทบาทใหม่ของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน กับ ลิเวอร์พูล - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
ชื่อของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน จัดเป็นหนึ่งในนักเตะขวัญใจแฟนบอล ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่เขามีส่วนสำคัญที่ช่วยพาทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้า 4 แชมป์ใหญ่ในรอบ 2 ปี
อย่างไรก็ตามในซีซันนี้ "บ็อบบี้" กลับโดนวิจารณ์อย่างหนักจากสถิติการพังประตูอันกระจิ๊ดริด ด้วยการยิงไปเพียง 6 ประตูจากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงถึง 29 นัดใน พรีเมียร์ลีก และยิงไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียวใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก, เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ
ผลงานของ ฟีร์มีโน จนถึงขณะนี้ถือว่าตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2015 โดยสถิติการพังประตูของเขาลดลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ปี 2018 ที่ยิงได้ 27 ประตู จากนั้นก็ยิง16 ลูกในซีซัน 2018-2019 และยิงได้ 12 ประตูในซีซัน 2019-2020 ที่คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ
แม้ว่าตัวเลขจะฟ้องออกมาเช่นนี้แต่กูรูและแฟนบอลบางส่วนรวมทั้งตัวของ เยอรืเก้น คล้อปป์ เองมักออกมาพูดอยู่เสมอว่า บทบาทของกองหน้าบราซิลเลียนนั้นมีมากกว่าการมุ่งพังประตูคู่แข่งเพียงอย่างเดียว เขายังมีประโยชน์ในเรื่องของการเชื่อมเกม การสร้างสรรค์โอกาสให้กับ โม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน รวมทั้งยังเป็นกองหน้าที่ขยันไล่บอลและแย่งบอลได้ดีในสไตล์ของ "ฟอลส์ไนน์"
แต่เมื่อเราพูดถึงคำว่า "กองหน้า" หน้าที่หลักของนักเตะในตำแหน่งนี้คือการยิงประตูคู่แข่ง สิ่งที่พูดถึงข้างต้นนั้นอาจเป็นเพียงคำแก้ตัวอันสวยหรู เมื่อเราหันมามองความเป็นจริงที่ว่าหากนับตั้งแต่เริ่มต้นซีซันที่แล้วจนถึงปัจจุบันนี้ ฟีร์มีโน ยิงได้เพียง 15 ประตูเท่านั้น และที่น่าสนใจคือไม่ใช่ว่าเขาไม่มีโอกาส แต่ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าตัวใช้โอกาสอันมากมายหมดไปกับการยิงนกตกปลาเสียมากกว่า
ไม่มีใครเถียงว่าสตาร์วัย 29 ปีมีบทบาทสำคัญกับทีมในการก้าวขึ้นครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อซีซันก่อน และแม้กระทั่งในฤดูกาลนี้เขาก็มีเกมที่ฟอร์มดีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ยิ่งนานวันดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยิ่งค่อย ๆ หายเข้ากลีบเมฆ ไร้ซึ่งประโยชน์ต่อทีมในช่วงหลัง
ปัญหาของ ฟีร์มีโน ไม่ใช่แค่การยิงประตูเท่านั้น แต่ถ้าสังเกตดูในแต่ละเกมเขามักจะเป็นคนทำให้เกมรุกของทีมสะดุด หรือส่งบอลพลาดให้ฝ่ายตรงข้ามอยู่บ่อยครั้งซึ่งทำให้เกมขาดความต่อเนื่อง
เมื่อออกอาการเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ เสียงเรียกร้องให้ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจขายสไตรเกอร์แซมบ้าในช่วงซัมเมอร์ก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมทั้งการหานักเตะใหม่ที่สดและดีกว่าเข้ามาเสริมทัพ แต่ถ้าพิจารณากันให้ดีจะมีทีมไหนที่พร้อมเดินเข้ามาทุ่มเงินเพื่อดึงนักเตะที่ยิงประตูได้จุ๋มจิ๋มแถมอายุก็กำลังย้างเข้าสามสิบไปเสริมทัพ
คำถามต่อมาคือ อนาคตของ ฟีร์มีโน จะเป็นอย่างไรต่อไป?
ไอเดียหนึ่งที่ผุดขึ้นคือ ด้วยอายุที่มากขึ้นของ บ็อบบี้ การจะให้เขาเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวหลอกหรือ "ฟอลส์ไนน์" อย่างที่เคยเป็นอาจจะไม่ได้ผลอีกต่อไป หากแต่ก่อนที่เขาจะย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล สตาร์บราซิลเลียนมักเคยรับบทบาทกองกลางตัวรุกกับ ฮอฟเฟนไฮม์ อยู่เป็นระยะ ดังนั้นการโยกเขาคืนสู่บทบาทดั้งเดิมจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง
ซึ่งจะว่าไปช่วงหลังนายใหญ่ชาวเยอรมันก็พยายามทำแบบนั้นอยู่ อย่างในเกมกับ ลีดส์ หรือ นิวคาสเซิล บ็อบบี้ ลงเล่นในบทบาทเพลย์เมคเกอร์หลัง 3 ประสาน แต่ก็ยังไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหนึ่งไอเดียที่น่าลอง นั่นคือการวางตำแหน่งให้ลึกลงไปอีกในบทบาทของมิดฟิลด์หมายเลข 8 ซึ่งทำหน้าที่คล้าย ๆ กับตัวเชื่อมเกมและคอยทำเกมรุกจากกลางสนาม และรอเก็บบอลจังหวะสองอยู่หน้ากรอบเขตโทษ เพราะคุณสมบัติที่ ฟีร์มีโน มีนั้นต่างจาก ซาลาห์ และ มาเน ที่ใช้ความเร็วและจังหวะฉาบฉวย แต่สิ่งที่เขาเหนือกว่าคือเทคนิค ชั้นเชิง และวิสัยทัศน์ ซึ่งเหมาะกับการปรับบทบาทใหม่เป็นอย่างมาก
บางทีถ้า คล็อปป์ ตัดสินใจทดลองในช่วงพรีซีซันและเกิดมันเวิร์คขึ้นมา เราอาจไม่ได้เห็น ลิเวอร์พูล ซื้อกองกลางคนใหม่ แต่จะได้เห็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน นี่แหละที่ลงไปยืนบัญชาการในแดนกลางเพื่อปั้นเกมให้แนวรุกก็ได้
ซึ่งดูแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด