เหตุผลสำคัญที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องซื้อ แฮร์รี เคน และ แจ็ค กรีลิช - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนักที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้วกำลังตกเป็นข่าวกับผู้เล่นทีมชาติอังกฤษอย่าง แฮร์รี เคน และ แจ็ค กรีลิช ในเวลานี้
และถ้าข่าวตามหน้าสื่อเป็นจริง พวกเขาก็มีชื่อของ รีซ เจมส์ แบ็คขวาของทาง เชลซี อีกคนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อการเสริมทัพใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ช่วงซัมเมอร์ด้วย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรามักพบว่าผู้เล่นที่คุ้มค่าคุ้มราคาส่วนใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก จะเป็นนักเตะต่างชาติ ในขณะที่นักเตะสัญชาติผู้ดีนั้นมักจะมาพร้อมกับราคาระดับพรีเมียม ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ซิตี้ ปฏิเสธที่จะสู้ราคาของ แฮร์รี แม็คไกวร์ เมื่อ 3 ปีก่อน
แม้ว่าพวกเขาจะเซ็นสัญญากับ ไคล วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ซึ่งนักเตะเหล่านี้มีค่าตัวรวมกันกว่า 150 ล้านปอนด์ ก็ยังทำให้ ซิตี้ โดนครหาว่าเป็นพวกมือเติบ อวดรวย ใช้เงินฟาดแชมป์ อยู่ดี
แต่มันคือความเป็นจริงของตลาดซื้อขายใน พรีเมียร์ลีก ทุกวันนี้ ซึ่งสโมสรและแฟนบอลก็ต้องยอมรับให้ได้ และไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมค่าตัวของ เคน และ กรีลิช จึงรวมกันกว่า 200 ล้านปอนด์
แล้วทำไม แมนฯ ซิตี้ จึงต้องยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าที่พวกเขาเคยจ่ายให้กับนักเตะอังกฤษคนอื่น ๆ
เหตุผลที่สามารถใช้อธิบายได้ดีก็คือ ใน พรีเมียร์ลีก มีกฎหนึ่งชื่อว่า “Homegrown players” ซึ่งหมายถึงการที่แต่ละทีมต้องมีนักเตะที่มาจากอคาเดมีของสโมสรในอังกฤษหรือมีผู้เล่นที่มีสัญชาติอังกฤษอยู่ในทีม
แต่ละทีมจะลงทะเบียนนักเตะที่ใช้แข่งฟุตบอลลีกในประเทศได้ 25 คน โดยจะอนุญาตให้มีผู้เล่นที่มาจากต่างประเทศได้ 17 คนและนอกนั้นอีก 8 คนคือ “Homegrown players” ดังที่ว่ามา
เมื่อซีซันก่อน ซิตี้ มีนักเตะโฮมโกรว์นทั้งหมด 5 รายนอกจาก วอล์คเกอร์, สเตอร์ลิง และ สโตนส์ ดังที่กล่าวมาแล้ว ยังรวมไปถึง สก็อตต์ คาร์สัน และ นาธาน อาเก้ (มาจากอคาเดมีของ เชลซี) ส่วน ฟิล โฟเด้น นั้นอยู่ในโควต้านักเตะอายุต่ำกว่า 21 ปี
ซึ่งเมื่อพิจารณากันดี ๆ จะพบว่าแบ็คขวาทีมชาติอังกฤษตอนนี้อายุอานามก็ย่างเข้าวัย 30 รวมไปถึงผู้เล่นอย่าง แฟร์นันดินโญ, อิลคาย กุนโดกัน และ เควิน เดอ บรอยน์ ก็อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกเขาจึงอาจจะอยู่กับทีมได้อีกไม่นาน
การที่ เป๊ป และ ซิตี้ ลงทุนมหาศาลกว่า 200 ล้านปอนด์จึงเป็นเรื่องที่คิดมาแล้วว่า นอกจากจะเป็นการเติมผู้เล่นโฮมโกรว์นเข้าไปในทีมแล้ว ยังเป็นการซื้ออนาคตล่วงหน้าอย่างน้อยก็ 3-4 ปีต่อจากนี้ เพื่อรักษาความสมดุลในทีมและลุ้นแชมป์ได้ยาว ๆ ด้วย
ซึ่งการเดินแผนนี้ของทีม เรือใบสีฟ้า ทำให้พวกเขาดูเหมือนจะก้าวนำหน้าคู่แข่งแย่งแชมป์โดยตรงอย่าง ลิเวอร์พูล ไปหลายก้าวอยู่ทีเดียว
ในช่วง 3 ปีหลัง หงส์แดง ถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก เคียงข้างทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาตลอด แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี จะดูมีขุมกำลังที่ดีกว่าก็ตาม
แต่ด้วยฝีมือของ เยอร์เก้น คล็อปป์ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าหากพวกเขาฟูลทีมก็ยากที่จะมีใครหยุดยั้งความร้อนแรงได้
หากแต่ในซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล อาจกลับมาเจอกับปัญหาเรื่องขุมกำลังเชิงลึกอีกครั้ง โดยเฉพาะโควต้าโฮมโกรว์น
เมื่อซีซันที่แล้ว หงส์แดง มีนักเตะที่เกิดและเติบโตจากสโมสรในอังกฤษอยู่ 9 ราย แต่ส่วนใหญ่คือผู้เล่นดาวรุ่งหรือนักเตะที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน และในช่วงซัมเมอร์นี้เกินครึ่งกำลังจะย้ายออกจากทีม รวมทั้ง เจมส์ มิลเนอร์ ก็ใกล้จะปลดระวางเต็มทีในวัย 35 ปี
พูดง่าย ๆ ว่าทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะเหลือนักเตะโฮมโกรว์นจริง ๆ อยู่เพียงไม่กี่คน และเอาที่ใช้งานได้จริง ๆ ก็มีไม่ถึง 3 รายด้วยซ้ำ
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็อายุเข้าหลัก 30 ไปแล้ว ไหนจะปัญหาอาการบาดเจ็บที่ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถลงสนามได้อย่างต่อเนื่องอีก ซึ่งเคสนี้รวมถึง โจ โกเมซ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน เข้าไปด้วย
ที่ลงเล่นได้สม่ำเสมอมีแค่รายเดียวคือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ส่วน 2 ดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ก็ยังไม่ใช่ 11 ตัวจริง ยังไม่ต้องพูดถึง เบน เดวีส์, เนโก้ วิลเลียมส์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, รีห์ส วิลเลียมส์, เบน วูดเบิร์น และ แฮร์รี วิลสัน ซึ่งพวกนี้ไม่ย้ายแบบถาวรก็คงเป็นการยืมตัว
เมื่อขุมกำลังในประเทศส่วนใหญ่กลายเป็นตัวสำรอง พวกเขาก็ต้องพึ่งนักเตะต่างชาติมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ขาดสมดุลเรื่องคุณภาพภายในทีมไปโดยทันที
ซึ่งเมื่อเทียบกับ 11 ตัวจริงของ แมนฯ ซิตี้ หากว่าได้ แฮร์รี เคน และ แจ็ค กรีลิช มาร่วมทีม จะทำให้พวกเขามีนักเตะอังกฤษแท้ ๆ ถึง 5 คนที่สามารถเล่น 11 ตัวจริงได้เลย
ยังไม่นับพวกนักเตะต่างชาติฝีเท้าดีที่พร้อมสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงสนามตลอดทั้งฤดูกาล
ดังนั้นจึงพูดได้ว่าการลงทุน 200 ล้านปอนด์นอกจากจะทำให้ แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่มี 11 ตัวจริงน่ากลัวแล้ว ยังทำให้พวกเขามีตัวสำรองที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งเดียวที่ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ทำได้ก็คงได้แต่ภาวนาว่าขอให้ข่าว แฮร์รี เคน กับ แจ็ค กรีลิช เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด