เหตุผลที่ เมาริซิโอ โปเชตติโน คือคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งกุนซือ เชลซี - OPINION
โดย Navapun Munarsa
จนถึง ณ ตอนนี้ การันตีได้แล้วว่า เชลซี จะจบฤดูกาลต่ำกว่าอันดับ 10 ในตารางคะแนนนศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1996 และหากไม่มีอไรผิดพลาด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ จะเป็นคนเข้ามากอบกู้วิกฤตของพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” ในซีซันหน้า
นับตั้งแต่ ท็อดด์ โบห์ลีย์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเข้ามาเทคโอเวอร์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เชลซี ใช้ผู้จัดการทีมไปแล้วถึง 3 ราย ไล่ตั้งแต่ โธมัส ทูเคิล, เกรแฮม พ็อตเตอร์ มาจนถึง แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เหลือการทำงานนัดสุดท้ายก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับ โปเช็ตติโน่
โบห์ลีย์ เจอบทเรียนครั้งสำคัญหลังการเข้ามาบริหารงานในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้เพียงปีเดียว ซึ่งเจ้าตัวพบแลเวว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการทำทีมให้ประสบความสำเร็จ แม้จะทุ่มเงินเสริมทัพไปมากกว่า 600 ล้านปอนด์ ก็ตาม
ขณะเดียวกัน โปเช็ตติโน่ ซึ่งเคยพา ท็อตแนท ฮฮตสเปอร์ เข้าชิงดำในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกของสโมสร รงมถึงเคยคว้าแชมป์ลีก เอิง และฟุตบอลถ้วย เฟร้นช์ คัพ ร่วมกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั้น ก็กำลังจะเจอกับงานที่ท้าทายที่สุดในชีวิต
เมลิซซ่า เรดดี้ นักข่าวสาวชื่อดัง กล่าวว่า “เมื่อคุณดูจุดที่ เชลซี ยืนอยู่ในขณะนี้ และปัญหาของพวกเขา ทั้งในเชิงโครงสร้าง และภาพรวมของทีม จากนั้น คุณดูคุณสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของ โปเช็ตติโน และสิ่งที่เขาเคยทำมากับทีมเก่า คุณจะเห็นควาสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไม เชลซี ถึงเลือกเขา”
“นี่เป็นครั้งที่ 3-4 แล้วที่ เชลซี พยายามเข้าหาเขา และฉันไม่คิดว่า ครั้งไหนจะเหมาะสม และสมบูรณ์แบบเท่านี้อีกแล้ว สิ่งสำคัญที่ เชลซี ต้องการคือ ทิศทาง จุดมุ่งหมาย ความชัดเจน การยกเครื่องทีม และนั่นคือจุดที่น่าสนใจในการทำงานของ โปเช็ตติโน”
“เขาเก่งมากในการประเมินทีม การแข่งขันใน พรีเมียร์ลีก นั้นสูงพอๆ กับที่เคยเป็นมา แต่เขาคิดว่าเชลซี แค่ต้องการการปรับบางอย่างเล็กน้อย และจะไปถึงจุดนั้นได้ พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากเพื่อประสบความสำเร็จ พวกเขาต้องการแค่คนที่เหมาะสมเพื่อปรับทุกอย่างเข้าด้วยกัน”
“ทีมชุดนี้ของ เชลซี จะรู้สึกมีชีวิตชีวา และตื่นเต้นกับ โปเช็ตติโน เขามีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และปรัชญาสำหรับทีมที่จะทำงานด้วยกัน เขายังช่วยให้ เชลซี มีโครงสร้างฟุตบอลที่เกว่าเดิม มันจะสร้างความชัดเจน ความตื่นเต้น และทิศทางที่พวกเขาขาดไป”
“อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องแก้ไขที่ เชลซี คือ การแทรกแซงจากเจ้าของทีม มันมากเกินไปในหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ในการเสริมทีมเท่านั้น แต่ยังลามเข้าไปในห้องแต่งตัว และพูดกับผู้เล่น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย”
โปเช็ตติโน่ มีประสบการณ์ในการจัดการกับเรื่องเหลานี้มาพอสมควร อาทิ ที่ เซาแธมป์ตัน นิโคลา คอร์เตส อดีตประธานสโมสร เคยอยากพูดกับนักเตะโดยตรง แต่ นายใหญ่เลือด “ฟ้าขาว” ไม่ยอม และให้ติดต่อผ่านทางสตาฟฟ์โค้ชมาแทน
ขณะเดียวกัน เทรนเนอร์วัย 51 ปี ยังจัดการปฏิวัติทีมทั้งในเรื่องสนามซ้อม ความฟิตนักเตะ วิทาศาสตร์การกีฬา และความสัมพันธ์ในสโมสรจนทำให้ เซาแธมป์ตัน และ สเปอร์ส กลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม และมีแนวทางการทำงานที่ชัดเจน
เรดดี้ อธิบายต่อว่า “เขาสนใจผู้เล่นแบบจริงจัง อาทิ สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในทุกๆวัน และชีวิตส่วนตัวของพวกเขาเป็นอย่างไร เขามีนโยบายเปิดกว้างที่ผู้เล่นสามารถไปคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง เขามองเห็นสิ่งต่างๆ ในตัวผู้เล่นที่โค้ชคนก่อนมองไม่เห็น”
“เขาทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ เช่น การวางตำแหน่งนานาม การสร้างแรงกระตุ้น และวิธีที่ต้องพูดคุยกับลูกทีม เขาสร้างความรู้สึกของการทำงานเป็นทีมขึ้นมา การทำงานเป็นส่วนรวมที่ไม่มีบุคคลใดยิ่งใหญ่กว่าอีกคนหนึ่ง”
บทเรียนอันโหดร้ายที่ โบห์ลีย์ ต้องเจอในปีนี้ มันทำให้เขาต้องรอบคอบกับการตัดสินใจแต่งตั้งกุนซือคนต่อไปของ เชลซี โดยมีรายงานอ้างว่า มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ยอมรับเงื่อนไขทุกข้อที่ โปเช็ตติโน่ เสนอมาก่อนจะร่วมงานกัน
พอล กิลมัวร์ นักข่าวเมืองผู้ดี กล่าวเสริมว่า “เชลซี ต้องการผ่านกระบวนการอย่างละเอียดเพื่อหาผู้จัดการทีมคนต่อไป พวกเขาต้องการเชื่อใจคนในวงการฟุตบอล และทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อกลับไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง”
“โปเช็ตติโน่ กระตือรือร้นที่จะกลับมาในช่วงเริ่มต้นปรีซีซั่น ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่ชอบที่จะเริ่มต้นจากศูนย์ และแน่นอนว่า เขาชอบที่จะทำเช่นนั้น เขาอยากจะเรียกนักเตะลงสู่สนามซ้อมด้วยตัวเอง และทำให้พวกเขาฟิตพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่”
งานแรกของ โปเช็ตติโน่ ที่ เชลซี คือ การทำงานนักเตะชุดนี้กลับมาเล่นด้วยความมั่นใจ และสามัคคีกันอีกครั้ง จากนั้น ก็ค่อยๆต่อยอดเรื่องแท็คติค และแนวทางการเล่นเพื่อพา เชลซี กลับไปสู่เส้นทางที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง