"ทุ่มแต่ไม่จบ ระบบทีมไม่เอื้อ" ความล้มเหลวที่ส่งให้ เชลซี หมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล - OPINION

Southampton FC v Chelsea FC - Premier League
Southampton FC v Chelsea FC - Premier League / Mike Hewitt/GettyImages
facebooktwitterreddit

หลังจาก เชลซี ปลดผู้จัดการทีมชั้นครูอย่าง โธมัส ทูเคิล ออกจากตำแหน่งอย่างสายฟ้าฟาดตั้งแต่ต้นฤดูกาลโดยอ้างผลงานที่ย่ำแย่ต่อเนื่องตั้งแต่ออกสตาร์ท จนมาถึงมือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ที่เหมือนจะดูดีแต่หากดูลึก ๆ ไปถึงรายละเอียดรูปเกมก็ต้องบอกเลยว่ายังไม่ได้แตกต่างอะไรมากมายนัก

ที่บอกว่าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะปัญหาเดิม ๆ ตั้งแต่ต้นฤดูกาลยังคงไม่ถูกแก้ไขทั้งเกมรุกที่สร้างโอกาสจบได้น้อยและไม่เฉียบขาด เกมรับที่ดูหลวมไม่แน่นหนาแข็งแกร่งเหมือนปีก่อน ๆ แม้ว่าจะลองเปลี่ยนแผนเปลี่ยนวิธีการเล่นมาหลายต่อหลายแบบแล้วก็ตาม

Thomas Tuchel
Dinamo Zagreb v Chelsea FC: Group E - UEFA Champions League / Pixsell/MB Media/GettyImages

ซึ่งหากจะให้คาดเดาสาเหตุของความล้มเหลวทั้งที่ทุ่มเงินอันฉีดเป็นประวัติศาสตร์สโมสรไปแล้วก็คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่หลังจบฤดูกาลก่อนทีมต้องเสียสองกองหลังคนสำคัญอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ อันเดรส คริสเตนเซน ไปแบบฟรี ๆ แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของวงการฟุตบอลที่แต่ละสโมสรต้องมีการผลัดเปลี่ยนนักเตะเก่าไปใหม่มาเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ปัญหามันเริ่มจากตรงนั้นเพราะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาบอร์ดบริหารชุดใหม่กลับคิดช้าทำช้ากว่าจะคว้าตัวนักเตะแต่ละคนมาได้ก็ปาเข้าไประหว่างช่วงปรีซีซั่นเข้าไปแล้ว แถมการทุ่มซื้อแต่ละคนเข้ามาก็ดูลวก ๆ ชนิดที่หากใครติดตามมานานจะทราบดีว่าแต่ละรายที่คว้าตัวมาแพงแสนแพงล้วนแล้วแต่มีคำว่า "ห๊ะ" ตามมาเกือบทั้งหมด

Raheem Sterling, Pierre-Emerick Aubameyang
Chelsea FC v FC Salzburg: Group E - UEFA Champions League / Craig Mercer/MB Media/GettyImages

แน่นอนแต่ละคนคว้าตัวมาเคยมีชื่อเสียงมาก่อน ราฮีม สเตอร์ลิง เคยประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ซิตี้ แต่ฟอร์มการเล่นต้องบอกว่าไม่ผ่าน ติดเลี้ยง ใช้โอกาสเปลือง จนแฟนบอลด่ากันทั้งบ้านทั้งเมืองมาแต่ไหนแต่ไรแต่สุดท้ายกลับไปซื้อตัวมาอย่างแพงซะอย่างนั้น

คาลิดู คูลิบาลี ก็อายุปาเข้าไป 31 เลยจุดพีคมานานมากแล้ว แต่ยังคงเข้าบอลโฉงฉ่างเป็นเรื่องปกติเพราะเจ้าตัวย้ายมาพร้อมสถิตินักเตะโดนไล่ออกมากที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แถมยังต้องมาปรับตัวกับลีกใหม่ที่แข็งกว่าเดิมตอนแก่ปูนนี้อีก โดยหลายคนหวังว่าจะทำได้เหมือน ติอาโก้ ซิลวา ที่แก่แต่เก๋าแต่ด้วยตำแหน่งการยืนที่ต้องเล่นเป็นสตอปเปอร์ต้องดวลต่อต่อตัวต้องไล่กวดต้องเข้าปะทะตลอดขณะที่ ซิลวา ไม่จำเเป็นต้องใช้ร่างกายมากมายจากการเป็นตัวโคเวอร์แค่เน้นใช้ประสบการณ์เซ็นต์บอลในการเก็บกวาดเก็บตกจังหวะสุดท้ายเท่านั้น

เวสต์ลีย์ โฟฟานา กองหลังขั้นเทพจากเกมบอลทุกค่ายทั้ง FM, FIFA บลา ๆ แต่ดูเหมือนเรื่องจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ค่าตัวระดับ 70-80 ล้านจากนักเตะที่เพิ่งหายเจ็บหลังพักยาวทั้งฤดูกาล บอกเลยว่า เลสเตอร์ ยิ้มแก้มปริ และก็อย่างที่เห็นโดนเล่นงานจนรั่วซึมแถมยังมาเจ็บยาวต่อเนื่องไปอีก ณ เวลานี้

มาร์ค คูคูเรญา ที่กะจะให้เข้ามายกระดับเกมทางกราบซ้าย แน่นอนว่ากับ ไบรท์ตัน เจ้าตัวผลงานโดดเด่น แต่ไม่ใช่สำหรับค่าตัว 60 ล้านแน่นอน แต่ สิงห์บลู กลับหน้ามึดไปสอยตัวมาแล้วก็ตามสภาพไม่ได้แตกต่างอะไรกับ ชิลเวลล์ เท่าไหร่ แถมตอนถูกจับไปเล่นเซ็นเตอร์ขัดตาทัพก็ดูจะทำได้ไม่น่าพอใจหากเทียบกับเม็ดเงินที่โดนไปเหนาะ ๆ กระเป๋าแทบฉีก

และ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ที่อายุปาเข้าไป 33 แล้วแม้จะผลงานดีกับ บาร์เซโลนา แต่ระดับของลีกมันต่างกัน อีกอย่างสมัยที่เล่นกับ อาร์เซนอล ช่วงท้าย ๆ ฟอร์มเทพก็หายไปหมดโดยเฉพาะสองปีหลังที่ยิงนกตกปลาแถมมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมจน ปืนใหญ่ ยอมยกเลิกสัญญามาแล้วอีกด้วย

Graham Potter, Kalidou Koulibaly, Wesley Fofana
Chelsea FC v AC Milan: Group E - UEFA Champions League / Craig Mercer/MB Media/GettyImages

และเมื่อบรรดานักเตะใหม่ไม่สามารถยกระดับทีมได้ บวกกับปัญหายอดฮิตที่ทุกทีมต้องเจอคือนักเตะเจ็บพร้อมกับการที่กับตัวหลักหน้าเดิมอายุเริ่มเยอะบ้างฟอร์มตกบ้างก็ส่งผลให้สภาพทีมออกมาอย่างที่เห็นกัน เกมรับทั้ง โฟฟานา และ คูลิบาลี บอกเลยว่าลงหรือไม่ลงแทบไม่ต่าง เทียบไม่ได้กับยุคที่มี อัซปิลิกวยต้า ยืนขวา รือดิเกอร์ ยืนซ้าย แน่นปึกจนคว้าแชมป์ยุโรปมาครองแบบหักทุกปากกาเซียนเมื่อปี 2021 แถมปัจุบันไม่ว่าจะลองปรับแผนปรับระบบมาเล่นหลัง 4 หรือเอาตัวรุกมาเล่นวิงแบ็คมันก็ไม่ช่วยให้ทีมดูดีขึ้นเท่าใด

ส่วนเกมบุกที่เดิมระบบของ ทูเคิล วางรากฐานให้เน้นรับแน่นอนไว้ก่อนหลังสามพร้อมกลางสองตัวที่เน้นคุมเกมไม่มีตัวรุกเพลย์เมคเกอร์ธรรมชาตินั่นทำให้การโจมตีไม่ใช่จุดเด่นของ เชลซี แต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ไม่ว่าจะซื้อใครมาใหม่เกมรุกมันก็ไม่มีทางเหมือนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะระบบมันต่างกัน โอกาสน้อย ยิงไม่เข้าบ่อย ๆ ความมั่นใจก็หดหายเป็นเรื่อธรรมชาติ แต่ที่เดิมมันรุ่งเพราะเกมรับพวกเขาจัดว่าเป็นเบอร์หนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว รุกก็ลำบากแถมรับยังรั่วอีกก็ไม่น่าแปลกใจที่ทีมจะหมดลุ้นแชมป์ก่อนเวลาอันควรทั้งที่ทุ่มเงินไปมากมายก่อนหน้านี้

แต่แน่นอนวิถีฟุตบอลมีลงก็ต้องมีขึ้น แฟน ๆ สิงโตน้ำเงินคราม คงทำได้แต่หวังว่า เกรแฮม พ็อตเตอร์ และบอร์ดบริหารชุดใหม่นี้จะนำพา เชลซี กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกที่ควรได้โดยเร็ว เพราะหากยิ่งปล่อยไว้นานเดียวความเข้มขลังจะหดหายไปจนสุดท้ายต้องมานั่งขุดขุ้ยคุยโวแต่เรื่องในอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ แต่ปัจจุบัน... มันไม่ใกล้เคียงเลยนั่นเอง !


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด