[OPINION] จัดเต็มสูบ ! คาดการณ์ 11 ขุนพล เชลซี หลังปิดตลาด กับภารกิจ "ทวงคืนความยิงใหญ่" ในฤดูกาลหน้า
จนถึงตอนนี้ก็เป็นที่แน่นอนแล้ว 2 รายที่จะย้ายมาร่วมทีม เชลซี ในฤดูกาลหน้า นั่นคือ ฮาคิม ซิเยค และ ติโม แวร์เนอร์ สองตัวรุกหน้าใหม่ไฟแรงที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือหนุ่มระดับตำนานสโมสรชิงดึงตัวเข้ามาเสริมทัพตั้งแต่เกมลีกซีซั่นก่อนยังไม่เสร็จสิ้นลง
แน่นอนว่าระดับ สิงห์ไฮโซ คงไม่จบเพียงแค่สองคนนี้เป็นแน่ เพราะดูสภาพทีมเมื่อปีก่อนดูจะยังมีอีกหลายตำแหน่งที่ต้องปรับเปลี่ยนอีกพอสมควรหากต้องการจะกลับมาทวลบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ทั้งในแผ่นดินอังกฤษและในภาคพื้นทวีปยุโรปอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต
วันนี้เราจึงมาลองคิดกันดูเล่น ๆ ว่าหากตลาดซื้อขายนักเตะปิดตัวลง หน้าตาของทัพ สิงโตพันล้าน ฤดูกาลหน้า จะออกมาในรูปแบบใด ลองไปชมกัน...
1. ผู้รักษาประตู - นิค โป๊ป
นายทวารดูจะเป็นตำแหน่งที่ สิงห์บลู อาจจำเป็นต้องมองหาผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ทีม เพราะเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาทั้ง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายด่านชาวสเปนดีกรีค่าตัวแพงที่สุดในโลกนั้นไม่สามารถทำผลงานได้ได้สมกับค่าตัวจนถูก แลมพาร์ด ดร็อปบนม้านั่งบ่อยครั้ง และ วิลลี กาบาเยโร ที่อายุก็ใกล้เลข 4 เข้าไปทุกที คงไม่เหมาะจะยืนระยะเป็นมือหนึ่งให้กับทีมได้ตลอดทั้งฤดูกาลอย่างแน่นอน
ช่วงที่ผ่านมาทีมก็ตกเป็นข่าวพัวพันกับนายด่านหลายคน ทั้ง
แยน โอบลัค ของ แอตเลติโก มาดริด ที่ค่าฉีกสัญญาแพงกระเป๋าฉีกถึง 110 ล้านปอนด์
อันเดร โอนานา ประตูมือกาวของ อาแจ็กซ์
ดีน เฮนเดอร์สัน ว่าที่เบอร์ 1 คนต่อไปของ แมนฯ ยูไนเต็ด
แต่คนที่ดูมีความเป็นไปได้และฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาอีกคนหนึ่งก็คือ นิค โป๊ป นายทวารดีกรีทีมชาติอังกฤษจาก เบิร์นลีย์ ที่ปีนี้ฟอร์มค่อนข้างโดดเด่นกับต้นสังกัด และคาดว่าจะมีค่าตัวอยู่ที่ราว 20-30 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งดูจะคุ้มค่ากับการลงทุนมากกว่าการทุ่มเงินระดับร้อยล้านปอนด์กับผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวนั่นเอง
2. เซ็นเตอร์แบ็ค - อัตโตนิโอ รือดิเกอร์
ตำแหน่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของทีมเมื่อฤดูกาลก่อน แน่นอนว่าการเสริมทัพในตำแหน่งนี้คือทางเลือกเดียวที่ทีมพอจะทำได้ในตอนนี้ แต่ถึงกระนั้นตลอดซีซั่นที่ผ่านมาคนที่ยังพอไว้ใจได้มากที่สุดในบรรดาเซ็นเตอร์ที่มีดูจะเป็น รือดิเกอร์ เซ็นเตอร์สายแข็งชาวเยอรมัน ที่หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บก็สามารถกลับมาช่วยอุดรอยรั่วให้กับแนวรับของทีมได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ที่สุดแล้วเจ้าตัวจะยังไม่สามารถทำได้ตามที่หลายคนคาดหวัง แต่การจะดึงปราการหลังตัวกลางเข้ามาพร้อมกันหลายคนคงจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้น รือดิเกอร์ อาจจะยังสามารถตอบโจทย์ให้กับทีมได้อยู่ในฤดูกาลที่จะถึงนี้
3. เซ็นเตอร์แบ็ค - ดีแคลน ไรซ์
ช่วงที่ผ่านมา สิงห์บลู ตกเป็นข่าวกับกองหลังหลายคนไม่ว่าจะเป็น ซามูเอล อุมติตี้ ของ บาร์เซโลนา โฆเซ กิมิเนซ ของ แอตเลติโก มาดริด หรือแม้แต่การจะดันดาวรุ่งอย่าง อีธาน เอ็มปาดู มาใช้งานอย่างจริงจัง แต่หนึ่งคนที่น่าจะเหมาะกับทีมแถมยังสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งนั่นก็คือ ดีแคลน ไรซ อดีตเด็กปั้นของทีมที่ย้ายไปแจ้งเกิดกับ เวสต์แฮม นั่นเอง แม้ว่ากับทีมขุนค้อนเจ้าตัวอาจจะยืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับเป็นหลัก แต่เขาก็สามารถขยับมายืนเป็นเซ็นเตอร์ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการนำกองกลางอย่าง ไรซ์ ที่สามารถออกบอลจ่ายบอลได้ดี ถอยมาเล่นเป็นปราการหลังตัวกลางอาจจะสามารถแก้ปัญหาการออกบอลจากแดนหลังที่เห็นได้ถึงความผิดพลาดอยู่เป็นประจำในฤดูกาลที่ผ่านมาได้นั่นเอง
4. แบ็คซ้าย - เซร์จิโอ เรกีลอน
ต้องบอกเลย่าตำแหน่งนี้เป็นอะไรที่เลือกยากสุด ๆ เพราะแต่ละคนที่เป็นข่าวกับทีมก็ล้วนแต่ไม่ธรรมดา ทั้ง เบน ชิลเวลล์ อเล็กซ์ เทลเลส ลูก้า ดีญ และ มาร์ค คูคูเรลลา แต่วันนี้เราขอยกอีหนึ่งแบ็คดาวรุ่งที่พึ่งจะมีข่าวกับทีมเมื่อไม่นานมานี้ให้ได้ลองพิจารณากัน นั่นก็คือ เซร์จิโอ เรกิลอน นั่นเอง
เขาเป็นใคร ? บางคนอาจจะพึ่งเคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ เรกิลอน เป็นดาวรุ่งที่เติบโตมาจากอคาเดมีของ เรอัล มาดริด แต่ไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงกับแบ็คมหากาฬอย่าง มาร์เซโล ได้ จึงทำให้ฤดูกาลที่ผ่านมาเจ้าตัวถูกส่งไปให้ เซบีญา ยืมตัว และก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมพาทีมไต่ขึ้นมาจบอันดับ 3 ใน ลาลีกา ได้สำเร็จ และด้วยวัย 23 ปี คงถึงเวลาแล้วที่เจ้าตัวจะได้ออกมาผจญภัยในฐานะกำลังหลักอย่างเต็มตัวเสียที และด้วยค่าตัวที่คาดว่าจะไม่สูงมากที่ราว 20-30 ล้านปอนด์ เจ้าตัวจึงจัดว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
5. แบ็คขวา - รีซ เจมส์
อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าในตำแหน่งแบ็คขวายังคงสองจิตสองใจว่าจะเลือก เจมส์ ดาวรุ่งผู้เปี่ยมด้วยความสามารถ หรือจะเลือกใช้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กัปตันทีมผู้มากประสบการณ์ดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจิ้มไปที่หนุ่มน้อยวัย 20 ปีสายเลือดใหม่ของทีมก่อนละกัน ด้วยเทคนิคที่จัดว่าไม่ธรรมดา ความสามารถรอบตัวรวมถึงความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม เจ้าตัวน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับแนวทางการเล่นเกมรุกของ แฟรงค์ แลมพาร์ด แม้หลายคนอาจจะมองว่า เจมส์ เหมาะกับการเล่นแบบวิงแบ็คมากกว่า แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าของแบบนี้มันปรับกันได้ และเมื่อเขาหาจุดที่พอดีกับทีมได้เมื่อไหร่เขาจะก้าวมาเป็นแบ็คขวาแถวหน้าของ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างแน่นอน
6. กองกลางตัวรับ - เอ็นโกโล ก็องเต้
ใจจริงอยากจะโทรไปบอก ป๋าแฟรงค์ ว่าเลิกเอา ก็องเต้ ไปเล่นเป็น Box to Box ได้แล้ว เพราะนั่นไม่ใช่จุดที่กองกลางชาวฝรั่งเศสรายนี้สามารถแสดงศักยภาพที่มีออกมาได้อย่างเต็มร้อย หากดึงดันจะเล่นแผนนี้ก็ควรใช้งานนักเตะคนอื่นไปเลยยังจะดีซะกว่า
เพราะที่ทำการที่แท้จริงของ ก็องเต้ ทุกคนก็รูอยู่แล้วว่าคือมิดฟิลด์ตัวรับที่ประจำการอยู่หน้ากองหลัง ทำหน้าคอยเก็บกวาดเกมรุกของคู่แข่งก่อนจะไปถึงเซ็นเตอร์แบ็คด่านสุดท้าย บางท่านอาจจะมองว่า แลมพาร์ด คงจะต้องการการออกบอลที่แม่นยำรวมถึงการวางบอลยาวจากแนวลึกที่เป็นจุดเด่นของ จอร์จินโญ แต่มันกลับต้องแลกมาด้วยเกมรับที่ละหลวมบวกกับกองหลังชุดที่มีในฤดูกาลที่ผ่านมามันจึงทำให้ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะงั้นเชื่อได้เลยว่าการนำ ก็องเต้ กลับมาเล่นในตำแหน่งนี้ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเกมรับของพวกเขาได้อย่างแน่นอน
7. กองกลาง - มาเตโอ โควาชิช
ตอนแรกก็ยังลังเลว่าจะให้ โควาชิช หรือ เมสัน เมานท์ ลงประจำการในตำแหน่งดีกว่ากัน หากใช้ เมานท์ ก็จะได้ในเรื่องของเกมรุกที่หวือหวามากกว่า แต่ตัดสินใจเลือกเป็น มาเตโอ โควาชิช กองกลางชาวโครเอเชีย ที่อาจจะดูครบเครื่องและเหมาะสมมากกว่า ด้วยความหลากหลายของเจ้าตัว สามารถเล่นได้ทั้งรุกและรับ แถมยังขยันไล่บอล และพาบอลไปข้างหน้าได้ดี จึงน่าจะเหมาะกับการประจำการอยู่กลางสนามที่ต้องเคลื่อนที่ไปมาตลอดเวลาตั้งแต่ หน้า กลาง ไปจนถึงแดนหลังนั่นเอง
8. กองกลาง - ไค ฮาเวิร์ตซ์
สำหรับตัวรุกคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากชายที่แฟน ๆ เชลซี ต่างลุ้นให้เข้ามาสวมเครื่องแบบสีน้ำเงินครามคนต่อไปอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์ นั่นเอง ด้วยผลงาน 17 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ให้กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้หนุ่มน้อยวัย 21 ปีรายนี้เป็นที่ต้องการของหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป โดย สิงห์บลู ก็เป็นหนึ่งในนั่น และดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้สูงอยู่เหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าเมื่อใดเท่านั้น ส่วนด้านความสามารถ ฮาเวิร์ตซ์ สามารถเล่นได้ตั้งแต่กลางสนามไปจนถึงหัวหอกตัวเป้า แต่ตำแหน่งที่เจ้าตัวดูจะถนัดที่สุดคงจะเป็นผู้เล่นหมายเลข 10 ที่ประจำการคอยซัพพอร์ตอยู่หลังกองหน้านั่นเอง
9. กองหน้า - ฮาคิม ซิเย็ค
ตัวรุกริมเส้นฝั่งขวาแน่นอนว่าต้องเป็นตัวรุกป้ายแดงอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค ที่ทำผลงานได้ดีกับ อาแข็กซ์ ในการยืนเป็นปีกขวาให้กับทีมนั่นเอง โดยทำได้ถึง 8 ประตูกับอีก 21 แอสซิสต์ด้วยกัน ซึ่งเท้าซ้ายของเขานั้นเรียกได้ว่าแม่นยำเหมือนจับวางเลยทีเดียว แถมยังมีความคล่องตัวสูง ไปกับบอลได้ดี ต้องมาดูกันว่าแข้งวัย 27 ปีรายนี้จะสามารถปรับตัวได้ดีมากน้อยขนาดไหนกับการย้ายมาค้าแข้งในเมืองผู้ดี และจะสามารถเทียบกับมาตรฐานที่เจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง วิลเลียน ทำเอาไว้ได้หรือไม่ คงต้องรอชมกัน
10. กองหน้า - คริสเตียน พูลิซิช
สำหรับตัวรุกด้านซ้าย "กัปตันอเมริกา" คนนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคือคนที่ทีมสามารถฝากความหวังเอาไว้ได้ ด้วยความเร็วที่จัดจ้าน ความคล่องตัว ครองบอลติดเท้า ทำให้ยากที่จะหากองหลังคนใดมาหยุดเขาได้ น่าเสียดายที่ปัญหาเดียวของเจ้าตัวในฤดูกาลที่ผ่านมาคืออาการบาดเจ็บที่แวะเวียนเข้ามาเล่นงานตลอดทั้งปียันเกมสุดท้ายของฤดูกาลก็ไม่เว้น ต้องมาลุ้นกันว่าเจ้าตัวจะฟิตทันลงช่วยทีมในซีซั่นหน้าที่กำลังจะเริ่มช่วงกลางเดือนกันยายนนี้หรือไม่ เพราะการมีเขาลงมาประจำการทางกราบซ้ายนั้นยากจะหาใครทดแทนสิ่งที่เขาทำได้จริง ๆ ในทีมชั่วโมงนี้
11. กองหน้า - ติโม แวร์เนอร์
ต้องบอกเลยว่าแม้การมาของ แวร์เนอร์ ที่ปีก่อนยิงได้ถล่มทลายถึง 34 ประตูกับ 13 แอสซิตส์ให้ แอร์เบ ไลป์ซิก ซีซั่นที่ผ่านมา แต่อีกใจหนึ่งก็ยังคงเชื่อมั่นในตัว โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วเช่นกันว่า แม้อายุจะปาเข้าไป 33 ปีแล้ว เขาก็ยังมีดีในแบบของเขา แถมยังสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะในช่วงท้ายของฤดูกาล อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแฟน ๆ สิงห์บลู ต่างก็อยากเห็นใจจะขาดแล้วว่า แวร์เนอร์ จะมีดีสมคำร่ำลือหรือไม่ และจะสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าเกมรุกของ สิงโตน้ำเงินคราม ในฤดูกาลหน้าได้มากน้อยเพียงใด กันยายนนี้รู้กัน !
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!
*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด