ศึกชิงตั๋ว แชมเปี้ยนส์ลีก ของ นิวคาสเซิ่ล แมนยู ลิเวอร์พูล และ ​ไบรท์ตัน ที่มี​ เชลซี​ เป็นตัวแปรสำคัญ- OPINION

Liverpool FC v Manchester United - Premier League
Liverpool FC v Manchester United - Premier League / Michael Regan/GettyImages
facebooktwitterreddit

ยิ่งคืนวันของเดือนพฤษภาคม ผ่านวันคืนไปมากเท่าไหร่ สัญญาณของการรูดม่านปิดฉาก พรีเมียร์ลีก 2022/23 ก็แจ่มชัดขึ้นเท่านั้น

แน่นอน นอกจากการลุ้นแชมป์หรือหนีตกชั้น อีกหนึ่งจุดของตารางที่ต้องจับตา ก็คือ การแย่งชิงตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เหลืออยู่ 2 ใบ จาก "ม้า 4 ตัว" ที่อยู่ในการแข่งขัน -- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล - ไบรท์ตัน ที่ก็ยังมีอีกหนึ่งทีมลึกลับอย่าง เชลซี เป็นตัวแปรสำคัญของแทบทุกทีม

โอกาสนี้ ไปลองตรวจตราดูหน่อยว่า สิทธิ์และเสียงของแต่ละราย มีความเป็นไปได้มากขนาดไหนอย่างไรกับการสอบติดโควต้า ชปล.

ซึ่งก็พอจะเห็นภาพลางๆ ได้...โดยไม่ต้องรอให้ ส.ว. มาเคาะ!

3. นิวคาสเซิ่ล 35 นัด 66 แต้ม

  • โปรแกรมที่ยังเหลือ

    พฤหัสบดี 18 พ.ค. (เหย้า) ไบรท์ตัน

    จันทร์ 22 พ.ค. (เหย้า) เลสเตอร์

    อาทิตย์ 28 พ.ค. (เยือน) เชลซี

สาลิกาดง ของ เอ๊ดดี้ ง่วงนอน -แฮ่- เอ็ดดี้ หาว เคยมีช่วงที่พีคสุดมาแล้วกับช่วง มี.ค. - เม.ย. ที่สามารถคว้าชัยได้ถึง 8 จาก 9 นัด ซึ่งตรงนั้นทำให้พวกเขายืนได้อย่างหนักแน่นเต็มฝ่าเท้าในกลุ่มท็อปโฟร์ โดยเฉพาะการบินสูงถึงอันดับ 3 สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า

แต่การใช้คำว่า "เคยมี" ก็น่าหวั่นเกรงอยู่เหมือนกันว่าความพีคแบบนั้นจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว

เพราะ 2 นัดล่าสุด นิวคาสเซิ่ล เก็บได้แค่ 1 แต้มถ้วนเท่านั้น -- แพ้ อาร์เซน่อล คาบ้านง่ายๆ 0-2 ตามด้วย "รอดตัว" จาก เอลแลนด์ โร้ด ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยผลเสมอ 2-2

ก็แม้ว่าเกมเมื่อวันเสาร์ นิวคาสเซิ่ล จะแซงนำ 2-1 และเป็นฝ่ายโดนไล่ตีเสมอในช่วงท้ายเกม แต่อันที่จริง ลีดส์ ควรจะฉีกสกอร์ห่างเป็น 2-0 ไปแล้ว แต่ แพทริค แบมฟอร์ด กลับสังหารจุดโทษพลาด ซึ่งให้หลังจากการพลาดโทษแค่ 3 นาที ยูงทองก็เสียประตู 1-1 (จุดโทษเช่นกัน) ทันที

หากว่า ลีดส์ หนีเป็น 2-0 ขึ้นมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกมจะจบลงแบบไหน และ นิวคาสเซิ่ล จะยังคงยืนที่ 3 เหมือนตอนนี้รึเปล่า

พฤหัสบดีนี้ นิวคาสเซิ่ล จะเตะเกมตกค้างนัดสำคัญกับเบอร์ 6 อย่าง ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน ซึ่งพวกเขาไม่อาจ "เสียสมาธิ" ได้แม้แต่นิดเดียว เมื่อเราเห็นกันมาตลอดทางอยู่แล้วว่า ไบรท์ตัน มีดีขนาดไหน

แต่ก็อย่างที่ว่า น่าเป็นกังวลแทนสาวก เดอะ แม็กพายส์ อยู่ไม่น้อย ว่าทิศทาง--ของทีมที่ขาดประสบการณ์แรงเสียดทานอย่างพวกเขา--มันเหมือนว่ากำลังก้าวเท้าเข้าสู่ "ช่วงแผ่ว" อีกครั้ง ยิ่งถ้าไม่ชนะนัดถัดไปนี้อีก (แล้วต่อด้วยเกมไม่ง่ายกับ เลสเตอร์ และ เชลซี) ก็ยิ่งน่าเสียวว่าจากที่ยืนอันดับ 3 มานานสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า...

อยู่ๆ จะตกปุ๊ลงสู่ที่ 5 ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

ฟันธง : มีเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงจะหลุดวงโคจร

Kieran Trippier
Leeds United v Newcastle United - Premier League / Stu Forster/GettyImages

4. แมนฯ ยูไนเต็ด 35 นัด 66 แต้ม

  • โปรแกรมที่ยังเหลือ

    เสาร์ 20 พ.ค. (เยือน) บอร์นมัธ

    พฤหัสบดี 25 พ.ค. (เหย้า) เชลซี

    อาทิตย์ 28 พ.ค. (เหย้า) ฟูแล่ม

แม้ยังคงเหลือตัวเจ็บสำคัญ 2-3 ราย แต่ปัญหาที่น่าเป็นกังวลที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องชี้ไปว่าอยู่ที่เรื่อง "ผลงานเกมเยือน" มากกว่าอย่างอื่น เมื่อจาก 18 เกมนอกบ้าน (เฉพาะพรีเมียร์ลีก) ซีซั่นนี้ ทีมผีแดงชนะได้แค่ 7 นัดเท่านั้น -- ไม่ถึงครึ่ง

สองเกมหลังสุดที่ออกไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แพ้ทั้ง ไบรท์ตัน และ เวสต์แฮม ด้วยสกอร์เดียวกัน 1-0

เพียงแต่ก็ถือว่าพวกเขา "โชคดี" มิใช่เบา ที่เกมเยือนอีก 1 นัดสุดท้ายที่ยังเหลือ ก็คือวันเสาร์นี้ เป็นการบุกเตะ บอร์นมัธ ผู้ซึ่งไม่ได้โดดเด่นกับเกมในบ้าน (18 นัดชนะแค่ 6) แถมยังลอยตัว รอดตกชั้นไปแล้วอีก

เท่ากับเกมเสาร์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสกำชัยได้ต่อ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มโอกาสติดท็อปโฟร์ให้กับพวกเขาได้โดยตรง

จากนั้น แม้ 2 เกมสุดท้ายที่เหลือก็จะไม่ง่าย แต่อย่างน้อย มันจะเป็นการเล่นในรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ (เป็นภาพตรงข้ามกับเกมเยือน) พวกเขาทำได้ดีระดับติดหัวแถวของลีกซีซั่นนี้ -- 17 เกมเหย้าทำได้ 42 แต้ม มากกว่านี้มีแค่ ลิเวอร์พูล (43) กับว่าที่แชมป์ แมนฯ ซิตี้ (49)

ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า จนป่านนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด หลุดแพ้คาบ้านแค่เกมเดียว ก็คือตั้งแต่นัดเปิดซีซั่นที่โดน ไบรท์ตัน บุกตบ 2-1 นั่นเอง


ฟันธง : มีโอกาสติดท็อปโฟร์ มากกว่าจะไม่ติด

FBL-ENG-PR-MAN UTD-WOLVES
FBL-ENG-PR-MAN UTD-WOLVES / DARREN STAPLES/GettyImages

5. ลิเวอร์พูล 36 นัด 65 แต้ม

  • โปรแกรมที่ยังเหลือ

    เสาร์ 20 พ.ค. (เหย้า) แอสตัน วิลล่า

    อาทิตย์ 28 พ.ค. (เยือน) เซาแธมป์ตัน

ไม่รู้เหมือนกันล่ะว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ ไปได้ยาดีตำรับไหนมา ลิเวอร์พูล ถึงได้เปลี่ยนจากทีมที่เสียแต้มและเสียประตูเป็นว่าเล่น เสมอ 2 แพ้ 2 ในเดือน เม.ย. มาเป็น...

  • ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-1

    ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-2

    ชนะ เวสต์แฮม 2-1

    ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 4-3

    ชนะ ฟูแล่ม 1-0

    ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 1-0

    ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-0

ก็ทั้งด้วยฟอร์มการเล่น ความต่อเนื่อง ความมั่นใจ และความกลมกล่อมลงตัวภายในทีมที่กลับมาอีกครั้ง

ชนะมาแล้ว 7 เกมซ้อน อีก 2 นัดที่เหลือถ้า ลิเวอร์พูล จะฟาดเพิ่มอีก 6 แต้มเต็ม ก็จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

ฟันธง : แรงจัดจนน่ากลัวจะขึ้นที่ 3 เอา

FBL-ENG-PR-LEICESTER-LIVERPOOL
FBL-ENG-PR-LEICESTER-LIVERPOOL / DARREN STAPLES/GettyImages

6. ไบรท์ตัน 34 นัด 58 แต้ม

  • โปรแกรมที่ยังเหลือ

    พฤหัสบดี 18 พ.ค. (เยือน) นิวคาสเซิ่ล

    อาทิตย์ 21 พ.ค. (เหย้า) เซาแธมป์ตัน

    พุธ 24 พ.ค. (เหย้า) แมนเชสเตอร์ ซิตี้

    อาทิตย์ 28 พ.ค. (เยือน) แอสตัน วิลล่า

ทีมที่เตะมาน้อยเกมที่สุดของลีก จนตอนนี้เพิ่งเล่นไปแค่ 34 นัด ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเจ้านกนางนวล ไบรท์ตัน เตรียมเจอโปรแกรมบีบอัดและบีบเค้น 4 นัดในสิบกว่าวันสุดท้ายของซีซั่นนี้

เริ่มต้นที่คืนพฤหัสบดีนี้ ในการเดินทางไกลขึ้นเหนือไปที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค จากนั้นลงใต้มาเฝ้ารังเจอทีมเพื่อนบ้าน เซาแธมป์ตัน ต่อด้วยเกมกับว่าที่แชมป์ (หรือแชมป์แล้ว?) แมนฯ ซิตี้ ตบท้ายออกไปเยือน วิลล่า พาร์ค ย่านมิดแลนด์ส

ปรายตาดูตอนนี้ นิยาม "50-50" คงเหมาะสมสุดกับ ไบรท์ตัน ในแทบทุกเกมที่รออยู่

- เยือน นิวคาสเซิ่ล สามารถออกได้ครบทุกหน้า ชนะเสมอแพ้ เป็นไปได้หมด

- เหย้า เซาแธมป์ตัน เกมเดียวที่คงพูดได้ว่า "ชนะแน่"

- เหย้า แมนฯ ซิตี้ ไม่รู้เหมือนกันว่า เรือใบสีฟ้าจะเช็คบิลแชมป์ที่วันอาทิตย์นี้แล้วหรือยัง ถ้าเรียบร้อยแล้วตามคาด ก็เป็นโอกาสสำหรับ ไบรท์ตัน ที่จะกำชัย

- เยือน แอสตัน วิลล่า ที่ก็ 50-50 ออกได้ครบทุกหน้าเหมือนกัน

เท่ากับแม้ยังเหลือคิวเตะเยอะกว่าใคร ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเด็กๆ ของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ จะไล่ทีมข้างบนทันไหม

ฟันธง : ยัง 50-50 ต้องดูกันทีละเกม

Deniz Undav
Arsenal FC v Brighton & Hove Albion - Premier League / Julian Finney/GettyImages

และตัวแปรอย่าง 11. เชลซี

  • โปรแกรมที่ยังเหลือ

    อาทิตย์ 21 พ.ค. (เยือน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้

    พฤหัสบดี 25 พ.ค. (เยือน) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    อาทิตย์ 28 พ.ค. (เหย้า) นิวคาสเซิ่ล

หากเป็นในสถานการณ์ปกติ ก็คงต้องชี้ว่า โปรแกรม 3 เกมสุดท้ายของ เชลซี ซีซั่นนี้ มันหนักระดับรากแตกรากแตน

แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เชลซี ไม่เหลือลุ้นอะไรนอกจากเตะให้ครบโปรแกรม (แล้วดูว่าจะจบตรงไหน 11-14) มันจึงมีความเป็นไปได้เลยที่ "ตัวแปร" อย่างพวกเขา จะนำแต้มไปแจกให้แต่ละทีมแบบอิ่มหมีพีมัน อิ่มๆ จุกๆ ไปเลยจ้า

เพราะอย่างที่เราเห็นกันมาตลอดหลายสัปดาห์หลัง เชลซี ยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด 2.0 พร้อมแพ้ได้ทุกเกมไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งตอนนี้มีปัญหาตัวเจ็บทับถมมาอีก (เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาซิช) จนเดี้ยงกันครึ่งค่อนทีม เตียงพยาบาลจะไม่พอนอนกันแล้ว ก็ยิ่งเป็นโอกาสของทุกคู่แข่งในการตักตวงแต้ม

เช่นนี้ นอกจากเกมวันอาทิตย์นี้ที่คงต้านทาน แมนฯ ซิตี้ ลำบาก (ถ้าเรือชนะ เตะจบปุ๊บ รับมอบโทรฟี่แชมป์ปั๊บ)

ทั้งการเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิ่ล ก็มีสิทธิ์ที่ 3 คะแนนจะถูกเสิร์ฟให้ทั้งสองคู่แข่งอย่างไม่ยากเย็น

ส่วนคำถามว่า มันจะส่งผลกระทบทางอ้อมกับ ลิเวอร์พูล หรือ ไบรท์ตัน อย่างไร

คำตอบไม่มีตอนนี้ แค่คงต้องเฝ้ามองกันต่อด้วยใจระทึก...

Frank Lampard
AFC Bournemouth v Chelsea FC - Premier League / Steve Bardens/GettyImages