แท็คติคใหม่ของ ลิเวอร์พูล ที่ทำให้ ดาร์วิน นูนเญซ ต้องเผชิญบททดสอบครั้งใหญ่ - OPINION
โดย Navapun Munarsa
หลังจาก ลิเวอร์พูล สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัว ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยมาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร จำนวน 85 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมานั้น เขาถูกคาดหมายว่า จะเข้ามาเป็นศูนย์กลางเกมรุกคนใหม่ของ “หงส์แดง” ในอนาคต
การเข้ามายัง แอนฟิลด์ ของ นูนเญซ เป็นการเดินตามหลัง หลุยส์ ดิอาซ ปีกทีมชาติโคลอมเบีย ที่ย้ายมาจาก เอฟซี ปอร์โต้ ก่อนหน้าเป็นเวลา 6 เดือน และพวกเขาทั้งคู่ก็ได้รับการจับตามองมากขึ้นในฐานะแนวรุกสายเลือดใหม่หลังจาก ซาดิโอ มาเน่ ย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค
ขณะเดียวกัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งสำคัญของ ลิเวอร์พูล ก็คว้าตัว เออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงชาวนอร์เวย์ มาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เช่นกัน และ ฮาแลนด์ ก็ระเบิดผลงานด้วยการซัดไปแล้วถึง 33 ประตู จาก 29 เกมใน พรีเมียร์ลีก
ในทางตรงกันข้าม นูนเญซ กลับต้องตกเป็นตัวสำรองนัดที่ 4 ติดต่อกันหลังจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจเปลี่ยนแท็คติคการเล่นใหม่ ซึ่งทำให้พลพรรค “หงส์แดง” มีฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้น โดยไม่แพ้ใครใน 4 เกมหลังสุด และเก็บชัยชนะได้ถึง 3 เกมติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม หากมองตามความเป็นจริงตอนนี้ นูนเญซ ถูกลดบทบาทลงไปเป็นตัวเลือกลำดับที่ 5 ในแนวรุกของ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ ดิอาซ หายเจ็บหลับมา และฟอร์มของ ดิโอโก้ โชต้า กำลังเฉียบขาด
ขณะที่ โคดี้ กัคโป กองหน้าชาวดัตช์ที่เพิ่งย้ายมาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เมื่อตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็กำลังปรับตัวเข้ากับบทบาท False9 ในฐานะตัวแทนของ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และยึดตำแหน่งตัวจริงไปเรียบร้อยแล้ว
สไตล์การเล่นของ กัคโป ดูจะเหมาะกับการเป็นกองหน้าตัวกลางให้กับ ลิเวอร์พูล มากกว่าวิธีการเล่นของ นูนเญซ โดยอดีตเด็กปั้น พีเอสวี สามารถลงมาล้วงบอลต่ำ เชื่อมเกม เพรสซิ่ง และครองบอลได้อย่างเหนียแน่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องการ
เมื่อเร็วๆนี้ คล็อปป์ บอกว่า นูนเญซ มีหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง อาทิ การช่วยเพื่อนร่วมทีมเพรสซิ่ง การเคลื่อนที่เมื่อไม่มีบอล การทำงานเพิ่มเติมในการฝึกซ้อม และความเข้าใจภาษาอังกฤษเพื่อใช้สำหรับสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ
คล็อปป์ เคยอธิบายว่า “โอกาสเข้าสู่ทีมยังมีสำหรับทุกคน และมันมีแน่นอน สำหรับผมการ เคาน์เตอร์ เพรสซิง มันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆอย่าง และผู้เล่นแนวรุก 5 คนที่มีอยู่ตอนนี้สามารถเล่นสวนกลับ ได้ค่อนข้างดี และถ้าคุณทำได้ดีในเกมที่คุณเล่น คุณมีโอกาสดีที่จะได้ออกสตาร์ทในเกมต่อไป”
ก่อนหน้านี้ นูนเญซ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงติดต่อกันถึง 8 เกมก่อนจะถูกดร็อป โดย คล็อปป์ กล่าวต่อว่า “มันเป็นเรื่องความกระตือรือร้นที่จะได้บอลคืนหลังจากที่เราเสียบอล เราต้องการผู้เล่นที่เล่นเกมรับร่วมกันกับคนอื่นๆ”
“เขายังคงปรับตัวได้ ภาษาอังกฤษของเขายังไม่ค่อยดีนัก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดี เรากำลังทำงานอย่างหนักเขาต้องเรียนภาษาอังกฤษ มันเป็นอย่างนั้น เราแปลได้ทุกอย่าง แต่ในการฝึกซ้อม เราไม่สามารถแปลได้ 4 ภาษา”
“ประตูยังเปิดกว้างอยู่หลายไมล์ แต่ยิ่งเรามีเซสชั่นการฝึกซ้อมมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องแสดงผลงานในเซสชั่นให้มากขึ้นเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยืนยันว่า นูนเญซ จะเป็นคีย์แมนในอนาคตของ ลิเวอร์พูล โดยระบุว่า “แน่นอนว่ามันต้องการปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อที่เขาจะได้เล่น และตั้งรับตรงกลาง สำหรับเขาการเล่นตรงกลางไม่ใช่ปัญหา เขาเป็นเครื่องจักร แต่จากนั้นเราต้องแน่ใจว่าเราเข้าใจมันในฐานะทีม”
“เหนือปัญหาทั้งหมดในฤดูกาลนี้ คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับกองหน้าที่มีสไตล์การเล่นเกมรับที่แตกต่างกันด้วย”
ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้เพื่อให้ นูนเญซ กลับเข้ามาสู่ทีมในฐานะศูนย์หน้าตัวกลาง โดยแท็คติคต่างๆ คล็อปป์ และทีมงานอาจจะมีการปรับปรุงอีกครั้งในช่วงปรีซีซั่นที่ยาวนานกว่าช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว
แต่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และการปรับตัวที่ดีขึ้นเรื่อยๆของ กัคโป ในบทบาท False9 ก็จะถูกตั้งคำถามว่า จะจับเขาไปเล่นตรงไหน หรือ คล็อปป์ จะต้องขยับ นูนเญซ มาเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายแย่งตำแหน่งกับ ดิอาซ และ หุบ โชต้า เข้าไปเล่นตรงกลาง
ในฤดูกาลหน้า เงินจำนวนมหาศาลถึง 85 ล้านปอนด์ ที่ ลิเวอร์พูล จ่ายไปเพื่อเป็นค่าตัว นูนเญซ นั้น คล็อปป์ ต้องทำให้เห็นว่า มันไม่ใช่การลงทุนที่ผิดพลาดในระยะยาวสำหรับ “หงส์แดง”