[OPINION] ความหวังใหม่แต่หน้าเก่า เชลซี กับการฟื้นคืนชีพอีกครั้งของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์

Chelsea FC v Everton FC - Premier League
Chelsea FC v Everton FC - Premier League / Shaun Botterill/Getty Images
facebooktwitterreddit

หากใครได้ติดตามสถานการณ์การปรับทัพของ เชลซี ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา คงจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมของหัวหอกหมายเลข 18 อย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เข้าหูกันมาบ้าง ซึ่งในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาหลาย ๆ อย่างมันเอื้อให้แฟนบอลบางคนอาจจะคิดว่าอดีตหัวหอกของ อาร์เซนอล รายนี้ คงจะหมดอนาคตในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ไปแล้วเป็นแน่

FBL-JPN-CHELSEA
FBL-JPN-CHELSEA / BEHROUZ MEHRI/Getty Images

นับตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่กุนซือหนุ่ม ซุเปอร์แฟรงค์ เลือกที่จะไว้ใจ แทมมี อับราฮัม ยืนเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าให้กับ สิงโตน้ำเงินคราม ชนิดที่ลงเหมาแทบจะทุกรายการจนไม่เหลือพื้นที่ให้กับหัวหอกตัวเก๋าชาวฝรั่งเศสได้โอกาสลงไปพิสูจน์ตัวเองบ้างเลยโดยเฉพาะในช่วงเดือน ธันวาคม และ มกราคม ที่เขาแทบไม่มีชื่อติดทีมแม้แต่บนม้านั่งสำรอง !

ด้วยวัย 33 ปี บวกกับการที่สัญญาฉบับเดิมกำลังจะหมดหลังจบฤดูกาลนี้ ทำให้มีข่าวลือเป็นระยะเกี่ยวกับการที่สโมสรเตรียมจะโละเขาออกจากทีมเพราะไม่ต้องการจะเสียตัวไปแบบฟรี ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่เจ้าตัวมีข่าวย้ายสังกัดชนิดอิรุงตุงนังจนเกือบจะได้ย้ายไปร่วมทีม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ อยู่แล้วในช่วงวันสุดท้ายของตลาด แต่ในที่สุดมันก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ ชิรูด์ ต้องอยู่สู้ต่อไป แต่ขณะเดียวกันแฟน ๆ สิงห์บลู ส่วนใหญ่คงจะคิดตรง ๆ กันว่าหลังจบซีซั่นนี้ ยังไงซะก็คงได้แยกย้ายทางใครทางมันอย่างแน่นอน

แต่ก็ไม่รู้ว่าโชคยังดี หรืออะไรดลบันดาล หลังจากตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อต้นปีปิดตัวลง แทมมี อับราฮัม ที่ขณะนั้นฟอร์มดูจะดร็อปลงไปพอสมควร รวมถึงดันมาได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตัดสินใจให้โอกาส ชิรูด์ ได้กลับมาลงสนามพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง.. เริ่มจากลงเป็นตัวสำรอง ในเกมที่เปิดบ้านพ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 และลงเป็นตัวจริงในเกมที่เอาชนะ สเปอร์ส ไปได้ 2-1 ซึ่งเขาเป็นผู้ทำประตูแรกให้กับทีมได้ ซึ่งนับเป็นประตูแรงของเขาใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้และเป็นประตูที่สองที่เขายิงให้กะบ สิงโตน้ำเงินคราม ในฤดูกาลนี้ นับตั้งแต่การยิงใส่ ลิเวอร์พูล ในเกม ยูฟ่า ซุเปอร์คัพ เมื่อช่วงต้นฤดูกาล

1 ประตูพร้อมกับรางวัล แมนออฟเดอะแมทช์ ในเกมกับ ไก่เดือยทอง นั้น เหมือนว่ามันไปจุดไฟอะไรบางอย่างในตัวกองหน้าที่หลายคนมองว่าหมดอนาคตกับทีมไปแล้วให้กลับลุกโชนขึ้นอีกครั้ง เพราะอีก 2 นัดต่อมาในเกมที่อัด เอฟเวอร์ตัน ขาดลอย 4-0 เขาก็ทำได้หนึ่งประตูในเกมนั้น

Chelsea FC v Tottenham Hotspur - Premier League
Chelsea FC v Tottenham Hotspur - Premier League / Visionhaus/Getty Images

หลังจากนั้น พรีเมียร์ลีก ต้องปิดเทอมยาวร่วม 4 เดือนเพราะถูกพิษของไวรัส Covid-19 เล่นงาน ซึ่งช่วงระหว่างนั้นเองที่ ชิรูด์ ตกลงเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรและจะค้าแข้งอยู่กับทีมต่อไปอย่างน้อยจนถึงช่วงหน้าร้อนปี 2021 และหลังจากนั้นไม่นานลีกสูงสุดเมืองผู้ดีก็สามารถกลับมาลงแข่งได้อีกครั้งช่วงกลางเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่กลับดูเหมือนว่าความร้อนแรงในตัว ชิรูด์ ที่พึ่งจะได้รับสัญญาใหม่กับทีม กลับส่องสว่างมากขึ้นกว่าเก่าเสียอีก จนทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ยินดีจะเรียกใช้งานเขาเป็นตัวจริงตั้งแต่นัดแรกที่บุกไปเชือด แอสตัน วิลลา 1-2 และวันนั้นเจ้าตัวก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการซัดประตูชัยให้ทีมเฉือนเอาชนะไปได้อย่างหวุดหวิดในที่สุด

ด้วยฟอร์มการเล่นที่สามารถสร้างอิมแพคให้กับทีมได้ แม้ว่าจะไม่ได้มีความเร็วหรือความคล่องตัวมากมายอะไร แต่ก็ถูกทดแทนด้วยความแข็งแกร่งบวกกับชั้นเชิงและประสบการณ์ ที่ดูจะเริ่มผสานเข้ากับแผนการเล่นของ แลมพาร์ด ได้อย่างลงตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงแค่ วิ่งสอดหาตำแหน่ง พักบอลลง เก็บบอลได้ จ่ายต่อให้เพื่อน นี่คือสิ่งง่าย ๆ ที่เราจะเห็น ชิรูด์ ทำเป็นปกติในทุก ๆ เกมที่ลงสนามในช่วงหลัง ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวยังมีทีเด็ดที่เป็นไม้ตายแต่ไหนแต่ไรของเขาอยู่อีกนั่นคือความเฉียบขาดในการจบสกอร์ ทั้งจังหวะชาร์จ เข้าฮอส และที่โดดเด่นสุด ๆ คือการทำประตูจากลูกกลางอากาศ นั่นจึงเป็นหนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่ทำให้แม้ว่า แทมมี อับราฮัม จะฟิตเต็มร้อยกลับมาแล้ว แต่กุนซือ ซุเปอร์แฟรงค์ ก็ยังคงเลือกใช้ ชิรูด์ เป็นหัวหอกอันดับหนึ่งของทีมมาตลอดนับตั้งแต่ "โปรเจ็ครีสตาร์ท" กลับมาลงทำการแข่งขัน

จนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไป 7 นัดแล้วที่ เชลซี กลับมาลงเล่นในเกมลีกหลังจากหยุดยาวตั้งแต่กลางเดือนมีนาคนที่ผ่านมา ซึ่ง ณ เวลานี้ ชิรูด์ คือนักเตะที่ยิงประตูให้กับทีมมากที่สุดหากนับตั้งแต่เริ่ม โปรเจ็ครีสตาร์ท (4 ประตู เทียบเท่ากับ วิลเลียน) แถมฟอร์มการเล่นยังดูฝากผีฝากไข้ได้มากกว่า แทมมี เสียอีก และจากเหตุผลทั้งหมดทั้งปวงที่ได้กล่าวไปนี้เอง ที่ทำให้อนาคตในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของเขาอาจกลับมาสดใสขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรซะ ยังเหลืออีก 4 เกมสำคัญรวมทุกรายการที่ทีมยังต้องลงเล่น และทุกนัดล้วนแต่มีความหมายสุด ๆ ทั้ง เกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้ายสุดสัปดาห์นี้ที่จะพบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เกม พรีเมียร์ลีก 2 นัดที่เหลือที่ต้องคว้าชัยมาให้ไเ้หากต้องการรั้งตำแหน่งท็อป 4 เอาไว้โดยจะต้องพบกับงานหนักอย่าง ลิเวอร์พูล และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ปิดท้ายด้วยเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดที่ 2 กับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ ทัพเสือใต้ เป็นต่อพวกเขาอยู่ถึง 3 ประตู...

ต้องบอกเลยว่าหากเกมที่เหลือที่ได้กล่าวไปทั้งหมดนั้น เขายังรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้และสามารถพาทีมสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จขึ้นมาละก็ นั่นเท่ากับว่า โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จะสามารถกลับมาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้งในวัย 33 ปี และนั่นอาจจะช่วยให้ เชลซี ไม่จำเป็นต้องมองหาหัวหอกคนใหม่เข้ามาให้เปลืองเงินไปเปล่า ๆ ในช่วงซัมเมอร์นี้เลยก็เป็นได้....


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด