การย้ายทีมครั้งใหม่บนเส้นทางเดิมของ เฮคตอร์ เบเยริน - OPINION
แวะเวียนมาเขียนถึง เฮคตอร์ เบเยริน (28 ปี) กันเสียหน่อย หลังจากที่เขากำลังจะย้ายทีมอีกครั้ง และจะเป็นการย้ายทีมไปเล่นกับทีมเดิมของตัวเอง และก็มานั่งทบทวนความทรงจำกันเสียหน่อยในเรื่องของเขาคนนี้ ที่ซึ่งย้ายมาเล่นกับอาร์เซนอลตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี
ต้องบอกว่าช่วงเวลาคาบเกี่ยวสามปีในสองฤดูกาลที่ผ่านมาของ เบเยริน มีเส้นทางที่ขึ้น ๆ ลง ๆ มาก หลังจากที่ราบเรียบมากพอสมควรกับอาร์เซนอล ที่เขาย้ายออกไปแบบยืมตัวก่อนย้ายขาดกันในเวลาต่อมา เขาเซ็นสัญญายืมตัวหนึ่งปีกับเรอัล เบติส (2021-2022) ตามด้วยบาร์เซโลน่า และ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (2022-2023) โดยเขาหมดสัญญากับ สปอร์ติ้ง ซึ่งลงเล่นไปเพียง 10 เกมเท่านั้น และไม่มีการต่อสัญญาใหม่เกิดขึ้น ก่อนที่กำลังจะมาลงเอยกับเรอัล เบติส อีกหนึ่งรอบ
หากคิดถึงช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองสมัยกับ อาร์เซนอล เบเยริน เคยมีดีถึงขั้นติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่มาแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้นฟูลแบ็คสเปนมีนักเตะระดับชั้นนำหลายต่อหลายคน โอกาสของเขาก็ลดน้อยลงไปในทีม “ลา โรฆา” ส่วนกับอาร์เซนอลเขาเคยเป็น “The Flash” สำหรับแฟนบอลที่ยกย่องในความเร็วของเขา
ขณะที่เรื่องนอกสนาม เบเยริน ก็ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงค่อนข้างรวดเร็วมาก เขาย้ายมาทำงานในอังกฤษร่วมกับ จอน โทรัล (กองกลางสเปน ปัจจุบันลงเล่นกับ โอเอฟไอ เครเต้ สโมสรในกรีซ) ตั้งแต่ปี 2011 เขาใช้เวลาสามปีในการขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในปี 2014 และก็อยู่ยาวมาจนกระทั่งอำลาทีม ซึ่งในช่วงระหว่างนั้น เขาก็ได้ทำอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของแฟชั่น ไปจนถึงการออกมาวิจารณ์หลากหลายเรื่องในสังคม ซึ่งถึงทุกวันนี้ เบเยริน ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น รวมถึงในปี 2020 เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นในสโมสร ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส สโมสรในระดับลีก ทู (เพิ่งตกชั้นจาก ลีก วัน ในฤดูกาลที่เพิ่งจบไป) สโมสรที่มีคอนเซปต์การทำทีมภายใต้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่เขาให้ความสนใจ
หลายครั้งที่มีปัญหาเรื่องผลงานไม่สม่ำเสมอ เขาจึงถูกโยงในเรื่องนอกสนามบ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งเขาเคยทะเลาะผ่านสื่อกับ AFTV ช่องรายการในยูทูปของแฟนบอลอาร์เซนอล ที่ออกมาวิจารณ์ผลงานของทีม ซึ่งเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วในกลุ่มแฟนบอลอาร์เซนอล ก่อนที่สุดท้ายเรื่องจะเงียบหายไปเมื่อผลงานของทัพปืนใหญ่ดีขึ้น และก็กลับมาดังอีกครั้งเมื่อผลงานแย่ลง ตามวิถีของรายการที่จัดโดยแฟนบอล ซึ่งพูดถึงผลงานของทีม
ช่วงปี 2020 เบเยรินโชคร้ายเจอกับอาการบาดเจ็บรุนแรงที่เอ็นไขว้หัวเข่าด้านหน้า และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กราฟชีวิตของเขาร่วงหล่น และดิ่งลึกลงไปยิ่งกว่เดิมเมื่อเขาออกมายอมรับว่า ช่วงหนึ่งของชีวิตในการรักษาอาการบาดเจ็บ เขาโหยหาแอลกอฮอลล์ ดื่มย้อมความรู้สึกผิดหวัง และต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ ซึ่งอย่างที่หลายคนทราบกันว่า อาการบาดเจ็บบริเวณดังกล่าว “สาหัส” ยิ่งนักสำหรับคนเล่นฟุตบอลทุกคน และ เบเยริน ก็ต้องพยายามอย่างหนักในการเรียกความแข็งแรงของร่างกายคืนกลับมา เช่นเดียวกับฟอร์มการเล่นของเขา ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เคยกลับไปสู่จุดเดิมได้เลยจนกระทั่งอำลาทีม
การย้ายออกจากอาร์เซนอลในยุคของ มิเคล อาร์เตต้า เป็นสิ่งที่เกิดจากการตัดสินใจของเขาเอง เมื่อตำแหน่งตัวจริงที่รักษามานานไม่ใช่ของตนเองอีกต่อไป เมื่อฟอร์มการเล่นไม่เหมือนเดิม และเมื่อ “ความมุ่งมั่น” ในการทำงานของตนเองในองค์กรไม่เหมือนเดิม การตัดสินใจอำลาทีมเป็นสิ่งที่เขาเลือกท่ามกลางความเสียดายของ อาร์เตต้า ที่ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกันก่อนจะเคารพการตัดสินใจออกจากทีม
เรอัล เบติส ยื่นข้อเสนอยืมตัวให้กับเขา เขาเลือกทีมนี้ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับที่ว่านี่คือการกลับไปทำงานในบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และสโมสรแห่งนี้คือสโมสรในดวงใจของพ่อเขาเอง เบเยริน สนิทกับครอบครัวมาก เขาใช้ชีวิตช่วง 3-5 ปีแรกในอังกฤษกับครอบครัว แม้กระทั่งช่วงเวลาที่เขาเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงปี 2015 เขาก็เดินทางมาเที่ยวพร้อมกับคนในครอบครัว) และมันเป็นการตัดสินใจที่ดี เมื่อเขาได้โอกาสลงเล่นค่อนข้างมาก และทีมคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ ได้ในปีนั้นอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตามการเซ็นสัญญาถาวรกลับไม่เกิดขึ้นด้วยเรื่องเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก่อนที่สุดท้ายเขาจะย้ายไป บาร์เซโลน่า ทีมแรกสุดของเขาในวงการฟุตบอล แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จกับโอกาสในการลงเล่นที่น้อยนิด และจบช่วงเวลานั้นไว้เพียง 5 เดือน และย้ายไปร่วมงานกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งแม้ว่าจะได้รับโอกาสลงเล่นมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากพอจะไปต่อด้วยกันได้
การกลับมาสู่ เรอัล เบติส ในครั้งนี้ ซึ่งตามรายงานระบุว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ เบเยริน จะได้รับสัญญาระยะยาวถึง 5 ปี (บางสื่อบอก 4+1 ปี) เป็นการย้ายทีมในแบบไม่มีค่าตัว ที่จะทำให้เขามี “อิสระ” อย่างเต็มที่ในการเลือกสิ่งที่เขาต้องการที่สุด และหากการเลือกกลับทีมเก่าอีกทีมของตนเอง เป็นทางเลือกที่เลือกแล้วก็ได้แต่ขออวยพรให้เขาโชคดี
บนวัย 28 ปี เส้นทางอาชีพของเขายังคงเปิดกว้างกับโอกาสที่แม้จะไม่มากนัก ชื่อเสียงของเขาไม่อู้ฟู่ เย้ายวนหลายสโมสรแบบแต่เก่าก่อน แต่เมื่อช่วงชีวิตหนึ่งของคุณผ่านการเล่นกับ บาร์เซโลน่า หรือว่า อาร์เซนอล มาแล้ว มันก็พิสูจน์ได้ระดับหนึ่งว่าคุณคือนักเตะที่ไม่ใช่นักเตะทั่วไป แต่เป็นคนพิเศษสุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอล เพียงแต่ว่าช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองมันอาจจะไม่สามารถยืนระยะได้ยาวนานแบบที่ตนเองอยากให้มันเป็นเท่านั้นเอง…