ความหวังในปาฏิหาริย์ก่อนเกม ลิเวอร์พูล บุกเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ - OPINION

Liverpool FC v Brentford FC - Premier League
Liverpool FC v Brentford FC - Premier League / Alex Livesey/GettyImages
facebooktwitterreddit

ย้อนกลับไปในปี 2019 ลิเวอร์พูล สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน เคยสร้างปาฏิหาริย์เปิดบ้านเอาชนะ บาร์เซโลนา 4-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศเลก 2 หลังจากเกมแรกบุกไปพ่ายที่ คัมป์ นู 3-0

ผลการแข่งขันจาก แอนฟิลด์ นัดดังล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล พลิกเข้าสู่รอบชิงฯ ได้แบบเหลือเชื่อด้วยสกอร์รวม 4-3 ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วพลพรรค “หงส์แดง” ก็ก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ของสโมสรได้สำเร็จ

Mohamed Salah, Darwin Nunez, Cody Gapko, Fabinho
Liverpool FC v Brentford FC - Premier League / Chris Brunskill/Fantasista/GettyImages

ในฤดูกาลนี้ มันก็เป็นสถานกาณ์คล้ายๆกันที่ ลิเวอร์พูล ต้องพึ่งปาฏิหาริย์ในการคว้าอันดับท็อปโฟร์เพื่อไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีหน้า หลังจากตอนนี้พวกเขารั้งอันดับ 5 ในตารางคะแนน โดยมีแต้มตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 และ 4 อยู่ 4 คะแนน และเหลือเกมอีกเพียง 3 นัด

คล็อปป์ อธิบายถึงโอกาสการคว้าท็อปโฟร์ว่า “ผมรู้ว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนมันไม่อยู่ในสายตาเลย ผมมองไม่เห็นเลยจริงๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่พยายามเข้าใกล้มัน และนั่นคือสิ่งเดียวที่เราทำ และเราก็เข้าใกล้มันมากขึ้น”

นอกจากจะเคยสร้างปาฏิหาริย์ในเกมกับ บาร์เซโลนา แล้ว ลิเวอร์พูล ยังเคยสร้างเรื่องเหลือเชื่อด้วยการเก็บชัยชนะ 8 เกม และเสมอ 2 เกม จาก 10 เกมสุดท้ายของซีซัน 2020-21 โดย อลิสซอน เบคเกอร์ โกล์ชาวบราซิล โหม่งประตูชัยในเกมสุดท้ายพาทีมบุกไปเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน คว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

คล็อปป์ กล่าวต่อว่า “ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิตของเรา นั่นหมายความว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเรา และคุณพูดถูก เราอยู่ในช่วงเวลาที่มีปาฏิหาริย์ นั่นเป็นความจริง แต่ตอนนั้นมันยังคงอยู่ในมือของเรา”

“ตอนนี้เราต้องชนะเพยีงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงได้หรอก เพราะทีมอื่นสามารเก็บชัยชนะได้ทุกเกมเช่นกัน” อดีตนายใหญ่ ไมนซ์ และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กล่าว

Jurgen Klopp, Cody Gakpo, Mohamed Salah
Liverpool FC v Brentford FC - Premier League / Alex Livesey/GettyImages

หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนก่อน ลูกทีมของ คล็อปป์ เคยมีแต้มตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด มากถึง 10 คะแนนเลยทีเดียว แต่หลังจากที่พลิกฟอร์มกลับมาเดินหน้าเก็บชัยชนะได้ 6 เกมติดต่อกัน ลิเวอร์พูล ก็กลับมามีความหวังเล็กๆอีกครั้ง

 อย่างไรก็ตาม หลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ในเกมลีก เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ทำให้ “ปีศาจแดง” ทำแต้มทิ้งห่าง ลิเวอร์พูล ไปอีก 4 คะแนน

ส่วน นิวคาสเซิล ที่เล่นในช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน ฟอร์มสะดุดบุกปไปเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่สนามแอลแลนด์ โรด 2-2 ก็ทำให้ทำแต้มทิ้งห่าง ลิเวอร์พูล 4 คะแนน เช่นกัน ซึ่งทั้ง “หงส์แดง” และ แมนฯ ยูไนเต็ด รวมถึง “สาลิกาดง” เหลือเกมให้เล่น 3 นัดเท่ากัน

  คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมไปเยือน เลสเตอร์ ว่า “เรามีฤดูกาลที่ย่ำแย่จริงๆ ผมคิดว่าทุกคนในห้องนี้เห็นด้วย และตอนนี้เรามี 62 คะแนน มันแปลกมาก เด็กๆ ยังมีคุณภาพ ผมมีความสุขจริงๆ ที่เราจะได้โชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกันอีกสักหน่อยก่อนจบฤดูกาล”

 “มันจะจบลงที่ตรงไหน ผมไม่สามารถตอบได้เลยจริงๆ ผมรู้ว่าทุกคนอยากไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ผมเข้าใจว่านั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นกัน และไม่น่าเป็นไปได้เลยจริงๆ นั่นคือสถานการณ์ที่เราต้องสร้างขึ้นมาได้ให้แม้โอกาสมันจะน้อยก็ตาม”