บทบาทที่เปลี่ยนไปของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
การเข้ามารับงานคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ ราล์ฟ รังนิค นั้นเป้าหมายแรกที่สำคัญคือ การพยายามพาทีมออกจากจุดที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ทำไว้ และยกระดับตัวเองให้ก้าวขึ้นไปท้าทายบรรดาขาใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก ยุคนี้อยาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ ลิเวอร์พูล
อันที่จริงแล้วกุนซือชาวเยอรมันมีขุมกำลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่งพอตัว แต่ด้วยรูปแบบการเล่นเพรสซิ่งที่นำมาใช้กับทีมนั้นทำให้ตัวเลือกยังมีค่อนข้างจำกัด ซึ่งทำให้เจ้าตัวต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงเริ่มต้น
ดังนั้นเราจึงได้เห็นการประเดิมสนามเกมแรกกับ คริสตัล พาเลซ ด้วยการยึดผู้เล่น 11 ตัวจริงชุดเดียวกับที่ โซลชา และ ไมเคิล คาร์ริค ใช้งาน
รังนิค ยังคงไว้วางใจคู่หู “แม็ค-เฟร็ด” ให้ลงทำหน้าที่เก็บกวาดในแดนกลางหน้าแผงกองหลัง 4 คนต่อไป ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีนักเตะคู่ใดที่มีเคมีเหมาะสมและลงตัวกันเท่านี้อีกแล้ว แม้จะยังคงมีเสียง “ยี้” จากแฟนบอล ปีศาจแดง บางส่วนอยู่ก็ตาม
สิ่งที่นายใหญ่วัย 63 ปีต้องการจาก 2 มิดฟิลด์ในแผนของเขาก็คือพลังงานและการเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม แม้ว่าทั้งคู่จะมีจุดน่ากังวลอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผ่านบอลและการวางบอลจากแนวลึกที่ถือเป็นอาวุธเด็ดที่สำคัญในแท็คติกนี้
การเจอกับ พาเลซ นั้นส่วนใหญ่บอลจะถูกวางยาวมาจากเซ็นเตอร์แบ็ค รวมทั้งการโอเวอร์แลปขึ้นมาเติมเกมรุกของ 2 ฟูลแบ็ค ซึ่งเป็นการทดแทนการสร้างสรรค์เกมจากแดนกลางที่ยังขาดหายไป
ด้วยคุณสมบัติที่จำกัดของแดนกลางที่มีอยู่ทำให้ ยูไนเต็ด ยังคงหวังว่าพวกเขาจะสามารถหามิดฟิลด์คนใหม่ที่สามารถเข้ามาจับคู่กับ เฟร็ด ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่มีความสามารถในการพาบอลไปกับตัวได้อย่างคล่องแคล่วเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงการผ่านบอลเพื่อโจมตีคู่แข่งจากแนวลึกของสนามได้ด้วย
คำถามจึงตามมาว่าแล้วทำไมไม่ปั้น แม็คโทมิเนย์ มารับหน้าที่นี้?
จริง ๆ แล้ว “แม็คทอม“ ค่อนข้างจะเล่นได้อย่างโดดเด่นเมื่อซีซันก่อนในบทบาทของมิดฟิลด์ “บ็อกซ์-ทูบ็อกซ์” ซึ่ง โซลชา มักให้เขามีส่วนร่วมกับเกมรุกเสมอ
แต่เมื่อมาในซีซันนี้ด้วยอาการบาดเจ็บและการปรับแท็คติกหลังการมาของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ทำให้กองกลางชาวสก็อตต้องปรับบทบาทตัวเองจนทำให้ฟอร์มหล่นหายและถูกวิจารณ์อย่างหนัก
ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่าปัญหามันคือ ที่ผ่านมาตัวของ แม็คโทมิเนย์ นั้นไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจน
ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของมิดฟิลด์วัย 24 ปี เขาถูกยกให้เป็นอนาคตของ แมนน ยูไนเต็ด ในแดนกลาง และมีจุดเด่นที่ความเป็นมืออาชีพและความกระตือรือล้น แต่การที่มักโดนจับไปเล่นตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้อยู่บ่อย ๆ เท่ากับเป็นการขัดขวางพัฒนาการของนักเตะไปในตัว
กับทีมชาติแข้ง ปีศาจแดง รับบทบาทสำคัญทั้งการเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับซึ่งเป็นตำแหน่งถาวรและบางครั้งก็ลงไปช่วยในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คบ้างในบางเวลา ในขณะที่เมื่อกลับมาเล่นกับสโมสร โซลชา มักใช้งานแข้งรายนี้ในการเติมเกมรุกเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากเจ้าตัวแจ้งเกิดกับทีมเยาวชนในฐานะกองหน้ามาก่อน
แม้ แม็คโทมิเนย์ จะตอบแทนความไว้วางใจของอดีตนายใหญ่ชาวนอร์วีเจี้ยนด้วยการยิงไป 7 ประตูจากบทบาทมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปเขาอาจจะต้องปรับบทบาทตัวเองใหม่อีกครั้งเพื่อให้เข้ากับแท็คติกของ รังนิค
นั่นหมายความว่าหาก แม็คทอม ยังอยากจะมีพื้นที่ในทีมชุด 11 ตัวจริง เขาจะต้องเปลี่ยนตัวเองจากความสารพัดประโยชน์มาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่เน้นการแย่งบอลและเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุกด้วยการวางบอลยาวจากแนวลึกให้มากขึ้น
ในขณะที่ดูเหมือนว่าคู่ขาอย่าง เฟร็ด กำลังไปได้สวยกับแท็คติกใหม่ กองกลางเลือดสก็อตก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมกับทีมของ ราล์ฟ รังนิค และสามารถเล่นกับมิดฟิลด์แซมบ้าได้อย่างลงตัว
ซึ่งบางทีอาจทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องเสียเงินซื้อมิดฟิลด์คนใหม่ด้วย
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด