ปัจจัยแห่งความล้มเหลวของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลที่แสนจะยากลำบาก - OPINION

Southampton FC v Liverpool FC - Premier League
Southampton FC v Liverpool FC - Premier League / Charlie Crowhurst/GettyImages
facebooktwitterreddit

ไม่มีถ้วยรางวัล ไม่ได้ร่วมวงขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก และไม่ได้ตั๋วไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีหน้า ทั้งหมดที่กล่าวมาหมายความว่า ฤดูกาลนี้ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่สำหรับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน อย่างแท้จริง

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วหลังจากพ่ายแพ้ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรป คล็อปป์ ประกาศให้สาวก “หงส์แดง” ทำการจองห้องพักในโรงแรมสำหรับนัดชิงดำปีหน้าที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ได้เลย

คำพูดของ คล็อปป์ เป็นการตอบสนองที่ดีที่สำหรับกุนซือที่ยังมองโลกในแง่ดีว่า ทีมของตัวเองมีอนาคตที่สดใสรออยู่ และเชื่อว่าจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งจากการทำงานหนัก แต่ความเป็นจริงในปีนี้ ลิเวอร์พูล ตกรอบฟุตบอลยุโรปเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังโดน มาดริด ไล่อัดด้วยสกอร์รวม 6-2

ในปีนี้ ลิเวอร์พูล เจอจุดตกต่ำมากมาย อาทิ การโดน ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ชนะนอกบ้านเพียง 2 เกมตลอดซีซัน บุกไปเก็บ 3 คะแนนถึง แอนฟิลด์ รวมถึงการพ่ายแพ้จากการเล่นเป็นทีมเยือนถึง 8 เกม ซึ่งเท่ากับทีมหนีตกชั้นอย่าง เอฟเวอร์ตัน, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ บอร์นมัธ

Jordan Henderson - Soccer Player
Manchester City v Liverpool FC - Premier League / Visionhaus/GettyImages

จุดเริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ตอนที่ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ระหว่างการไล่ล่าแชมป์ 4 รายการ พวกเขายืนยันการอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงเทพฯ แต่น่าประหลาดใจที่มีการประกาศว่า เป็นเกมแรกที่ทีมของ คล็อปป์ จะลงเล่นในช่วงปรีซีซัน

นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะไม่ได้อุ่นเครื่องกับทีมใดก่อนเลย ซึ่งผลสรุปจากเกม “แดงเดือด” นอกรอบ “หงส์แดง” โดน แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่มเละเทะ 4-0 และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คล็อปป์ ยอมรับว่า วางแผนผิดพลาดสำหรับการเตรียมตัวก่อนเปิดฤดูกาล

อดีตนายใหญ่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ไมนซ์ ระบุว่า “ผมจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปได้ไหมเพื่อให้ทีมมีผลงานดีขึ้น ? ผมจะไม่ไปเอเชียในสัปดาห์แรกของการปรีซัซัน”

 นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่เห็นได้ชัดเจนคือ ลิเวอร์พูล ไม่คว้ากองกลางรายใหม่เข้ามาเสริมทีม โดย คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาว่า “กองกลางจำเป็นตรงไหน ? พวกคุณบอกผมทีว่าเราขาดผู้เล่นแบบไหนในแผงมิดฟิลด์”

ฟอร์มของ ฟาบินโญ่ ตกลงไปตั้งแต่สิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว และกรำศึกหนักมาตลอด ขณะที่อาการบาดเจ็บของ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็อยู่ในช่วงโรยลา และไม่สมบูรณ์เหมืนเดิมอีกแล้ว

ก่อนเปิดซีซัน คล็อปป์ พยายามที่จะเซ็นสัญญากับ โอเรเลียง ชูอาเมนี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จหลัง กองกลางชาวฝรั่งเศส เลือกย้ายไป มาดริด และ ลิเวอร์พูล ก็ไม่มองหาทางเลือกสำรอง จนกระทั่งยืมตัว อาตูร์ มาจาก ยูเวนตุส ในวันเดดไลน์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก็เป็นการทำธุรกิจที่ล้มเหลว

Luis Diaz
Liverpool FC v Crystal Palace - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

ขณะเดียวกัน คล็อปป์ ยอมรับช้าเกินไปว่าทีมมีปัญหา โดย 2 นัดแรกของซีซัน ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายต้องไล่ตามตีเสมอ ฟูแล่ม กับ คริสตัล พาเลซ แบบหืดจับ ซึ่งมันเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า “หงส์แดง” กำลังเจอวิกฤตจากการลงเล่นมากถึง 63 เกมเมื่อปีก่อน

นอกจากนี้ ในช่วงพักเบรกจากศึก ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มันควรจะเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และฝึกซ้อมให้เข้มข้นขึ้น แต่ คล็อปป์ กลับปล่อยให้นักเตะที่ไม่ได้ไปรับใช้ชาติได้พักผ่อน

คล็อปป์ มองว่า นักเตะ ลิเวอร์พูล จะกลับมาดีขึ้น หลังได้พักฟื้นร่างกาย แต่หลังจากฟุตบอลลีกกลับมาแข่งขันตามปกติ ลูกทีมของเขาฟอร์มหลุดหลายเกม อาทิ พ่ายให้กับ เบรนท์ฟอร์ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วัเดอเรอร์ส ตกรอบ เอฟเอ คัพ ด้วยฝีมือ ไบรท์ตัน โดน มาดริด ยำคาบ้าน 2-5 และโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ต้อน 4-1

ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ไม่คงเส้นคงวามากที่สุด และไม่มีทางรู้เลยว่า พวกเขาจะแพ้หรือชนะในเกมใดได้บ้าง ซึ่งมันเป็นคำถามเรื่องของจิตใจ สภาพร่างกาย และทัศนคติที่ขาดหายไปเกือบตลอดทั้งซีซันที่น่าผิดหวังนี้ 

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยืนยันว่า ฟอร์มการเล่นของลูกทีมกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องในช่วงท้ายฤดูกาล หลังไม่แพ้ใครมา 11 เกมติดต่อกัน และแน่นอนว่า บทพิสูจน์ที่แท้จริงมันอยู่ในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลหน้าว่า “หงส์แดง” จะกลับมาจริงหรือไม่