อนาคตของ เจสซี ลินการ์ด กับบทเรียนราคาแพงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
ดูเหมือนว่าอนาคตของ เจสซี ลินการ์ด มิดฟิลด์ตัวรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้รับการพูดถึงอย่างมากตั้งแต่ช่วงที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา โดนไล่ออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ด้วยผลงานอันย่ำแย่ใน พรีเมียร์ลีก เป็นสาเหตุให้กุนซือชาวนอร์วีเจี้ยนโดนอัปเปหิออกจากตำแหน่งนายใหญ่ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มีการคาดหมายว่าดาวเตะวัย 29 ปีจะได้รับโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
หลังจากที่สร้างความประทับใจที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อครึ่งฤดูกาลที่แล้วด้วยการยิงไป 9 ประตูและทำอีก 5 แอสซิสต์ ลินการ์ด ย้ายกลับมายัง แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ด้วยทางเลือกที่เป็นไปได้ 2 ทาง หนึ่งคือการเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมของ โซลชา และสองคือการกลับไปสานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม แบบถาวร
แข้งเมืองผู้ดีตัดสินใจเลือกทางแรกด้วยความเชื่อมั่นว่าเขาจะมีที่ทางในทีม ปีศาจแดง และด้วยคำมั่นสัญญาของผู้เป็นกุนซือในตอนนั้นที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาอยากให้ดาวเตะผู้ก้าวขึ้นมาจากอคาเดมีรายนี้อยู่กับทีมต่อไปเพื่อรอโอกาสกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง
หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันกลับตรงกันข้าม ลินการ์ด ได้รับโอกาสเพียง 9 นัดในทุกรายการ แถมยังต้องออกสตาร์ทเป็นตัวสำรองถึง 8 เกมด้วยกัน
ครั้นเมื่อ โซลชา โดนไล่ออกในวันที่ 21 พฤศจิกายน ความหวังของกองกลางอังกฤษก็ดูเหมือนจะกลับมา การเข้ามาของ ราล์ฟ รังนิค หลายคนเชื่อว่าต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และมีโอกาสที่นักเตะตัวสำรองจะได้พิสูจน์ตัวเอง
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเดียวที่นายใหญ่วัย 63 ปีนำมาสู่ทีม ปีศาจแดง นั่นคือแผนการเล่น 4-2-2-2 ซึ่งกำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักในเวลานี้ นอกนั้นแทบจะไม่มีอะไรแตกต่าง
ลินการ์ด ได้รับโอกาสลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ รังนิค เพียงเกมเดียวนั่นคือ นัดที่เสมอกับ ยังบอยส์ ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มเมื่อเดือนธันวาคม จากนั้นเราก็ไม่เห็นหน้าเขาในสนามอีกเลย
ดังนั้นเมื่อตลาดซื้อขายหน้าหนาวเปิดทำการชื่อของกองกลางวัย 29 ปีก็ถูกหยิบยกขึ้นมาวนเวียนตามหน้าข่าว แต่คราวนี้ด้วยสัญญาที่เหลืออีกเพียง 6 เดือนทำให้ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้มากกว่านี้ พวกเขาอาจจะต้องจำใจขายออกไปด้วยราคาเพียงน้อยนิด แลกกับการที่ไม่ต้องเสียนักเตะไปแบบฟรี ๆ ในช่วงซัมเมอร์
ถือเป็นการเดินหมากที่ผิดพลาดซ้ำซากในตลาดซื้อขายของทีม ปีศาจแดง
ว่ากันว่าคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไปแบบเต็ม ๆ ก็คือ โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้ให้ความหวังกับ ลินการ์ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
อดีตกุนซือ ยูไนเต็ด กล่าวออกสื่อว่าเขาต้องการเก็บแข้งรายนี้เอาไว้กับทีม และให้เจ้าตัวได้พิสูจน์ตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม แข้ง “บีนส์ บีนส์” ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่เกมเดียวในระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน
หากรู้มาก่อนหน้านั้นว่าตัวเองจะไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอแบบนี้ เชื่อว่า ลินการ์ด คงคิดถึงเรื่องการย้ายกลับไปยัง เวสต์แฮม ในช่วงตลาดหน้าร้อนเป็นแน่แท้
แต่ด้วยคำพูดของอดีตผู้จัดการทีมทำให้เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองจะได้รับโอกาสหลังจากที่ทำผลงานได้ดีกับทีม ขุนค้อน และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษในช่วงท้ายฤดูกาลก่อน ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เป็นความจริง
อนาคตของ ลินการ์ด ยิ่งถูกตอกย้ำเข้าไปอีกเมื่อ ราล์ฟ รังนิค ยังไม่คิดจะเหลียวแล แม้ฟอร์มการเล่นของทีมในช่วงหลังจะทรง ๆ ทรุด ๆ ในขณะที่นักเตะตัวหลักอย่าง บรูโน แฟร์นันเดส โดนดร็อปและ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็โดนวิจารณ์อย่างเละเทะ เจ้าตัวยังไม่อยู่ในสายตาของกุนซือคนใหม่ด้วยซ้ำ
การถูกปฏิเสธจากผู้จัดการทีมถึง 2 คนในฤดูกาลเดียวกันคงจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้แข้งจากอคาเดมีรายนี้ได้ทบทวนอนาคตของตัวเองในช่วงเดือนมกราคมนี้
ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังคงแสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพในตลาดซื้อขายอีกครั้ง แทนที่พวกเขาจะได้เม็ดเงินเข้าสู่ทีมอย่างน้อย ๆ 20 ล้านปอนด์ กลายเป็นว่าตอนนี้อาจไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเลยก็เป็นได้
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด