การเดิมพันครั้งสุดท้ายของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
การย้ายกลับมายัง พรีเมียร์ลีก โดยมี แอสตัน วิลลา เป็นจุดหมายปลายทางนั้นเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอลไม่น้อยในช่วงต้นของตลาดซื้อขายเดือนมกราคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวก ลิเวอร์พูล
ที่ดีลของ “คูตี้” จบลงอย่างรวดเร็วและปิดจ็อบได้อย่างง่ายดาย ต้องให้เครดิตแก่ สตีเวน เจอร์ราร์ด นายใหญ่ของ สิงห์ผยอง ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการนำเอาอดีตเพื่อนร่วมทีม หงส์แดง กลับมายังอังกฤษอีกครั้ง
หากจำกันได้ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วในถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงระหว่างปี 2013-2015 ก่อนที่ “กัปตันเจิด” จะโบกมืออำลาไปค้าแข้งที่ เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ และแขวนสตั๊ดในอีก 2 ปีต่อมา
การอำลาอาชีพค้าแข้งของ เจอร์ราร์ด นั้นสวนทางกับกราฟชีวิตของ คูตินโญ อย่างมาก เพราะในขณะที่คนหนึ่งกำลังปิดฉากอาชีพ แต่อีกคนกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเป็นนักฟุตบอล
ดาวเตะแซมบ้าได้รับการฟูมฟักอย่างดีจาก เยอร์เกน คล็อปป์ และระเบิดฟอร์มอันยอดเยี่ยมในซีซัน 2016-2017 ซึ่งถือเป็นปีที่ดีที่สุดของเขากับ ลิเวอร์พูล โดยลงสนามไปทั้งหมด 36 นัดในทุกรายการ ยิงได้ 14 ประตูและทำไป 10 แอสซิสต์
ทำให้หลังจบฤดูกาลนั้นเจ้าตัวตกเป็นข่าวกับ บาร์เซโลนา ที่ขยันดูดยอดแข้งจาก หงส์แดง ไปร่วมทีมเสียเหลือเกิน ซึ่งไม่ต้องสืบว่ายังไงพวกเขาก็ต้านทานพลังเงินของทีมเจ้าบุญทุ่มจากสเปนไม่ไหวอยู่แล้ว
การเดินทางครั้งใหม่ของสตาร์ทีมชาติบราซิลสร้างความปวดร้าวให้กับแฟนบอล หงส์แดง อย่างมาก แต่อีกนัยหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ได้อะไรกลับมา เพราะค่าตัว 142 ล้านปอนด์ในตอนนั้นถือเป็นเงินทุนมหาศาลที่ช่วยให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถดึงนักเตะชั้นดีเข้ามาเสริมทัพได้
หลังจากที่ คูตินโญ ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ในเดือนมกราคม 2018 ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ บาร์ซา คว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้ง ลาลีก้า และ โคปา เดล เรย์ ได้สำเร็จ ถือเป็นเกียรติยศที่ดูจะเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมากขึ้นในอาชีพการค้าแข้ง และน่าจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีในถิ่น คัมป์นู
ในขณะที่ปีนั้น หงส์แดง จบซีซันดังกล่าวด้วยการคว้าอันดับ 4 และทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนจะไปพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด อย่างเจ็บช้ำด้วยสกอร์ 3-1 ที่กรุงเคียฟ
แต่หลังจบฤดูกาล ลิเวอร์พูล ก็เดินหน้าใช้เงินค่าตัวของ คูตินโญ เสริมทัพอย่างเต็มที่ นอกจากดีลของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ย้ายสวนทางมาในเดือนมกราคมปี 2018 แล้วพวกเขาก็ยังได้ตัว ฟาบินโญ, อลิสซอน เบ็คเกอร์, เซอร์ดาน ชากิรี และ นาบี เกอิต้า ในช่วงซัมเมอร์อีกด้วย
เมื่อเปิดมาในซีซันแรกแบบเต็ม ๆ ของ คูตินโญ กับ บาร์เซโลนา กลับต้องลงเอยด้วยความน่าผิดหวัง ด้วยเรื่องของแท็คติก สไตล์การเล่น และปัญหาสำคัญคืออาการบาดเจ็บที่ทำให้เขาไม่สามารโชว์ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ผิดกับสโมสรเก่าของเขาที่ดีวันดีคืนถึงขั้นก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จในบั้นปลาย
กราฟชีวิตของสตาร์แซมบ้ายิ่งดำดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ในซีซัน 2019-2020 เขาถูกปล่อยให้ บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัวไปใช้งาน ซึ่งแม้ว่าจะมีส่วนร่วมในการคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา และ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกซื้อขาดหลังหมดสัญญา
คูตี้ กลับมายัง คัมป์นู ด้วยความหวังที่จะยึดตำแหน่งตัวจริง แต่อาการบาดเจ็บก็เล่นงานเขาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ออกตัวได้ดีในช่วงต้นซีซันภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน ซึ่งท้ายที่สุดเจ้าตัวก็ค่อย ๆ หายไปจากทีม
ตลอดเวลาที่เขาสวมเสื้อของ บาร์เซโลนา แข้งบราซิลเลียนกลายเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องความผิตและเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงเกินฝีเท้า สิ่งเหล่านี้สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอล และกลายเป็นความกดดันมหาศาลจนทำให้เจ้าตัวไม่สามารถหาฟอร์มเก่งเจอได้
ในขณะที่ คูตินโญ กำลังเผชิญมรสุมหนักในชีวิต สโมสรเก่าของเขากลับสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกได้สำเร็จและเป็นแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 30 ปีเมื่อปี 2020 และทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลายเป็นมาตรฐานระดับยุโรปที่ทั้งนักเตะและกุนซือทั่วทั้งทวีปต่างต้องพูดถึง ด้วยสไตล์ฟุตบอลที่ดุดัน หนักหน่วง และมีประสิทธิภาพ
อันที่จริงหากแข้งวัย 29 ปีหนักแน่นพอที่จะมองไปที่อนาคตในถิ่น แอนฟิลด์ ป่านนี้เขาคงกลายเป็นหนึ่งในแข้งชั้นนำของ พรีเมียร์ลีก และยุโรปเหมือนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้รับการยกย่องมาแล้วก็ได้
อย่างไรก็ตามการเดินทางครั้งใหม่ของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การดูแลของ “เพื่อนเก่า” อย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่ต่อสายเพื่อโน้มน้าวให้มาร่วมงานกันในถิ่น วิลลา ปาร์ค ด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน
อย่าลืมว่า “พ่อมดน้อย” สามารถแจ้งเกิดในวงการฟุตบอลได้ก็เพราะการย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล โดยเขาก็ได้เคยมีโอกาสลงเล่นกับ “สตีวีจี” มาแล้ว 2 ฤดูกาลครึ่ง
ซึ่งไม่แน่เหมือนกันว่าด้วยการได้กลับมาอยู่ภายใต้ร่มเงาของอดีตกัปตันของเขาอีกครั้ง และการลงเล่นในบรรยากาศที่คุ้นเคยของศึก พรีเมียร์ลีก อาจทำให้เขากลับมาเป็นคนเดิมเหมือนตอนที่เล่นในถิ่น แอนฟิลด์
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ นี่ก็อาจจะเป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายในชีวิตการค้าแข้งระดับสูงของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ ก็เป็นได้
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด