แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับการก้าวให้พ้นร่มเงาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน - OPINION

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้ที่สร้างสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้กลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษตลอดช่วงทศวรรษที่ 90 ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงต้นของยุคปี 2000

แชมป์ พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, แชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลถ้วยอีกนับไม่ถ้วนนับเป็นผลงานที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้จนปัจจุบันนี้ และการอำลาทีมไปเมื่อปี 2013 ถือเป็นการสิ้นสุดยุครุ่งเรืองของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างสมบูรณ์ เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดหรือแชมป์ยุโรปได้อีกเลย

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บอร์ดบริหารของทีม ปีศาจแดง พยายามตามหา “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คนต่อไป” มาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครสามารถทดแทนชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้

เดวิด มอยส์ คือผู้จัดการทีมคนแรกที่เข้ามาสานต่อความยิ่งใหญ่ ด้วยคำแนะนำและการเป็นคนสก็อตต์บ้านเดียวกันกับท่านเซอร์ ทำให้ได้รับการคาดหมายว่า นี่คือตำนานคนต่อไปของ ยูไนเต็ด

จากผลงานการทำให้ทีมที่เกือบตกชั้นอย่าง เอฟเวอร์ตัน กลายมาเป็นทีมที่ลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรป ทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็น “กุนซือที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์” หากแต่สุดท้ายแล้วการจะเข้ามารับภาระอันหนักอึ้งในอาณาจักร โอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด

มอยส์ ทำทำให้ เร้ดเดวิลส์ มีผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ จากสถานะแชมป์เก่าเมื่อซีซันก่อนกลายเป็นทีมกลางตารางในมือของเขา ซึ่งนั่นก็ไม่สามารถช่วยให้เจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งได้ครบฤดูกาล

จากนั้นเป็นการยกระดับด้วยการดึงทั้ง หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ มูรินโญ 2 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอลยุโรปเข้ามากุมบังเหียน แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ต้องจากไปในแบบที่ไม่น่าประทับใจ แม้ในรายของกุนซือชาวโปรตุกีสจะพาทีมได้ดับเบิ้ลแชมป์ทั้ง ยูโรป้าลีก และ คาราบาวคัพ รวมทั้งการพาทีมจบอันดับ 2 ซึ่งเจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากว่านี่คือความสำเร็จสูงสุดของเขาในการทำงานที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เลยทีเดียว

จนมาถึง โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือที่ทุกคนลงความเห็นว่ามีสายเลือดของความเป็น “ลูกป่า” อยู่เต็มเปี่ยม รวมทั้งทีมงานที่เคยทำงานและเป็นนักเตะของท่านเซอร์ การคืนความคึกคักในช่วงสั้น ๆ หลังได้รับการแต่งตั้งให้มาคุมทีมแทน เดอะสเปเชียลวัน ช่วยให้แฟนบอลหลายคนกลับมาฝันหวานถึงความยิ่งใหญ่อีกครั้งก่อนจะพบว่าทุกอย่างยังคงเป็นเพียงภาพมายาเหมือนเดิม

จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา ยูไนเต็ด แต่งตั้งผู้จัดการทีม 4 รายโดยต้องการความสำเร็จและแนวทางการทำทีมในสไตล์ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องพบว่าไม่มีใครเลยที่สามารถทำผลงานได้ใกล้เคียงกับมหากุนซือผู้นี้ แม้กระทั่ง มูรินโญ เองที่เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้ปราบป๋าเฟอร์กี้มาแล้วในสมัยที่คุม เชลซี ยุคแรก

เราสามารถพูดได้ว่าความล้มเหลวในการแต่งตั้งกุนซือของทีม ปีศาจแดง นั้นส่วนหนึ่งมาจากความหมกมุ่นในการเดินรอยตามความสำเร็จกับท่านเซอร์มากจนเกินไป โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ในยุค โซลชา  ที่หลายคนตั้งความหวังว่าจะเป็นทายาทความยิ่งใหญ่ของนายใหญ่ชาวสก็อตต์ ซึ่งพวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้มาส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในอนาคตอีกต่อไป

แน่นอนว่าผู้จัดการทีมคนใหม่ที่กำลังจะเข้ามาต้องเคารพในวัฒนธรรมและประเพณีของสโมสร แต่เขาคนนั้นก็จะต้องนำปรัชญาของตัวเองเข้ามาสู่ทีมด้วย เหมือนกับที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือวิธีที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ สร้าง ลิเวอร์พูล

แม้แต่ตัว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็มีแนวทางของตัวเอง หลังการย้ายมาจาก อเบอร์ดีน ในสก็อตแลนด์ เพื่อแทนที่ รอน แอตกินสัน นายใหญ่ ปีศาจแดง คนใหม่ในเวลานั้นสร้างทีมด้วยปรัชญาทีชัดเจนหล่อหลอมเข้ากับโครงสร้างและบริบทสโมสรจนกลายเป็น “ยูไนเต็ดเวย์” หรือ “วิถีของยูไนเต็ด” อย่างที่เราได้เห็นกันมาแล้วเมื่อทศวรรษก่อน

การพยายามหาคนมาเลียนแบบท่านเซอร์จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ 

ดังนั้นไม่ว่าผู้จัดการทีมคนใหม่จะเป็น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน, ซีเนดีน ซีดาน หรือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สิ่งที่แฟนบอลควรคาดหวังอันดับแรกต้องไม่ใช่เรื่องของความสำเร็จที่เดินตามรอยของอดีตผู้จัดการทีมผู้เกรียงไกรของพวกเขา 

หากแต่เป็นการได้เห็นกุนซือเหล่านี้ได้นำวิสัยทัศน์ ความคิด และปรัชญาของตัวเองเข้ามาสร้างทีมในแบบของตัวเอง และนำพาความสำเร็จมาสู่ทีมด้วยวิถีทางที่พวกเขาเป็น

และที่สำคัญคือต้องไม่มีใครพยายามที่จะนำไปเปรียบเทียบกับตำนานอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เหมือนอย่างที่เคยทำมา 

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด