เป๊ป กวาร์ดิโอลา กับปมที่ยังค้างคาใจที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
บทสัมภาษณ์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา หลังจากที่พาทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเขาไล่ถล่ม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไป 5-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด เหมือนเป็นการระบายความอึดอัดในหัวใจที่เก็บเอาไว้มาเนิ่นนาน
"คนทั้งประเทศและสื่อเชียร์ ลิเวอร์พูล เพราะพวกเขายิ่งใหญ่บนเวทียุโรป แต่กับ พรีเมียร์ลีก พวกเขาได้แชมป์แค่ครั้งเดียวในรอบ 30 ปั"
แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็ทำเอาสื่อและแฟนบอลต่างคิ้วขมวด ตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับยอดกุนซือผู้นี้
มุมหนึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะ แมนฯ ซิตี้ เพิ่งจะโดน เรอัล มาดริด เขี่ยตกรอบเซมิไฟนอลในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก มาแบบสุดชอกช้ำระกำทรวง มีที่ไหนยิงนำในนาทีที่ 70 ผลรวมทิ้งห่าง 5-3 แต่รถผ้าป่าดันมาคว่ำตอนกำลังจะถึงวัด โดยสอยทีเดียว 3 ลูกรวด ช้อยเก็บฉาก
หลังจบเกมนั้นทั้งแฟนบอลและท่านประธาน ชีค มานซู ต่างแสดงความหัวร้อนอย่างเห็นได้ชัด สาวก ซิตี้ บางคนถึงกับออกมาไล่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไปให้พ้น ๆ ทีมเพราะไม่สามารถพาพวกเขาบรรลุเป้าหมายในการเป็นเจ้ายุโรปได้
เจ้าตัวเองก็ออกมาให้สัมภาษณ์แบบตัดพ้อต่อชะตาชีวิต ทำนองว่าเขาคงไม่ดีพอสำหรับ แชมเปี้ยนส์ลีก อีกแล้ว
สื่อก็พากันผสมโรงวิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่า ผลจากการตกรอบแบบสุดช็อคเช่นนี้จะกระทบกระเทือนจิตใจแข้ง เรือใบสีฟ้า ในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่เหลืออยู่ขนาดไหน
ในขณะที่อีกฝั่ง ลิเวอร์พูล คัมแบ็คได้อย่างสุดอลังการด้วยการยิง 3 ลูกรวดในครึ่งหลังสอนบอล บียาเรอัล ถึงถิ่น ตีตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาได้รับคำชมอย่างล้นหลาม
อย่างไรก็ตามเมื่อกลับมาเล่นเกมลีก หงส์แดง กลับพลาดท่ามาเสมอกับ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ในถิ่นตัวเอง ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ตอกกลับเสียงวิจารณ์ด้วยการไล่ถล่ม นิวคาสเซิล ยับเยิน 5-0 ทำแต้มทิ้งห่างคู่ปรับไปเป็น 3 คะแนนในขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัด
นั่นจึงเป็นที่มาของการระบายความในใจของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา
ถามว่าสาเหตุมันมีแค่นั้นจริง ๆ หรือ หรือมันมีเหตุผลอย่างอื่นแอบแฝงอยู่
วิเคราะห์กันว่า สิ่งที่ เป๊ป พูดออกมานั้นน่าจะเป็นสิ่งที่เขาและแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ คิดมานาน ใช่ พวกเขาประสบความสำเร็จในช่วง 5-6 ปีหลังก็จริง แต่ทำไมคนถึงไม่ค่อยยอมรับหรือพูดถึงมากเท่ากับทีมอื่น ๆ
นับตั้งแต่ได้ ชีค มานซู เข้ามาบริหารงาน เดอะซิตี้เซนส์ ก็ค่อย ๆ ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นทีมชั้นแนวหน้าของยุโรป พวกเขาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 5 สมัยนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา แถมด้วยแชมป์บอลถ้วยอย่าง เอฟเอคัพ 2 สมัยและ ลีกคัพ อีก 6 สมัย
หากแต่การเป็นแชมป์ของพวกเขานั้นกลับถูกพูดถึงค่อนข้างน้อยตามสื่อต่าง ๆ
นั่นเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งความยิ่งใหญ่ของ ซิตี้ มาจากเม็ดเงินที่ลงทุนไปในตลาดซื้อขายนักเตะ พูดง่าย ๆ ว่าพวกเขาเก่งเพราะรวยนั่นเอง
อีกส่วนหนึ่งมาจากฝีมือของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ซึ่งก็ได้ค่าจ้างแพงเหมือนกัน และมีสไตล์การทำทีมที่เน้นใช้เงิน และเขามักจะได้คุมทีมที่มีทรัพยากรเพียบพร้อม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความสำเร็จจะไหลมาเทมา
เอาแค่ซีซันนี้ ซิตี้ กล้าทุ่มซื้อ แจ็ค กรีลิช ถึง 105.7 ล้านปอนด์ และใช้เงินไปทั้งหมด 114.7 ล้านปอนด์ในการเสริมทัพ หลายคนจึงมองว่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ยังไงก็แบเบอร์ ซึ่งเมื่อนับเม็ดเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2012 พวกเขาใช้เงินไปถึง 832 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 37,000 ล้านบาทไทย
ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งเป็นคู่ปรับคู่เทียบมาตลอดในช่วง 3-4 ปีหลังกลับมีวิธีการที่ตรงกันข้าม พวกเขาไร้ซึ่งเงินทองมหาศาล เน้นการใช้งบประมาณแบบคุ้มค่า เน้นสร้างมากกว่าทุ่มซื้อ
ซีซันนี้พวกเขาซื้อนักเตะใหม่ 2 คนอย่าง อิบราฮิมา โคนาเต้ และ หลุยส์ ดิอาซ ค่าตัวรวมกันยังไม่ถึง 100 ล้านปอนด์ แต่ตอนนี้กำลังลุ้นแชมป์ทุกรายการที่ลงสนาม
ยังไม่นับ 2-3 ซีซันที่ผ่านมาที่กุนซือชาวเยอรมันพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก อย่างยิ่งใหญ่โดยมีนักเตะที่แพงที่สุดในราคา 75 ล้านปอนด์อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ นอกนั้นค่าตัวเฉลี่ย 40-50 ล้านปอนด์ และเมื่อรวมเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ใช้เงินไปแค่ 293 ล้านปอนด์หรือ 13,000 ล้านบาทไทยเท่านั้น
ด้วยสไตล์การทำทีมและการประสบความสำเร็จเช่นนี้ ไม่แปลกใจที่ทั้งสื่อและโค้ชดัง ๆ จะชื่นชมการบริหารในแนวทางของ ลิเวอร์พูล และยกย่อง เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้เป็น 1 ในผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลกเคียงข้าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา
และสิ่งที่ทำให้นายใหญ่เมืองเบียร์ได้รับเครดิตมากกว่าก็คือการพา ลิเวอร์พูล เข้าชิงแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก 3 ครั้งในรอบ 5 ปี โดยคว้าแชมป์สมัยที่ 6 เมื่อ 3 ปีก่อน ในขณะที่ฝั่งมหาเศรษฐีอย่าง เดอะสกายบลูส์ ยังทำไม่ได้
ปมนี้จึงติดอยู่ในใจของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาตลอด
ตอนที่โดน มาดริด เขียตกรอบใหม่ ๆ คลาเรนซ์ เซดรอฟ อดีตแข้ง ราชัน ผู้เคยคว้าแชมป์ยุโรปมาแล้ว 3 สมัยชี้ว่า สาเหตุที่ แมนฯ ซิตี้ มักไปไม่สุดในบอลยุโรปเป็นเพราะพวกเขาขาดเรื่องสภาพจิตใจล้วน ๆ ซึ่งของแบบนี้ไม่สามารถสร้างได้ภายในปีสองปีหรือแม้แต่ 10 ปีก็ตาม
สำทับด้วย เจมี คาร์ราเกอร์ ที่ออกมาโต้ตอบบทสัมภาษณ์ของ เป๊ป ที่แซะว่า หงส์แดง ก็เก่งแต่ในยุโรป ซึ่งอดีตกองหลังชาวอังกฤษรายนี้ยอมรับว่า ยังไง พรีเมียร์ลีก ก็คงสู้กับ ซิตี้ ได้ยาก
หากแต่เขามองว่าการจะเป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ก็คือการที่คุณต้องคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้ ซึ่ง เป๊ป และ แมนฯ ซิตี้ ยังไปไม่ถึงจุดนั้น
นั่นจึงทำให้แม้ทีม เรือใบสีฟ้า จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้มากมายขนาดไหน ผู้คนก็ยังมองพวกเขาว่าเป็นทีมที่ไม่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เหมือนกับ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี
และมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าใดนัก
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด