แจ็ค กรีลิช แข้ง "สายปั่น" กับการก้าวขึ้นมาเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของ แมนฯ ซิตี้ - OPINION
โดย Navapun Munarsa
แจ็ค กรีลิช เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก ยังคงมีบุคลิกนอกสนามที่มีอารมณ์สนุกสนานอยู่เสมอ แต่การทำงานหนักในสนาม และความมุ่งมั่น ก็ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการไล่ล่า “ทริปเปิ้ลแชมป์” ของพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” ในฤดูกาลนี้
เวลาของ กรีลิช ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ไม่ได้สนุกเสมอไป โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าตัวเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อปี 2021 และปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา นั้น ยากกว่าที่จินตนาการไว้มากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ดาวเตะวัย 27 ปี กลายมาเป็นคีย์แมนในทีมของ กวาร์ดิโอลา เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหาก แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้นั้น กรีลิช ก็จะได้จารึกว่า เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุด “ทริปเปิ้ลแชมป์” ที่มาจากอังกฤษต่อจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยทำได้ในปี 1998-99
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แกรม ซูเนสส์ อดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล เคยกล่าวว่า กรีลิช ซึ่งย้ายจาก วิลล่า มาเนกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัวสูงถึง 100 ล้านปอนด์ นั้น เป็นผู้เล่นที่ดี แต่ไม่ใช่ผู้เล่นระดับโลกที่จะสามารถพลิกเกมการแข่งขันได้
ขณะที่ โนเอล กัลลาเกอร์ นักร้องวง Oasis ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ แมนฯ ซิตี้ ระบุว่า “ผมจะเป็นคนแรกๆที่คิดว่า กรีลิช ไม่ใช่นักเตะที่เราต้องการ ผมอยู่ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกที่เขาเล่นให้กับเรา มันเป็นเกมเยือน ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร”
“ผมคิดว่า จริงเหรอ? เราต้องการมิดฟิลด์อีกคนนอกเหนือจาก ริยาด มาห์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเด้น และคนอื่นๆ อีกไหม และในฤดูกาลแรกนั้น ผมก็คคิดแบบว่า ใครในสโมสรเห็นอะไรในตัวนักเตะคนนี้”
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่กลับมาจากพักเบรกศึก ฟุตบอลโลก 2022 กรีลิช ก็แทบไม่โดนดร็อปในเกมใหญ่ๆเลย โดยก่อนหน้าเกมสุดท้ายของซีซันที่ แมนฯ ซิตี้ บุกไปพ่าย เบรน์ฟอร์ด 1-0 ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ไม่แพ้ใครมา 25 นัดรวมทุกรายการ และอดีตกองกลาง วิลล่า ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงถึง 19 นัด
จำนานเกมที่ลงสนามของ กรีลิช แสดงให้เห็นว่า มีความสำคัญต่อทีมของ กวาร์ดิโอลา พอๆ กับ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียม และบางทีรวมไปถึง เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าจอมถล่มประตูทีมชาตินอร์เวย์
ขณะเดียวกัน กรีลิช ยังสร้างโอกาสได้ 35 ครั้งในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลนี้ โดยสถิติดังกล่าวยังคงอยู่ไปถึง นัดชิงชนะเลิศกับ อินเตอร์ ที่อิสตันบูล ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ และนับเป็นสถิติสูงสุดที่ผู้เล่นอังกฤษเคยทำได้ในซีซันเดียว
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของ กรีลิช มีมากกว่าสถิติ เขาเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ครองบอลได้เหนียวแน่น และช่วย แมนฯ ซิตี้ ควบคุมเกมในบทบาทที่สำคัญพอๆ กับการแอสซิสต์ของ เดอ บรอยน์ และการทำประตูของ ฮาแลนด์
จอมทัพเลือดผู้ดี เคยกล่าวว่า “ตอนที่ผมย้ายมาที่นี่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมบอกตามตรงเลยว่ามันยากกว่าที่ผมคิดไว้มาก ในหัวของผม ผมคิดว่า ตัวเองกำลังจะไปทีมที่ดีที่สุดสุดของลีก และผมคงจะได้ทำประตู และแอสซิสต์มากมาย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย”
“ผมไม่รู้ว่าการปรับตัวให้เข้ากับทีมและผู้จัดการทีมที่แตกต่างกันนั้นยากแค่ไหน สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ผมรู้สึกได้รับความรัก ผมรู้สึกว่าผู้จัดการทีมเชื่อใจผมจริงๆ”
ผลกระทบในสนามอีกอย่างหนึ่งของ กรีลิช คือ การทำงานร่วมกับ นาธาน อาเก้ กองหลังชาวดัตช์ ทางริมเส้นฝั่งซ้าย ซึ่งทำให้ แมนฯ ซิตี้ แข็งแกร่งมากขึ้นทั้งในเรื่องเกมรับ และเกมรุก รวมทั้งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ
ไมเคิล บราวน์ อดีตกองกลาง แมนฯ ซิตี้ กล่าวว่า “สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเซ็นเตอร์แบ็คที่เล่นฟูลแบ็คคือ ตอนที่พวกเขาต้องยืนริมเส้น และเมื่อ อาเก้ ขยับไปเล่นแบ็คซ้าย เขาไม่ต้องทำอะไรบ้าๆ บอๆ และพยายามมีสมาธิเท่านั้น เพราะเขามี กรีลิช อยู่ข้างหน้าแล้ว”
คริส ซัตตัน อดีตกองหน้า เชลซี กล่าวว่า กรีลิช ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจาก กวาร์ดิโอลา “ฤดูกาลที่แล้วเขามีเวลาเหลือเฟือ แต่มันไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นตัวเลือกแรก แต่ฤดูกาลนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ถ้าคุณมองผ่านฤดูกาลนี้ และพูดถึงว่านักเตะคนสำคัญของ แมนฯซิตี้ คือใคร แจ็ค กรีลิช จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มนั้นแน่นอน”