"ธุรกิจฟุตบอล" ที่ต้องทำเพื่อปากท้องแม้ลึก ๆ สโมสรต้องยอม "น้ำตาตกใน" - OPINION
โดย W.PINTHONG
การขาย วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกิดคำถามขึ้นมามากมายว่า ชลบุรี เอฟซี ถังแตกหรือไม่? ด้วยตัวเลขระดับ 50 ล้านบาท กับวัย 24 ขวบของ "เพชรฆาตตาปิด" ถ้ามาดูผลงานกันจริงๆ ถือว่า "วิน วิน" กันทั้งสองฝ่าย
"ยิม" กดไป 8 ดอก กับ 4 แอสซิสต์ ในไทยลีก 2021/2022 เท่ากับ ศุภชัย ใจเด็ด ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่เขาเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรุก ฉะนั้นความพิเศษนี้แหละที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไม่มี เพราะไปดูในเลกแรกผลงานของ "เดอะ แรบบิท" บอลเจาะเข้าทำตามช่อง หรือแทงบอลทะลุจากแดนกลาง แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ
ฉะนั้นเมื่อพวกเขามีเงินมากพอที่จะเสกนักเตะให้เข้ามา "ความต้องการ" ก็ย่อมตอบสนองด้วยการทุบคลังแสงที่มีอยู่ ไปกระชากนักเตะกองกลางที่ดีที่สุดในเลกแรกเข้ามา ถามว่า "ฉลามชล" จะเป็นอย่างไร แน่นอนแฟนบอลออกมาด่ากันระงม บ้างก็ว่า "ไม่ต้องลุ้นแชมป์" หรือบ้างก็ว่า "ขายนักเตะกิน เพราะสโมสรถังแตก"
อยากจะให้ย้อนไปอ่านในแถลงการณ์ปล่อยตัว กับคำว่า
"สถานการณ์การแพร่ระบาด โรคโควิด-19 กลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้ง ทำให้สโมสร ต้องรับภาระรายจ่ายที่มากกว่ารายได้อีกครั้ง รวมไปถึงหนี้คงค้างที่มีมากเกินจะแบกรับเอาไว้ได้ ทำให้สโมสร จำเป็นต้องเลือกหนทางสุดท้ายที่คิดจะทำ นั่นก็คือ การขายนักฟุตบอลคนสำคัญออกไป เพื่อนำเงินเข้ามาพยุงสโมสร ให้อยู่รอดต่อไป"
อย่าลืมนะครับ ชลบุรี เอฟซี ไม่ได้มีแต่ทีมชุดใหญ่ พวกเขายังมีแข้งในทีมบ้านบึง เอฟซี และอคาเดมี รวมแล้วหลายร้อยชีวิต นี่ขนาดยังไม่รวมพนักงานด้านต่างๆของสโมสร ฉะนั้นการหาเงินเข้ามาพยุงสถานะของสโมสร เป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดในยามนี้ การปล่อย "ยิม" ครั้งนี้ จะทำให้นักเตะดาวรุ่งหลายคนที่เฝ้ารอโอกาส จะได้กระเตื้องตัวเองขึ้นมาคู่ควรกับการสวมเบอร์ 8 เหมือนเขา ที่รับมรดกมาจาก เทิดศักดิ์ ใจทั่น เท่ากับว่าหมายเลขนี้เป็น "ตำนาน" ของสโมสรไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและค่าตัวที่ใช่เลย ก็ต้องปล่อยเพื่อเอาเงินมาจุนเจือสโมสร เพราะราคานี้ไปเล่นในต่างแดนเป็นเรื่องลำบากแน่นอน หรือถ้าเจ็บแล้วฟอร์มดร็อปลงมาก็น่าจะไม่ได้ราคาที่ดีแบบนี้ คนที่คิดว่า "ปล่อยไปก็ลุ้นแชมป์ยาก" แล้วถ้ากลับกัน ชลบุรี เอฟซี เกิดไม่ได้แชมป์อะไรเลยล่ะ??? .... ก็ไม่พ้นมานั่งด่าคนทำทีม แล้วก็ต้องเลยเถิดไปถึงนักเตะของทีม
เชื่อเถอะว่าการขาย "วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ" ไปครั้งนี้ ผู้บริหารสโมสก็น้ำตาตกในไม่แพ้กัน แต่ที่ต้องเชิดหน้าเพื่อยืนหยัดตัวเองเอาไว้ เพราะยังมีอีกหลายปากท้องที่พวกเขาต้องจ่ายเงินเลี้ยงดู ฉะนั้นนี่คือ "ธุรกิจฟุตบอล" ที่ต้องทำเพื่อต่อยอดสู่สโมสร