"เคอร์ติส โจนส์" ดาวรุ่งผู้จะก้าวขึ้นมา เติมเต็มช่องว่างของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม - OPINION

ค่อนข้างแน่นนอนแล้วว่า จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม จะไม่อยู่กับ ลิเวอร์พูล สโมสรดังในศึก พรีเมียร์ลีก หลังจบฤดูกาลนี้และหลายสื่อก็เห็นตรงกันว่าจุดหมายปลายทางต่อไปของกองกลางทีมชาติฮอลแลนด์คงเป็น บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่ง ลาลีก้า ที่มี โรนัลด์ คูมัน อดีตผู้จัดการทีมอัศวินสีส้มคุมทีมอยู่นั่นเอง

"ซีดุม" นั้นตกเป็นข่าวกับ บาร์ซา มาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นมีข่าวออกมาว่า หงส์แดง พร้อมปล่อยตัวออกจากทีมด้วยราคา 30 ล้านปอนด์ ในขณะที่พวกเขากำลังจะดึง ติอาโก้ อัลคันทารา จาก บาร์เยิร์น มิวนิค เข้ามาแทน

แต่ท้ายที่สุดข่าวก็เป็นจริงเพียงครึ่งเดียว โดย อัลคันทารา ได้ย้ายมายังถิ่น แอนฟิลด์ จริง แต่ ไวจ์นัลดุม ยังไม่ได้ย้ายไปไหน ยังคงอยู่ค้าแข้งกับ หงส์แดง ต่อไป ซึ่งจะว่าไปก็น่าจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ได้นักเตะใหม่เสริมทัพและสามารถเก็บตัวหลักเอาไว้กับทีมต่อไป ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสให้สโมสรได้มีการเจรจาเรื่องสัญญาใหม่กับนักเตะต่อไปด้วย

อย่างไรก็ตามการพูดคุยระหว่างกองกลางทีมชาติฮอลแลนด์และสโมสรก็ไม่ประสบความสำเร็จ นักเตะต้องการสัญญา 3 ปีและค่าเหนื่อยระดับแสนปอนด์ แต่ทีมให้ได้เพียง 2 ปี ซึ่งแม้จะมีการยื้อกันไปมาแต่เมื่อล่วงเลยเข้าสู่ช่วงปีใหม่ทุกอย่างก็ชัดเจนว่าสตาร์วัย 30 ปีเตรียมเก็บของย้ายทีมหลังจบฤดูกาลแน่นอน

จากนั้นมาปฏิบัติการตามหา "ตัวแทนไวจ์นัลดุม" จึงเกิดขึ้น โดย ลิเวอร์พูล มีข่าวให้ความสนใจนักเตะทั้งในและนอก พรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น ซานเดอร์ เบิร์ก จาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ตกชั้นไปแล้ว อิฟส์ บิสซูมา ของ ไบรท์ตัน, ลอเรนโซ เปเยกรีนี จาก โรมา และ ฟลอเรียน นอยเฮ้าส์ จาก โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค และยังมีสตาร์หลายรายที่ถูกโยงกันไปมาไม่เว้นแต่ละวัน

แต่หากพิจารณาให้ดีการหาตัวแทนของกองกลางอัศวินสีส้มในช่วงวิกฤติการเงินท่ามกลางสถานการณ์โควิดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างน้อย ลิเวอร์พูล จะต้องมีเงินประมาณ 40-50 ล้านปอนด์เพื่อเป็นค่าตัวของนักเตะเหล่านั้น ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติก็คงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง แต่สถานการณ์เช่นนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้เงินใช้ทองค่อนข้างมาก

ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นการหันกลับมามองดูทรัพยากรที่มีอยู่ในมือก็คงไม่ใช่เรื่องน่าเสียหาย

ดิแอตเลติก สื่อใหญ่เมืองผู้ดีเพิ่งจะออกข่าวเมื่อ 2-3 วันก่อนว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานอาจจะลองให้โอกาสเจ้าหนู "เคอร์ติส โจนส์" กองกลางดาวรุ่งที่ฤดูกาลนี้ได้ขึ้นมาโชว์ฟอร์มในทีมชุดใหญ่เข้ามาแทนที่ จีนี ไวจ์นัลดุม ในซีซันหน้า

นายใหญ่ชาวเยอรมันมอบความไว้วางใจให้ โจนส์ มากขึ้นจากซีซันก่อนที่ได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ไปแค่ 6 เกม โดยเป็นตัวสำรองไป 5 นัด แต่มาในฤดูกาลนี้เจ้าตัวถูกส่งลงสนามถึง 22 นัดและลงเล่นในฐานะตัวสำรอง 10 นัด และเมื่อรวมทุกรายการทั้ง ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก, เอฟเอคัพ และ คาราบาวคัพ เขาได้โอกาสไปถึง 31 เกม ยิงไป 4 ประตูและทำได้ 4 แอสซิสต์

ด้วยอายุเพียง 20 ปีการได้เล่นให้กับทีมระดับท็อปซิกแบบนี้ถือว่าฝีเท้าไม่ธรรมดา และยิ่งอยู่ในมือของ คล็อปป์ ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่า โจนส์ จะได้รับโอกาสมากขึ้นเรื่อย ๆ

ช่องว่างที่ ไวจ์นัลดุม ทิ้งเอาไว้ในแดนกลางนั้น ใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยเข้าไปสัมผัส ยามใดที่รุ่นพี่ไม่สามารถลงสนามได้ ก็เป็นกองกลางดาวรุ่งรายนี้ที่ถูกส่งลงสนามในแผงมิดฟิลด์ โดยเฉพาะในช่วงกลางฤดูกาลที่ทีมประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บหลายราย เขาก็มักจะถูกส่งลงสนามและยังได้รับคำชมทั้งจากสื่อและแฟนบอลอยู่บ่อยครั้ง

สตาร์ทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 21 ปีมีทุกอย่างที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการทั้งเรื่องความขยัน ความเร็ว ความดุดัน และการเพรสซิ่งไล่บีบคู่ต่อสู้ แต่เจ้าตัวดูจะแตกต่างจาก ไวจ์นัลดุม ตรงที่มีแววในการสร้างสรรค์เกมและการยิงจากแถวสองคล้าย ๆ กับ สตีเวน เจอร์ราร์ด ตำนานกองกลางของ ลิเวอร์พูล

สื่อดังกล่าวเชื่อว่า คล็อปป์ มอง เคอร์ติส โจนส์ คือนักเตะแห่งอนาคตของทีม ไม่งั้นเขาคงไม่จับนักเตะต่อสัญญายาว 5 ปีเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว และซีซันหน้าคงจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองครั้งสำคัญว่าเขาจะสามารถก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ในแดนกลางได้ดีขนาดไหน

บางที ลิเวอร์พูล อาจไม่ต้องเสียเงินซักปอนด์เดียวเพื่อตามหาตัวแทนของ จีนี ไวจ์นัลดุม ในเมื่อพวกเขามีเพชรที่รอวันเจียระไนอยู่ในมือทั้งคน

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด