เชลซี ยู-23 : สิ่งที่น่ากลัวกว่า 'เสื้อไร้สปอนเซอร์' ก็คือปัญหาที่รออยู่สำหรับซีซั่นหน้า - OPINION

• เชลซี เปิดตัวชุดเหย้าใหม่ประจำซีซั่นหน้า 2023/24
• จุดที่เป็นประเด็นคือ การไร้สปอนเซอร์อกเสื้อ
• กระนั้น ที่เป็นปัญหาน่ากังวลกว่าเรื่องเสื้อแสงเยอะ ก็คือ...
FBL-ENG-PR-CHELSEA-PRESSER-POCHETTINO
FBL-ENG-PR-CHELSEA-PRESSER-POCHETTINO / HENRY NICHOLLS/GettyImages
facebooktwitterreddit

แม้มาช้าหน่อยแต่ก็เปิดตัวเป็นทางการไปเรียบร้อย สำหรับชุดแข่งใหม่สวยๆ ใสๆ ของ เชลซี ที่ท่ามกลางเสียงปรบมือถึงความงาม ก็ยังแทรกด้วยคำถามว่า เอ่า แล้ว "สปอนเซอร์อกเสื้อ" ล่ะ ไปไหน

เพียงแต่ปัญหาเรื่องเสื้อแสงอาจจิ๊บจ๊อยไปเลย เมื่อเทียบกับภารกิจอันใหญ่หลวงที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะต้องเผชิญ...

เสื้อไร้สปอนเซอร์

อาจช้ากว่าชาวบ้านหน่อย แต่ก็ถือว่า "หรอยแรง" กับเสื้อเหย้าคอลเล็กชั่นใหม่ประจำซีซั่น 2023/24 ของ เชลซี

ภายใต้การผลิตของ ไนกี้ งวดนี้ มาในคอนเซ็ปต์ "ย้อนยุค 90" ด้วยการนำสีทองและสีขาวมาใช้ ด้วยแรงบันดาลใจสำคัญจากซีซั่น 1997/98 ที่ทีมผงาดครองแชมป์ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ต่อด้วย ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ในต้นซีซั่นถัดมา

ความพิเศษยังอยู่ตรงโลโก้สีเหลือบวิบวับๆ สื่อถึง "เกียรติยศและความเย้ายวนใจของ คิงส์ โร้ด อันเลื่องชื่อในยุค 90" และ "สัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและประวัติศาสตร์ของ เชลซี"

ในการเผยภาพชุดเปิดตัว เมื่อวันจันทร์ 10 ก.ค. นอกจากขุนพลยุคปัจจุบันอย่าง เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, เบน ชิลเวลล์, รีซ เจมส์, มิไคโล มูดริค และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่มาสวมบทนายแบบจำเป็นแล้ว ก็ยังได้ต้อนรับตำนานอย่าง เดนนิส ไวส์ กับ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ มาร่วมโชว์ความเหล่ท่อหล่อเท่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เป็นประเด็นที่ถูกชี้เป้าทั้งในสื่อต่างๆ และโลกโซเชียล ถึงการที่ชุดใหม่ของ เชลซี ยังไม่มี "สปอนเซอร์อกเสื้อ" ให้เห็น

ให้หลังจากซีซั่นอันน่าลืมเลือน เชลซี ก็หมดสัญญาพอดีกับบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่จากฮ่องกง อย่าง Three ที่แปะตัวเลข 3 บนอกเสื้อสิงห์เป็นเวลา 3 ปีพอดี

กรณีนี้ มีการเผยว่า เชลซี ได้พยายามเสาะหาสปอนเซอร์รายใหม่แล้ว ที่ผ่านมามีการเจรจากับ Paramount+ และ Stake.com เพียงแต่ติดปัญหาว่า รายแรก (พาราเมาท์ พลัส - แปะอกเสื้อ อินเตอร์ มิลาน ช่วงท้ายซีซั่นก่อน รวมถึงนัดชิง ชปล.) เป็นบริการทีวีสตรีมมิ่งจากสหรัฐอเมริกา ที่โดน พรีเมียร์ลีก ตีตกไปเองเนื่องด้วย "ทับไลน์" กับเจ้าถิ่นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอย่าง สกาย สปอร์ตส์ และ บีที สปอร์ตส์

ส่วนรายหลัง (สเตค - ยึดอกเสื้อ เอฟเวอร์ตัน, วัตฟอร์ด) คือบริษัทรับพนันรายใหญ่จากออสเตรเลีย ที่แม้กิจกรรม "การลงทุนบนความเสี่ยงสูง" จะถูกกฎหมายของอังกฤษ แต่ พรีเมียร์ลีก ก็เตรียมสั่งห้ามบริษัทพนันทุกชนิดมาเป็นสปอนเซอร์คาดอกเสื้อให้กับทุกทีม (จำกัดให้เหลือเฉพาะที่แขนเสื้อ) เริ่มต้นในซีซั่น 2025/26 เป็นต้นไป ทั้งยังมีการเผยว่า การเปิดรับสปอนฯ เจ้านี้ ยังทำให้เกิดกระแสต่อต้านในกลุ่มแฟนบอลตราสิงห์อีกด้วย

(สำหรับ Trivago บริการจองที่พักท่องเที่ยวรายใหญ่ ยังเหลือสัญญาในฐานะสปอนเซอร์อก "เสื้อซ้อม" ภายหลังเข้ามาหนุน เชลซี ในปี 2021 แต่ไม่ชัดเจนว่าจะเจรจาดีลใหม่ ครอบคลุมไปถึงอกเสื้อแข่งด้วยหรือไม่)

เมื่อวืดสปอนฯ ไปสองเจ้า การเปิดตัวชุดแข่งใหม่ที่เลทมากว่าชาวบ้านเขาเยอะแล้วในตอนนี้ (หลายๆ ทีม ใส่ลงสนามเปิดตัวไปตั้งแต่นัดสุดท้ายซีซั่นก่อน) จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ เชลซี จะไม่มีสปอนเซอร์อกเสื้อให้เห็น

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากกว่า "แค่ยิ้มๆ" เมื่อ เชลซี ก็ยืนยันไว้เองว่าจะพยายามหาสปอนเซอร์จุดนี้ให้ได้ทันเวลาเตะเปิดสนาม พรีเมียร์ลีก 2023/24 กลางเดือนหน้า

อีกทั้งต่อให้หาไม่ทัน ก็คงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมาย รวมถึงไม่ได้ทำให้ ท็อดด์ โบห์ลี่ รวยขึ้นหรือจนลงสักเท่าไหร่

ที่สำคัญ การลงเตะแบบไร้สปอนเซอร์อกเสื้อก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตัวอย่างเพิ่งมีให้เห็นในซีซั่นก่อนนี่เอง ที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กว่าจะมี UNHCR (สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) มาเติมเต็ม ก็ปาไปช่วงครึ่งซีซั่นหลัง แถมนอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว ฟอเรสต์ ยังยอมจ่ายอุดหนุน UNHCR เสียด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้น แม้การเปิดตัวเสื้อไร้สปอนเซอร์จะเป็นประเด็นที่ผู้คนเอ่ยถึง แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่ได้น่ากังวลไปกว่าสิ่งที่กำลังรอ เชลซี อยู่ในซีซั่นหน้า แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็น...

ขาออก ยังไม่หมดง่ายๆ

  • ออกแล้ว

    คาลิดู คูลิบาลี่ (อัล-ฮิลาล) 17 ล้านปอนด์

    มาเตโอ โควาซิช (แมนฯ ซิตี้) 25 ล้านปอนด์

    เอดูอาร์ เมนดี้ (อัล-อาห์ลี) 16 ล้านปอนด์

    ไค ฮาแวร์ตซ์ (อาร์เซน่อล) 65 ล้านปอนด์

    รูเบน ลอฟตัส-ชีค (เอซี มิลาน) 15 ล้านปอนด์

    ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ (ไร้สังกัด) ฟรี

    เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (อัล-อิตติฮัด) ฟรี

    เมสัน เมาท์ (แมนฯ ยูไนเต็ด) 55 ล้านปอนด์

    เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า (แอตฯ มาดริด) ฟรี

    บาบา ราห์มาน (พีเอโอเค) ยืมตัว
  • เข้าข่ายเตรียมออก

    คริสเตียน พูลิซิช (เอซี มิลาน)

    เทรโวห์ ชาโลบาห์ (นิวคาสเซิ่ล)

    มาร์ก กูกูเรย่า (สเปอร์ส)

    มาล็อง ซาร์ (สตราส์บูร์ก)

    คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ (นิวคาสเซิ่ล)

    ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง (ซาอุฯ)

    อาร์มันโด้ โบรย่า (พาเลซ, เวสต์แฮม)

    ฮาคิม ซีเย็ค (โรม่า)

    ดาวิด ดาโตร โฟฟาน่า (อูนิโอน เบอร์ลิน)

    คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (ฟอเรสต์)

    โรเมลู ลูกากู (ยูเวนตุส, อินเตอร์)

ออกแล้ว 10 (บาบา ราห์มาน แบ็กกาน่าที่ถูกลืม เป็นรายล่าสุด เมื่อคืนนี้) และเข้าข่ายจะออกอีก 10 หรือการันตีล่วงหน้าได้เลยว่าจะมีอย่างน้อย 4-5 ราย โผไปหาต้นสังกัดใหม่แน่นอน เช่น คริสเตียน พูลิซิช, ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง, ฮาคิม ซีเย็ค และ โรเมลู ลูกากู นอกนั้น มาล็อง ซาร์, อาร์มันโด้ โบรย่า, ดาวิด ดาโตร โฟฟาน่า และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ต่างก็เป็นข่าวจะชิ่งไปแบบยืมตัวเช่นกัน

เท่ากับจะเรียกว่าเป็นการ "แพแตก" หรือ "ถ่ายเลือด" หรือ "สลับร่างกระชากวิญญาณ" ก็ได้ทั้งหมด เมื่อ เชลซี 2023/24 กำลังจะเปลี่ยนโฉมไปจาก เชลซี ที่เราเคยเห็นๆ กัน--โดยเฉพาะ เชลซี ยุค โรมัน อบราโมวิช แบบมิดด้าม

ชนิดที่แฟนเชลซีบางรายซึ่งติดตามแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ ยังต้องยอมรับว่า "ไม่รู้จัก" ขุนพลชุดปัจจุบัน และแทบไม่เชื่อสายตาว่าทีมจะเปลี่ยนไปได้ขั้นนี้

ขาเข้าเพิ่มเติม คาดเดาลำบาก

  • เข้าแล้ว

    คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (แอร์เบ ไลป์ซิก) 52 ล้านปอนด์

    นิโคลัส แจ๊คสัน (บียาร์เรอัล) 32 ล้านปอนด์

    ดีเอโก้ โมเรยร่า (เบนฟิก้า) ฟรี

    อิเช ซามูเอลส์-สมิธ (เอฟเวอร์ตัน) 4 ล้านปอนด์

เข้ามาแล้ว 4 แต่เอาเข้าจริงคงตีได้ว่าแค่ 2+2 เมื่อ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู กับ นิโคลัส แจ๊คสัน คือสองคนที่จะมุ่งตรงสู่ 11 คนแรก แต่ว่า 2 รายหลังอย่าง ดีเอโก้ โมเรยร่า ปีกตัวฟรีจาก เบนฟิก้า กับ อิเช ซามูเอลส์-สมิธ แบ็กซ้ายจาก เอฟเวอร์ตัน ยังเด็กแบบ "เด็กมาก" และน่าจะถูกส่งลงไปเล่นทีมเยาวชน ทีมสำรองไปก่อนเท่านั้น

โมเรยร่า กำลังจะ 19 เดือนหน้า ส่วน ซามูเอลส์-สมิธ เพิ่งครบ 17 ไปเมื่อเดือนที่แล้ว

ส่วนชื่อที่ถูกเชื่อมโยงกับ เชลซี เพิ่มเติม ไม่มีการันตีใดทั้งสิ้นว่าจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แน่ๆ ไม่ว่าจะ มอสเซส ไคเซโด้ (ไบรท์ตัน), โรมิโอ ลาเวีย (เซาแธมป์ตัน), ดูซาน วลาโฮวิช (ยูเวนตุส), เปาโล ดีบาล่า (โรม่า) แถมในจำนวนนี้ ยังมีบางคนที่ถูกมองว่า จะเลือกไปทีมอื่นมากกว่ามายัง เชลซี อีกเช่นกัน

แล้วก็อย่าไปพูดถึงบิ๊กเนมอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ให้เสียเวลา เมื่อค่าตัวที่ เปแอสเช เรียกร้อง คงทำให้ เชลซี ต้องเทขายยันม้านั่ง, ธงเตะมุม หรือโถส้วม เพื่อทำทุน

เชลซี ยู-23

ที่จริง ก็พอเชื่อได้อยู่แหละว่า ตลาด "ขาเข้า" ของ เชลซี จะยังไม่ปิดลงง่ายๆ และจะมีแข้งใหม่ที่เข้ามาให้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้เลือกใช้อีกหนึ่งตับ อย่างน้อยน่าจะ 4-5 ราย ไม่ว่าจะในรูปแบบซื้อขาดหรือยืมตัว

เพราะถ้าตัดบิลตรงนี้ เชลซี ของ โปเช็ตติโน่ จะกลายเป็น "เชลซี ชุด ยู-23" ไปในทันที

ไม่นับนายประตู เคปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่อายุ 28 จะพบว่า 11 คนแรกซึ่งมีสิทธิ์ที่จะเป็นไลน์อัพชุดเตะ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ ของทัพสิงห์นั้น อัดแน่นไปด้วยแข้งอายุน้อย เหล่านี้ (ในระบบ 4-3-3)

กองหลัง : เบน ชิลเวลล์ 26, ลีวาย โคลวิลล์ 20, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า 22, รีซ เจมส์ 23

กองกลาง : เอ็นโซ เฟร์นานเดซ 22, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ 23, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู 25

กองหน้า : มิไคโล มูดริค 22, นิโคลัส แจ๊คสัน 22, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 28

10 คนนี้ หารเฉลี่ยอายุออกมาได้ที่ "23.3" เท่านั้นเอง

ส่วนถ้าเติม ติอาโก้ ซิลวา (38) ลงไป ค่าเฉลี่ยอายุก็ขยับขึ้นนิดหน่อย แต่จะถอยลงต่ำกว่านี้เยอะเลยถ้าเปลี่ยนจาก สเตอร์ลิ่ง (28) เป็นปีกเด็กอย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ (21)

หนึ่งคือขุมกำลัง "เล็กลง" มากอย่างน่าตกใจ

สองคือ ค่าเฉลี่ยอายุ 11 คนแรก ก็น้อยลงมากเช่นกัน

และสามคือ แหม่ โอ้โห ตัวเลือก "แดนกลาง" ณ ตอนนี้ บอกเลยว่า "ขาดแคลน" หนักมาก

เพราะถอยออกกันหมดทั้ง ก็องเต้, โควาซิช, เมาท์, ลอฟตัส-ชีค ทำให้ โปเช็ตติโน่ หลงเหลือมิดฟิลด์แท้ๆ อยู่แค่หยิบมือ อย่าง เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, คาร์นี่ย์ ชุควูเมก้า, อันเดรย์ ซานโตส บวกด้วย 2 ตัวเยาวชน ลูอิส ฮอลล์ กับ ติโน่ อันโยริน เท่านั้น

ต่อให้แถม คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่ยืนกลางรุกได้ ไปอีกคน ก็ไม่มีทางเพียงพอต่อการใช้งานในตลอดทั้ง 3 รายการของซีซั่นหน้า

ปรีซีซั่นและ 'โค้งแรก' ของซีซั่นใหม่

นี่คือคิวเตะ ปรีซีซั่น 2023/24 ที่ เชลซี วางไว้ โดยเป็นการออกทริปที่แดนลุงแซมทั้งหมด (5 นัด) ไม่นับรวมช่วงระหว่าง 3 - 10 ส.ค. ที่อาจมีคิวเตะงอกมาเพิ่ม แบบปิดสนาม ลับแข้งไม่เป็นทางการ เพื่อเตรียมพร้อมขั้นสุดท้ายของเปิดซีซั่นใหม่

  • 19 กรกฎาคม vs เร็กซ์แฮม (สหรัฐฯ)

    22 กรกฎาคม vs ไบรท์ตัน (สหรัฐฯ)

    26 กรกฎาคม vs นิวคาสเซิ่ล (สหรัฐฯ)

    30 กรกฎาคม vs ฟูแล่ม (สหรัฐฯ)

    2 สิงหาคม vs โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (สหรัฐฯ)

ส่วนนี่คือโปรแกรม พรีเมียร์ลีก ช่วง "โค้งแรก" 2 เดือนแรกของซีซั่นใหม่

  • 13 สิงหาคม เหย้า ลิเวอร์พูล

    20 สิงหาคม เยือน เวสต์แฮม

    25 สิงหาคม เหย้า ลูตัน ทาวน์

    2 กันยายน เหย้า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

    17 กันยายน เยือน บอร์นมัธ

    23 กันยายน เหย้า แอสตัน วิลล่า

กวาดตาดูคิวเตะโค้งแรก ก็ควรถือว่ายังพอ "โล่งอก" ได้บ้างกับการจัดโปรแกรมที่ พรีเมียร์ลีก เสิร์ฟมาให้ เมื่อถัดจากเกมเปิดสนามหนักอึ้งกับ ลิเวอร์พูล แล้ว คู่แข่งในตลอด 5-6 เกมต่อมา เทียบชื่อชั้นแล้วยังถือว่า เชลซี ดูดีกว่า (ถ้าไม่เล่นด้วยฟอร์มเละเทะแบบซีซั่นก่อน) และมีโอกาสชนะมากกว่า

นั่นหมายถึงว่า, หากมองในแง่ร้าย, เชลซี อาจจะแพ้ ลิเวอร์พูล นัดเปิดสนาม 13 ส.ค. แต่หลังจากนั้นก็จะเป็นโอกาสให้ โปเช็ตติโน่ แก้ตัวได้เต็มที่ ดีไม่ดีอาจชนะสี่ซ้าห้าเกมรวด ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้

แต่ก็อีกนั่นแหละ "ระยะยาว" คือคำถามสำคัญมากๆ ที่ โปเช็ตติโน่ และ "เชลซี ยู-23" ของเขาต้องแบกรับ

การผ่าตัดทัพครั้งใหญ่จะได้ผลสรุปลักษณะไหน, ทีมอายุน้อยขนาดนี้จะยืนระยะไหวไหม, ฟอร์มการเล่นจะเป็นไปอย่างไร, 11 คนแรกจะเป็นแบบใด, แดนกลางจะถูกเติมด้วยใคร, ขุมกำลังใหญ่พอแน่หรือ, จะดีพอแทรกตัวสู่ท็อป 4 ได้รึเปล่า ฯลฯ และ ฯลฯ

นี่ต่างหาก อะไรที่ควรต้องซีเรียส มากกว่าเรื่องเสื้อสวยๆ ตัวใหม่ที่ไร้สปอนเซอร์