วิเคราะห์ขุมกำลัง เชลซี ในอนาคตหากได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้ามาคุมทีม - OPINION

RC Strasbourg v Paris Saint-Germain - Ligue 1 Uber Eats
RC Strasbourg v Paris Saint-Germain - Ligue 1 Uber Eats / Eurasia Sport Images/GettyImages
facebooktwitterreddit

หากไม่มีอะไรผิดพลาด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะกลายมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ เชลซี สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลหน้า ซึ่งจะนับเป็นเทรนเนอร์รายที่ 5 ของทัพ “สิงน้ำเงินคราม” ในรอบปีเข้าไปแล้ว

โธมัส ทูเคิล, เกรแฮม พ็อตเตอร์ และโค้ชขัดตาทัพ 2 รายอย่าง บรูโน ซัลตอร์ และ แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็น 4 รายที่กุมบังเหียนในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนหน้านี้ และสำหรับ โปเช็ตติโน่ ก็กำลังจะเจอกับงานที่ท้าทายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

Mauricio Pochettino, Kyle Walker, Arsene Wenger
Tottenham Hotspur v Arsenal - Premier League / Paul Gilham/GettyImages

ในฤดูกาล 2023-24 จะเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับ เชลซี โดยอาจจะมี โปเช็ตติโน่ เป็นหัวเรือใหญ่ และสำหรับสาวก “สิงห์บลูส์” มันก็อดตั้งความหวังไม่ได้ว่า ทีมรักจะกลับมาทำผลงานได้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง หลังจากเจอกับความล้มเหลวในปีนี้

เชลซี ชุดปัจจุบันภายใต้การบริหารงานของ ทอดด์ โบห์ลี่ ทุ่มเงินไปอย่างมหาศาลเพื่อคว้านักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพะในตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด โดยเมื่อมองจากรายชื่อผู้เล่นที่มีอยู่ในทีมนั้น พวกเขาไม่ได่เป็นรองทีมระดับท็อปโฟร์เลย

อย่างไรก็ตาม งานหนักของ โปเช็ตติโน่ คือ การเรียกความมั่นใจของนักเตะกลับมา และทำให้ เชลซี เล่นฟุตบอลด้วยทีมเวิร์คอีกครั้ง ซึ่งเขาจะมีผู้เล่นมากมายให้เลือกใช้กับระบบ 4-2-3-1 หรือ 3-4-3 ตามที่ถนัดเหมือนสมัยยังทำงานกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

ในช่วงที่คุม สเปอร์ส นั้น โปเช็ตติโน่ ใช้ฟูลแบ็คที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก โดยมีผู้เล่นอย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์, คีแรน ทริปเปียร์, แดนนี่ โรส และ เบน เดวีส์ ต่างก็แบ็คที่เติมเกมรุกได้เป็นอย่างดี และมีส่วนกับการสร้างสรรค์เกมทางริมเส้น

สำหรับที่ เชลซี นั้น โปเช็ตติโน่ จะมีแบ็คจอมลุยอย่าง รีซ เจมส์ และ เบน ชิลเวลล์ ยืนเป็นตัวหลักให้เลือกใช้งาน และทั้ง 2 คน สามารถขึ้นไปประสานงานกับแนวรุกอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, มิคาโล มูดริก รวมถึง คริสเตียน พูลิซิช ได้

ขณะที่ในแผงมิดฟิลด์ เมสัน เมาท์ และ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ น่าจะยังได้อยู่กับ เชลซี ต่อไป เนื่องจากทั้งคู่เป็นกองกลางจอมขยันในสไตล์ที่ โปเช็ตติโน่ ชื่นชอบ และที่สำคัญยังขยับไปเติมเกมุกในกรอบเขตโทษคู่แข่งได้ด้วย

Eder Militao, Kai Havertz
Chelsea FC v Real Madrid: Quarterfinal Second Leg - UEFA Champions League / Michael Regan/GettyImages

ไค ฮาแวร์ตซ์ จากเดิมที่ต้องคอยรับบทกองหน้าตัวเป้าอาจถูกขยับลงมาเป็นตัวฟรีในบทบาทหมายเลข 10 ตามที่ถนัดเหมือนกับบทบาทที่ เดเล อัลลี่ เคยเล่นให้กับ สเปอร์ส ในยุค โปเช็ตติโน่ และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

หาก เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ มัตเตโอ โควาซิช ตัดสินใจย้ายออกไปก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจาก เอนโซ่ เฟร์นานเดซ สามารถยืนเป็นห้องเครื่องปักหลักหน้าแนวรับได้ และอาจจะมีมิดฟิลด์รายใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 1 ราย

ในเกมรับ เบอนัวต์ บาเดียชิเล และ เวสลีย์ โฟฟานา น่าจะยืนเป็น 2 เซ็นเตอร์แบ็คตัวหลัก โดยมี ลีวาย โคลวิล ซึ่งปัจจุบันไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวที่ ไบรท์ตัน ก็สามารถกลับมาเป็นตัวจริงได้เช่นกัน ซึ่งทั้ง 3 คน ยังมี ธิอาโก้ ซิลวา คอยประคองอย่างน้อยอีกหนึ่งปี

ส่วนตำแหน่งผู้รักษาประตู โปเช็ตติโน่ ไม่ได้มองถึงคนที่ใช้เท้าได้ดีเป็นหลัก โดยอ้างอิงจากตอนที่เขาคุม สเปอร์ส และ เปแอสเช ที่ใช้งานนายทวารอย่าง อูโก้ ยอริส และ เคย์เลอร์ นาบาส ซึ่งเป็นสไตล์ที่เน้นความแน่นอนไว้ก่อน โดย เกปา อาร์ริซาบาลาก้า น่าจะยังได้รับโอกาสให้พิสูจน์ตัวเองไปก่อน

สุดท้ายตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า โรเมลู ลูกากู จะกลับมาจากการยืมตัวที่ อินเตอร์ มิลาน และมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับ  โปเช็ตติโน่ โดยมีหัวหอกคนใหม่อย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นกูกู คอยสแตนด์บายเปลี่ยนเกม