[OPINION] ทางออกจากวิกฤติของ มิเกล อาร์เตต้า และ อาร์เซนอล
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ของ อาร์เซนอล ที่พวกเขาต้องเจอกับเครื่องหมายคำถามตัวโต ๆ จากแฟนบอลว่า “เกิดอะไรขึ้นกับทีม?”
ความพ่ายแพ้ต่อ เอฟเวอร์ตัน เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนเป็นอะไรที่เจ็บปวดอยู่แล้ว ในอีกไม่กี่วันต่อมาพวกเขาก็มาเปิด เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ถลุงคาบ้าน 4-1 ในศึก คาราบาวคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายซ้ำอีกดอก มันยิ่งสร้างความอับอายให้กับสาวกปืนโตเป็นอย่างยิ่ง
จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้สถิติรวมทุกรายการใน 4 นัดหลังสุดพวกเขาเสมอ 1 และแพ้ไปถึง 3 เกม และเมื่อนับแค่ใน พรีเมียร์ลีก ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า สะกดคำว่า “ชนะ” ไม่เป็นมา 7 นัดติดต่อกันพร้อมกับรั้งอันดับ 15 ของตารางเป็นที่เรียบร้อย
อะไรคือเหตุและปัจจัยที่ทำให้ เดอะกันเนอร์ส ตกต่ำดำดิ่งและพังพาบได้ถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อซีซันที่แล้วพวกเขาเพิ่งจะคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ และได้แชมป์ คอมมูนิตี้ชิลด์ ตอนเปิดหัวฤดูกาล
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป้าหมายแรกที่โดนวิจารณ์อย่างหนักคงหนีไม่พ้น มิเกล อาร์เตต้า ผู้เป็นกุนซือ ซึ่งเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ นายใหญ่ชาวสแปนิชถึงกับได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุดในอนาคต
แต่เมื่อผ่านมาเกือบขวบปีผลงานก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า โลกแห่งความจริงนั้นมันไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่ใครคิด การผันตัวจากการเป็นผู้ช่วย เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แวดล้อมด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่พร้อมจะเดินหน้าไขว่คว้าความสำเร็จอย่างเต็มที่ไล่ตั้งแต่ผู้บริหาร, งบประมาณ, สิ่งอำนวยความสะดวก และคุณภาพของผู้เล่นนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนักกับการเข้ามาคุมทีม อาร์เซนอล
ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทุกอย่างดูเหมือนจะตรงกันข้าม พวกเขาไม่พร้อมทุ่มเงินดึงสตาร์ดัง ผู้บริหารไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าผลกำไร-ขาดทุนของสโมสร และคุณภาพของนักเตะก็เทียบกันไม่ได้
แม้ตอนเข้ามารับงานใหม่ ๆ นั้นโมเมนตั้มของทีมดูเหมือนจะกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นว่าทุกอย่างกำลังถอยหลังและยิ่งดูเหมือนจะถอยหลังลงคลองอย่างสมบูรณ์แบบ
วิลเลียม กัลลาส อดีตกัปตัน ปืนโต ชี้เป้าตรงประเด็นว่า กุนซือกระทิงดุยังไม่มีคุณสมบัติมากพอและไร้ประสบการณ์ในการรับมือกับการคุมทีมใหญ่อย่าง อาร์เซนอล โดยเฉพาะกับการบริหารจัดการนักเตะภายในทีม
คำยืนยันของ กัลลาส ปรากฎในกรณีการปล่อยตัว มัตเตโอ เก็นดูซี กองกลางดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสไปให้กับ แฮร์ธา เบอร์ลิน ยืมตัว อันเนื่องมาจากมีปัญหาเรื่องความประพฤติที่เจ้าตัวไปดูถูกนักเตะ ไบรท์ตัน เรื่องค่าเหนื่อยในเกมเมื่อซีซันที่แล้ว ท้ง ๆ ที่อาจเรียกมาตักเตือน ปรับเงิน คุมพฤติกรรม จะทำอะไรเป็นการภายในก็ว่าไป เพราะอย่างที่รู้กันพวกนักเตะวัยรุ่นมักใจร้อนและมีปัญหาเรื่องพฤติกรรม จึงต้องใช้ทั้งกฎระเบียบ การพูดคุย และเวลาในการบ่มเพาะให้ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพต่อไป
แต่สำหรับ อาร์เตต้า คือการใช้ไม้แข็งด้วยการปล่อยตัวออกจากทีม และแน่นอนว่าเมื่อกลับมา เก็นดูซี ก็จะไม่มีตำแหน่งในทีมและถูกบีบให้ย้ายในที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายเหมือนกันเพราะฝีเท้าระดับนี้สามารถปั้นขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้สบาย ๆ
อีกเคสที่กำลังเป็นที่พูดถึงคือกรณีของ เมซุต เออซิล ที่โดนจับดองนั่งบนอัฒจันทร์แบบถาวรในซีซันนี้ โดยเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติเยอรมนีโดนตัดชื่อในทุกรายการด้วยเหตุผลเรื่องพฤติกรรม ความเป็นมืออาชีพ และสไตล์ที่ไม่เข้ากับระบบการเล่น
ซึ่งเรื่องนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ คนที่ดึงกองกลางรายนี้มาจาก เรอัล มาดริด ก็ได้ออกมาให้ทัศนะไว้อย่างน่าฟังว่า การรับมือกับนักเตะอัจริยะและพรสวรรค์สูงอย่าง เออซิล ต้องอย่าตึงหรือหย่อนมากจนเกินไป พยายามใช้ประโยชน์จากความสามารถของผู้เล่น ส่วนอื่นที่ขาดหายไป เช่น การเพรสซิ่งหรือช่วยเกมรับก็ให้เป็นหน้าที่ของนักเตะที่เหลือช่วยกัน
นี่คือคำแนะนำจากกุนซือที่มี “ประสบการณ์” ในการคุมทีมมากกว่า 30 ปี
นอกจากนี้กูรูหลายคนยังชี้ไปที่การเสริมทัพเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ทำให้ อาร์เซนอล ทำผลงานได้ย่ำแย่ ไล่ไปตั้งแต่การเซ็นฟรี วิลเลียน มาจาก เชลซี พร้อมสัญญา 3 ปีทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวก็อายุปาเข้าไป 32 แถมยังมอบค่าเหนื่อยระดับแสนปอนด์ให้เป็นของขวัญ แต่ผลลัพธ์ทีออกมากลับไร้ค่าโดยดาวยิงบราซิเลียนลงสนามไป 12 เกมเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ยังยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว
หรือกรณีของ วิลเลียม ซาลิบา กองหลังดาวรุ่งที่เซ็นมาจาก แซงต์ เอเตียน เมื่อเดือนมกราคมก่อนจะปล่อยกลับไปให้ต้นสังกัดเดิมยืมใช้งานจนจบฤดูกาล มาในซีซันนี้ก็ยังไม่ได้ใช้งานเลยแม้แต่นัดเดียว ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวได้รับการยกย่องอย่างมากว่าจะเป็นอนาคตของทีมชาติฝรั่งเศสและพร้อมสำหรับการลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ เดอะกันเนอร์ส แต่กลับมีข่าวว่าอาจปล่อยตัวกลับไปเล่นในบ้ายเกิดอีกรอบใน ตลาดซื้อขายนักเตะ หน้าหนาวนี้ซะอย่างนั้น
นี่เป็นเพียงปัญหาส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในซีซันนี้ พร้อมกับเสียงเรียกร้องให้ปลด มิเกล อาร์เตต้า ออกจากตำแหน่งเพื่อกู้วิกฤติของสโมสร หากแต่ยังมีบางคนที่เชื่อว่านายใหญ่ ปืนโต ยังสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้หากให้เวลาและโอกาส
กาเอล กลิชี อดีตแบ็คซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาเปรียบเทียบสถานการณ์ที่ผู้จัดการทีมมือใหม่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ของ อาร์แซน เวนเกอร์ บรมกุนซือของทัพบิ๊กกันตอนเข้ามาคุมทีมใหม่ ๆ ว่ามันต่างกันราวฟ้ากับเหว
กลิชี ชี้ให้เห็นว่า เวนเกอร์ ได้รับอำนาจในการจัดการทีมอย่างเต็มที่ และเขามีพร้อมทั้งเงิน ทีมงานที่คอยสนับสนุน และนักเตะที่ต้องการ นั่นทำให้นายใหญ่เฟร้นช์แมนใช้เวลาไม่นานในการประสบความสำเร็จในถิ่น ไฮบิวรี รังเหย้าเดิมของพวกเขา
ต่างกับ อาร์เตต้า โดยสิ้นเชิงที่ไม่มีผู้เล่นที่อยากได้ ไร้งบประมาณในการเสริมทัพ ไม่มีอำนาจการตัดสินใจอย่างเต็มที่ พูดง่าย ๆ ว่าแนวทางการบริหารไม่สอดคล้องและสนับสนุนเจ้าตัว นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ผลงานได้ออกมาย่ำแย่เช่นนี้
ซึ่งเมื่อลองหันไปมองในช่วงที่ผ่านมามันก็อาจจะจริงอย่างที่อดีตแบ็คซ้าย อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พูดก็เป็นได้ เพราะแฟนบอลส่วนหนึ่งก็ไม่ค่อยชอบสิ่งที่ สแตน โครเอนเก้ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันทำกับสโมสรซักเท่าไหร่นับตั้งแต่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในสโมสรเมื่อปี 2018
ไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมควักเงินของตัวเองแม้แต่ปอนด์เดียวเพื่อลงทุนซื้อนักเตะให้กับทีม หรือการประกาศให้เงินเสริมทัพแค่ 40 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และการนำเอาผลกำไรที่ได้จากการบริหารทีมฟุตบอลไปทุ่มให้กับ แอลเอ แรมส์ ทีมอเมริกันฟุตบอลที่ตัวเองเป็นเจ้าของอยู่จนสามารถพาทีมเข้าชิงซูเปอร์โบว์ลได้สำเร็จ
ดังนั้นผลงานที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้จะไปโทษ อาร์เตต้า คนเดียวก็คงไม่ถูก เหมือนอย่างที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ให้สัมภาษณ์หลังจบเกม คาราบาวคัพ ว่า อาร์เซนอล เจอวิกฤติยิ่งกว่านี้แน่ถ้าพวกเขาไล่กุนซือหนุ่มออกจากสโมสร
เมื่อไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ในวันสองวัน ก็คงต้องให้เวลากับผู้จัดการทีมได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อไป เพราะการตัดตอนปลดออกจากตำแหน่งในตอนนี้รังแต่จะเสียเวลาในการกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด