บทสรุป อาร์เซนอล ล้มเหลวหรือมาไกลกว่าที่คิด ? - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
ความพ่ายแพ้ต่อ ไบรท์ตัน ด้วยสกอร์ 3-0 คาบ้านของตัวเองทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 19 ปีของ อาร์เซนอล แทบจะจบสิ้นเป็นที่เรียบร้อย
เดอะกันเนอร์ส ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกไปถล่ม เอฟเวอร์ตัน ก่อนหน้านี้ในสกอร์เดียวกัน 3-0 อยู่ที่ 4 คะแนนแถมยังแข่งมากกว่า 1 นัด นั่นหมายความว่าหากทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา สามารถคว้าชัยชนะได้ในเกมต่อไปพวกเขาก็จะกลายเป็นแชมป์โดยสมบูรณ์แบบ
เชื่อว่าแฟนบอล อาร์เซนอล หลายคนรู้สึกผิดหวังที่ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ไม่สามารถรักษาสถานภาพในการเป็นจ่าฝูงได้ตลอดรอดฝั่งทั้ง ๆ ที่ออกนำคู่แข่งเป็น 10 คะแนนมาเกือบตลอดทั้งซีซัน
ทีมปืนโตนั้นฟอร์มดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเปิดซีซั่น จนมาเจอจุดพลิกผันที่ทำให้พวกเขาโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงในช่วงโค้งสุดท้าย นั่นคือเกมที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 ที่ แอนฟิลด์ ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ 3 เกมติดต่อกันและชนะแค่ 2 นัดจาก 7 เกมหลังสุด
ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าสับแซงขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงและใกล้จะคว้าแชมป์เข้าไปทุกที
ริโอ เฟอร์ดินานด์ มองว่าในฤดูกาลนี้หาก อาร์เซนอล พลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก และได้อันดับ 2 ก็ถือว่าเป็นความล้มเหลวเมื่อเปรียบเทียบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีถ้วย คาราบาวคัพ อยู่ในมือและกำลังลุ้นไปเล่น ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก
อดีตกองหลัง ปีศาจแดง เชื่อว่าในแง่ความรู้สึกของนักเตะจะต่างกันออกไป การมีเกียรติยศติดมือมันแม้จะเป็นถ้วยเล็กแต่ย่อมเป็นรูปธรรมกว่าการได้รองแชมป์ลีกที่ได้แค่เงินรางวัลที่มากกว่า
หลายคนเห็นด้วยและหลายคนเห็นแตกต่างออกไป ส่วนที่เห็นตรงกันก็มองว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่ อาร์เซนอล รั้งตำแหน่งจ่าฝูงมาตั้งแต่นัดที่ 3 และทำแต้มทิ้งห่างคู่แข่งเรื่อยมาจนกระทั่งถึงเกมที่ 33 แต่ต้องมาจบด้วยมือเปล่าในช่วง 5 เกมสุดท้าย
เพราะหากมองถึงโอกาสที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก นั้นถือว่าค่อนข้างจะสดใส แต่ด้วยอายุของผู้เล่น ความเก๋า และประสบการณ์ที่มีอยู่ในทีม ทำให้เมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากพวกเขาไม่สามารถที่จะพลิกเกมหรือรับมือกับมันได้
อย่างไรก็ตามหากนำคุณสมบัติเหล่านั้นมาวิเคราะห์ในทางกลับกัน การที่ มิเกล อาร์เตต้า มีนักเตะดาวรุ่งอยู่ในมืออย่างมากมายและเมื่อเทียบกับผลงานเมื่อซีซันที่แล้วที่หลุดโค้งพลาดกันไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อย่างน่าเสียดาย ก็อาจจะถือว่าการได้อันดับ 2 เป็นเรื่องที่ต้องน่าชื่นชมด้วยซ้ำ
เมื่อช่วงเปิดฤดูกาลคงไม่มีใครคิดว่า เดอะกันเนอร์ส จะฟอร์มดีและก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทนที่ ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มตกอย่างน่าใจหายแบบนี้ โดยเฉพาะรูปแบบการเล่นที่ดูสนุกเร้าใจและตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา พร้อมขับเคลื่อนด้วยพลังคนหนุ่มที่เต็มไปด้วยแพสชัน นี่คือสิ่งที่ขาดหายไปใน อาร์เซนอล นับตั้งแต่ยุคทองในช่วงของ อาร์แซน เวนเกอร์
แรกเริ่ม อาร์เตต้า คงตั้งเป้าพาทีมของเขากลับไปติดท็อปโฟร์ให้ได้ แต่การที่ผลงานดันทะลุเป้าก้าวขึ้นไปเป็นจ่าฝูงติดต่อกันถึง 30 สัปดาห์เช่นนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องของการลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว แต่ท้ายที่สุดเมื่อต้องพลาดไปก็เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและเสียดายเป็นธรรมดา
ความพ่ายแพ้ต่อ ไบรท์ตัน แสดงให้เห็นว่า อาร์เซนอล ยังไม่เก๋าพอที่จะทาบรัศมีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสถานการณ์ที่แต้มไล่บี้กันแบบนี้ ซึ่งเท่าที่ผ่านมามีเพียง ลิเวอร์พูล ที่สามารถหายใจรดต้นคอทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้จนเกมสุดท้าย
ทั้งนี้หาก มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมไม่เสียกำลังใจจนเกินไป เชื่อว่าพวกเขาพร้อมที่จะกลับมาลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวในฤดูกาลหน้าอีกครั้ง โดยนำเอาข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ไปปรับปรุงและแก้ไข รวมทั้งการเสริมทัพเพื่อให้มีขุมกำลังเชิงลึกมากขึ้น ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ต้องยอมรับว่าการพลาดแชมป์ครั้งนี้ ในมุมหนึ่งมันถือเป็นความล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ในอีกด้านมันคือบทเรียนที่ล้ำค่า และถ้าไม่ท้อเกินไปเสียก่อนนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของ “ไอ้ปืนโต” ก็เป็นได้