แซม อัลลาไดซ์ ชายผู้กุมชะตา ลีดส์ ยูไนเต็ด กับ 3 เกมชี้ชะตาโค้งสุดท้ายของฤดูกาล - OPINION
โดย Navapun Munarsa
ในช่วงสุดสัปดาห์ของต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แซม อัลลาไดซ์ อดีตกุนซือชาวอังกฤษ ที่วางมือจากการทำงานไป 2 ปี วางแผนที่กำลังจะไปเล่นกอล์ฟเพื่อน ๆ แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งปลายสายมาจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด สโมสรที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้นจากศึก พรีเมียร์ลีก
สัปดาห์ต่อมา วันหยุดของ อัลลาไดซ์ ก็เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง โดยโค้ชจอมเก๋าวัย 68 ปี กลับมายืนสั่งการข้างสนามอีกครั้งในเกมที่พา ลีดส์ บุกไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม แบบหวุดิหวิด 2-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด
การพ่ายแพ้ แมนฯ ซิตี้ เพียงแต่ลูกเดียว เป็นสกอร์ที่หลายคนไม่ได้คาดเอาไว้ ซึ่งก่อนเกมหลายคนคิดว่า ลีดส์ คงบุกไปโดนถล่มขาดลอย แต่ อัลลาไดซ์ ก็สามารถทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ “เรือใบสีฟ้า” รู้สึกอึดอัดได้ตลอดทั้งเกม
ตลอดเส้นทางอาชีพ อัลลาไดซ์ ถูกมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหนีตกชั้น ซึ่งบรรดาสโมสรอย่าง โบลตัน วันเดอเรอร์ส, แบล็คเบิร์น, โรเวอร์ส เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ซันเดอร์แลนด์ และ คริสตัล พาเลซ ก็เคยใช้บริการของเจ้าตัวมาแล้วทั้งสิ้น
ฟิล บราวน์ อดีตมือขวา อัลลาไดซ์ ที่ โบลตัน กล่าวว่า “แซม เป็นคนที่เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์พิเศษสำหรับคนพิเศษแบบเขา มันเป็นโครงการระยะยาวหรือไม่ ผมไม่คิดอย่างนั้น แต่ แซม ตื่นตัวกับงานแบบนี้เสมอ”
อัลลาไดซ์ เคยทำทีมตกชั้นจากลีกสูงสุดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในช่วงที่อยู่กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งในการแถลงข่าวครั้งแรกกับ ลีดส์ นั้น “บิ๊กแซม” ยืนยันว่า ไม่มีผู้จัดการทีมคนใดดีกว่าเขา อีกแล้วในการพา “ยูงทอง” อยู่รอด
บราวน์ กล่าวต่อว่า “เขาจะนำประสบการณ์มาสู่สโมสร เขาพร้อมสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เล่นแล้วด้วยการพูดแบบนั้น แซม เก่งมากในการให้นักเตะถ่ายทอดผลงานจากการฝึกซ้อมไปสู่เกมการแข่งขัน เขาทำให้ลูกทีมรู้สึกดีอยู่เสมอ ลีดส์ ไม่ใช่ทีมที่แย่ แซม มองดูแล้วคิดว่า การมารับงานนี้ไม่ต้องคิดมากเลย”
ขณะเดียวกัน สจ๊วร์ต ดาวนิง อดีตปีก เวสต์แฮม ที่ อัลลาไดซ์ เป็นคนคว้าตัวมาจาก ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2013 ยอมรับว่า ความเชื่อมั่น และความจริงใจที่ “บิ๊กแซม” มอลให้นั้น ทำให้ตัวเองกลับมาเล่นฟุตบอลแบบมีความสุขอีกครั้ง หลังจากผ่านเวลาที่ยากลำบากที่ แอนฟิลด์
ดาวนิง อธิบายว่า “ทักษะด้านการบริหารคนของเขานั้น ทำให้เขาเป็นคนพิเศษ ปกติแล้วเขาจะคุ้นเคยกับการคุมทีมที่ความมั่นใจต่ำ และไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ผมไม่แน่ใจว่า ตอนนั้น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องการตัวผมหรือเปล่า หรือผมคิดมากไปเอง”
“แต่ แซม เข้ามาหาผมพร้อมกับข้อความที่ชัดเจนว่า นี่คือสิ่งที่เรากำลังจะทำด้วยกัน และนี่คือวิธีที่เราจะเล่น คุณชอบที่จะเล่นให้กับเขา เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมของผู้เล่นทุกคน”
เหลืออีกแค่ 3 เกมสุดท้ายที่จะตัดสินอนาคตของ ลีดส์ ในฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันทัพ “ยูงทอง” รั้งอยู่อันดับ 19 ห่างโซนปลอดภัย 2 แต้ม ซึ่ง บราวน์ ก็มั่นใจว่า อดีตเจ้านายเก่าจะสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้อย่างแน่นอน
“ในบางช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ลีดส์ จะได้เห็นความเอาจริงเอาจังของเขา ถ้าเขาต้องการชนะ เขาสามารถตัดหัวคุณออกได้ ผมจะบอกว่า 95% ของเวลาปกตินั้น แซม จะเป็นคนสบายๆ เขาพร้อมที่จะรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันในช่วงเวลาสั้นๆ"
มอร์เท่น กัมสท์ พีเดอร์เซ่น อดีตปีก แบล็คเบิร์น ที่เคยร่วมงานกับ อัลลาไดซ์ กล่าวว่า “เขามีออร่า เขาเป็นผู้นำ คุณรู้สึกได้เมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้อง เขามั่นใจ เขาคือ บิ๊กแซม บิ๊กบอสของเรา เขาได้รับความเคารพจากทุกคนในทันที”
"เขาตะโกนได้ดังมาก เช่นเดียวกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาสามารถใช้ ไดร์เป่าผม กับคุณได้ แต่เขาเป็นคนที่รักลูกทีมมาก เขาเป็นห่วงคุณ เขาถามคุณเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ครอบครัวของคุณ เขาเข้ากับคนอื่นได้ดี ถ่อมตัว และเป็นเหมือนคุณปู่”
ก่อนหน้านี้ อัลลาไดซ์ มักถูกตำหนิเรื่องการเล่นบอลแบบโบราณ แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้มาก่อนคือ เขาเป็นหนึ่งในโค้ชคนแรกๆที่นำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้
บราวน์ กล่าวว่า “เขานำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ เพราะมันสร้างผลกระทบให้กับผู้เล่นได้ ที่ โบลตันเรามีนักเตะอย่าง อีวาน คัมโป, เฟร์นานโด เอียร์โร, ยูรี จอร์เคฟฟ์ และ เจย์-เจย์ โอโคชา แซม เหมือนเป็นพนักงานขายที่ยอดเยี่ยม เขาขายไอเดียของเขาได้ดีมากให้กับผู้เล่นชั้นยอดบางคน”
ดาวนิ่ง อธิบายต่อว่า “ ตอนที่ผมเซ็นสัญญากับ เวสต์แฮม ผมตะลึงไปเลย เขาตรงดันข้ามกับสมมติฐานของผมโดยสิ้นเชิง เขาเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ข้อมูล และสถิติ เขาเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมคนแรกๆ ที่ผมร่วมงานด้วยที่ทแบบนั้น เมื่อคุณทำงานกับเขา คุณจะรู้ว่าเขาไม่ใช่แค่ผู้จัดการทมียุคเก่าที่เล่นบอลยาว เขาเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และได้หยุดนิ่งเลย”
บททดสอบความเชี่ยวชาญของ อัลลาไดซ์ จะอยู่ในอีก 3 เกมข้างหน้าที่จะเจอกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม และปิดท้ายกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ซึ่งหากเขาทำได้ตามเป้าหมายสำเร็จนั้น ฉายา “เจ้าพ่อหนีตกชั้น” คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่นอน