ลิเวอร์พูล-ฟอเรสต์ หรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยที่ แอนฟิลด์ อีกครั้ง? - OPINION

Nottingham Forest v Liverpool FC - Premier League
Nottingham Forest v Liverpool FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages
facebooktwitterreddit

การเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในศึก พรีเมียร์ลีก วันเสาร์ของ ลิเวอร์พูล น่าจะเป็นเกมสำคัญเกมหนึ่งของพวกเขาในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่เพิ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงในการไล่ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ เอลแลนด์ โร้ด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านม

สาเหตุที่การเจอกับทีมอันดับ 18 ซึ่งอยู่ในโซนตกชั้นมีความสำคัญกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมอย่างมากเป็นเพราะว่า ผลการแข่งขันในนัดนี้คือบทพิสูจน์ว่าพวกเขายังดีพอที่จะลุ้นไปเล่นฟุตบอล ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้หรือไม่

ลิเวอร์พูล ฟื้นกลับมามีความหวังอีกครั้งเมื่อผลการแข่งขันสัปดาห์ก่อนเป็นใจให้โดย สเปอร์ส พ่าย บอร์นมัธ คาบ้าน 2-3 ในขณะที่ นิวคาสเซิล ก็โดน แอสตัน วิลลา ถล่มไป 3-0 มีเพียง ไบรท์ตัน ที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยการบุกไปเฉือน เชลซี 2-1 แต่นั่นก็ถือว่าเพียงพอให้ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลับมาพอมีความหวังได้บ้าง

Diogo Jota
Leeds United v Liverpool FC - Premier League / Naomi Baker/GettyImages

อย่างไรก็ตามการเจอกับทีมอันดับ 18 ที่กำลังมีลุ้นในการรอดพ้นจากการตกชั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการต้องมาเล่นในช่วงโค้งสุดท้ายซึ่งทุกคะแนนสำคัญเป็นอย่างมากกับพวกเขาเหล่านี้

และเมื่อดูสถิติในฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล พวกเขามักทำตัวเป็น "โรบินฮู้ด" ปล้นทีมใหญ่ช่วยทีมลุ้นตกชั้นด้วยการแจกแต้มทีมประเภทนี้อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพะากับ ฟอเรสต์ ก็กล้าแพ้มาแล้วที่ ซิตี้ กราวน์ เมื่อปีก่อนด้วยสกอร์ 1-0

แม้จะเพิ่งแก้แค้น ลีดส์ มาได้ด้วยการถล่ม 6-1 เมื่อเกมที่ผ่านมาได้แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าการเจอกับ เจ้าป่า นั้น หงส์แดง จะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่ 2

Taiwo Awoniyi, Jesse Lingard, Ryan Yates
Nottingham Forest v Liverpool FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages

ลิเวอร์พูล มักแพ้ทางทีมที่มาตั้งรับลึกและรอสวนกลับ บ่อยครั้งที่พวกเขาโดนนำก่อนจากการเสียบอลในแดนกลาง และต้องไล่ตามตีเสมอกันแบบเหงื่อตก ซึ่งส่วนใหญ่จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ เช่นเดียวกับเกมที่ ซิตี้ กราวน์

อย่างไรก็ตามด้วยฟอร์มการเล่นใน 2 เกมหลังสุดภายใต้รูปแบบใหม่ที่ คล็อปป์ นำมาใช้ทำให้หลายคนเชื่อว่าผลการแข่งขันในเกมนี้จะไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะการจับเอา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มารับบทบาท "Inverted Fullback" เพื่อปิดจุดอ่อนเกมรับด้านขวาซึ่งทำให้เกมเหนียวแน่นและมีเกมรุกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แต่ก็เชื่อว่า ฟอเรสต์ เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ การมาเยือน ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ นั้นใครก็รู้ว่าเป็นงานยาก ยิ่งทำให้พวกเขาต้องเล่นอย่างรัดกุมกันมากขึ้นและหาโอกาสในการโจมตีจุดอ่อนในแนวรับให้ได้ หรืออย่างน้อยก็ยื้อเพื่อเอาคะแนนกลับไปก็ยังดี

Virgil van Dijk, Ryan Yates
Nottingham Forest v Liverpool FC - Premier League / Catherine Ivill/GettyImages

หากดูผลการแข่งขันที่ผ่านมาซึ่งยังไม่ชนะใครมา 10 นัดติดต่อกัน ก็ทำให้เชื่อว่า ฟอเรสต์ คงจะไม่ผลีผลามและรับแน่นหนากว่าเดิม และถ้าเชื่อเรื่องโชคลางซักหน่อยก่อนเกมที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล เมื่อปีที่แล้ว พวกเขาก็ไม่ชนะใครมา 9 นัดติดคล้าย ๆ กันแบบนี้นี่แหละ

ในขณะที่ลูกทีมของ คล็อปป์ ก็ต้องล้างอาถรรพ์ให้ได้ เพราะหลังจากเกมที่ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 7-0 เมื่อต้นเดือนมีนาคม พวกเขาก็กล้าบุกไปแพ้ต่อ บอร์นมัธ ทีมอันดับบ๊วยในเวลานั้น 1-0 ในเกมต่อมาแบบหน้าตาเฉยและไม่ชนะใครอีก 4 เกมต่อมาในทุกรายการจนเพิ่งจะมาเก็บ 3 แต้มจาก ลีดส์ ได้ในนัดล่าสุด

ดังนั้นไม่ว่าจะชนะ 7-0 หรือ 6-1 ก็จะไม่มีความหมายอะไรถ้าไม่สามารถต่อยอดจากผลงานเช่นนี้ได้ และเกมที่จะเปิดบ้านเจอ ฟอเรสต์ จะเป็นคำตอบว่า ลิเวอร์พูล จะกลับมาได้หรือไม่ในช่วงโค้งสุดท้ายที่มีความสำคัญเช่นนี้