[OPINION] ออกไปเติบใหญ่ ! 6 นักเตะ เชลซี ที่ทำผลงานได้ดีหลังจากที่ย้ายออกจากทีมไป

Everton v Liverpool - Premier League
Everton v Liverpool - Premier League / Alex Livesey/Getty Images
facebooktwitterreddit



1. เคลาดิโอ ปิซาร์โร

Chelsea v Valencia - UEFA Champions League
Chelsea v Valencia - UEFA Champions League / Ryan Pierse/Getty Images

ตำแหน่ง กองหน้า
ย้ายไป เบนเมน
เมื่อ ฤดูกาล 2008/09
ผลงานโดยรวมกับ เชลซี ลงสนาม 32 นัดทำได้ 2 ประตู 4 แอสซิสต์

ยอดดาวเตะชาวเปรู ที่ สิงห์บลู ได้ตัวมาแบบฟรี ๆ หลังจากที่เจ้าตัวหมดสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค แต่ก็อย่างที่ทราบกับ ปิซาร์โร ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้ดีพอ จนกระทั้งผ่านไปเพียงปีเดียวเท่านั้นเขาก็ถูกปล่อยตัวให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน ซึ่งที่นั่นเขาสามารถระเบิดฟอร์มเก่งถล่มประตูได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง โดยยิงไปได้ถึง 28 ประตู 2 ฤดูกาลติดต่อกันทันทีที่ย้ายออกจากทีมไป

2. แดเนียล สเตอร์ริดจ์

Chelsea v Wolverhampton Wanderers - Premier League
Chelsea v Wolverhampton Wanderers - Premier League / Mike Hewitt/Getty Images

ตำแหน่ง กองหน้า
ย้ายไป ลิเวอร์พูล
เมื่อ ฤดูกาล 2012/13
ผลงานโดยรวมกับ เชลซี ลงสนาม 96 นัดทำได้ 24 ประตู 9 แอสซิสต์

อันที่จริงต้องบอกว่า สเตอร์ริดจ์ ฉายแววได้ตั้งแต่เล่นอยู่กับ สิงห์บลู แล้ว แต่น่าเสียดายที่ขณะนั้นทีมมีกองหน้าอย่าง ดิดิเยร์ ดร็อกบา นิโกลาส อเนลก้า และ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ขวางทางอยู่ จนไม่มีโอกาสได้แจ้งเกิดกับทีมอย่างเต็มตัว กระทั้งหน้าหนาวปี 2013 ลิเวอร์พูล ตัดสินใจดึงตัวไปร่วมทีม และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพียงครึ่งซีซั่นแรกกับ หงส์แดง เจ้าตัวซัดไปได้ถึง 11 ประตู และในปีต่อมาก็กดไปอีก 24 ลูกด้วยกัน น่าเสียดายที่หลังจากนั้นเจ้าตัวต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง จนมิอาจก้าวไปเป็นตำนานในถิ่น แอนฟิลด์ ได้ในที่สุด

3. โรเมลู ลูกากู

Chelsea v Norwich City - Premier League
Chelsea v Norwich City - Premier League / Shaun Botterill/Getty Images

ตำแหน่ง กองหน้า
ย้ายไป เอฟเวอร์ตัน
เมื่อ ฤดูกาล 2014/15
ผลงานโดยรวมกับ เชลซี ลงสนาม 15 นัดทำได้ 0 ประตู 1 แอสซิสต์

ดาวเตะชาวเบลเยียม ที่ตอนนี้กำลังทำผลงานได้ดีกับ อินเตอร์ มิลาน สมัยที่ค้าแข้งอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลยแถมถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งานแทบทุกปี กระทั่ง เอฟเวอร์ตัน ยอมควักเงินกว่า 31 ล้านปอนด์ กระชากตัวกองหน้ารายนี้ไปร่วมทัพในปี 2014 และหลังนั้นเขาก็สวมวิญญานนักฆ่า โดย 4 ปีในถิ่น กูดิสัน พาร์ด เจ้าตัวยิงประตูรวมไปมากถึง 87 ประตูด้วยกัน

4. ธอร์เกน อาซาร์

ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก
ย้ายไป โบรุสเซีย มึนเชน กลัดบัค
เมื่อ ฤดูกาล 2015/16
ผลงานโดยรวมกับ เชลซี ลงสนาม 0 นัดทำได้ 0 ประตู 0 แอสซิสต์

เขาคือน้องชายแท้ ๆ ของ ซุเปอร์สตาร์อย่าง เอเดน อาซาร์ แต่น่าเศร้าตรงที่เจ้าตัวไม่เคยมีโอกาสได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่เลยแม้แต่เกมเดียว อีกทั้งยังถูกส่งต่อให้หลายทีมยืมใช้งานซะเป็นส่วนใหญ่ กระทั่ง กลัดบัค ที่เคยยืมตัวเขาไปใช้งานก่อนหน้านั้นตัดสินใจควักเงิน 7 ล้านปอนด์ กระชากตัวไปร่วมทัพ ซึ่งเขาก็แจ้งเกิดกลายเป็นกำลังหลักให้กับ ทัพสิงห์หนุ่ม ได้ในทันที จนซีซั่นนี้ก็ถูก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ดึงตัวไปร่วมทีม แถมยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

5. โมฮาเหม็ด ซาลาห์

Chelsea FC v Sporting Clube de Portugal - UEFA Champions League
Chelsea FC v Sporting Clube de Portugal - UEFA Champions League / Clive Mason/Getty Images

ตำแหน่ง กองกหน้า
ย้ายไป โรมา
เมื่อ ฤดูกาล 2016/17
ผลงานโดยรวมกับ เชลซี ลงสนาม 19 นัดทำได้ 2 ประตู 4 แอสซิสต์

อดีตนักเตะของ บาเซิล ที่ เชลซี ดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2014 น่าเสียดายที่ ณ ขณะนั้นเจ้าตัวยังไม่สามารถฉายแววโดดเด่นได้เหมือนในปัจจุบัน จนถูกปล่อยให้ทีมในอิตาลียืมตัว ทั้ง ฟิออเรนตินา และ โรมา ซึ่งที่ กัลโช เซเรีย อา ก็ถือว่าเขาทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ กลับไม่มีพื้นที่ให้กับตัวรุกร่างเล็กรายนี้จนต้องถูกขายต่อให้กับ โรมา ในที่สุด ซึ่งจากนั้นดาวยิงชางอียิปต์ก็ระเบิดฟอร์มเก่งจน ลิเวอร์พูล รีบดึงตัวมาร่วมงานและกลายเป็นดาวยิงขวัญใจทีม หงส์แดง นับตั้งแต่นั้น

6. เควิน เดอ บรอยน์

Sunderland v Chelsea - Capital One Cup Quarter-Final
Sunderland v Chelsea - Capital One Cup Quarter-Final / Matthew Lewis/Getty Images

ตำแหน่ง กองกลาง
ย้ายไป โวล์ฟบวร์ก
เมื่อ ฤดูกาล 2013/14
ผลงานโดยรวมกับ เชลซี ลงสนาม 9 นัดทำได้ 0 ประตู 1 แอสซิสต์

ยอดเพลย์เมกเกอร์หน้าอ่อนที่ เชลซี ใช้เงินเพียง 7 ล้านปอนด์ดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2012 แต่ขณะนั้นในทีมไม่มีพื้นที่ให้กับแข้งชาวเบลเยียมรายนี้ได้สอดแทรกขึ้นมาโชว์ผลงานเท่าใดนัก สุดท้ายก็ถูกปล่อยให้กับ เบรเมน ยืมตัวในปีต่อมา ซึ่งเขากลับทำผลงานได้ดี จน โวล์ฟบวร์ก ยอมควักเงินเกือบ 20 ล้านปอนด์ กระชากตัวไปร่วมทีมในช่วงหน้าหนาวปี 2014 และเวลาเพียง 2 ปีหลังจากนั้นเขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาแบบก้าวกระโดด จนได้ย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดอ บรอยน์ สามารถยกระดับตัวเองให้เป็นเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลกได้ในที่สุด


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด