2 เกมสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของ ลิเวอร์พูล - OPINION
โดย Navapun Munarsa
ฤดูกาลของ ลิเวอร์พูล สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก และบางทีแม้แต่แผนการทำธุรกิจย้ายในช่วงซัมเมอร์ อาจขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของสองเกมถัดไปในลีก และศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด ตามลำดับ
หากทั้ง 2 เกม ผลการแข่งขันเป็นไปด้วยดี นั้น มันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล และเพิ่มความหวังในการโน้มน้าวให้ จู๊ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เป็นเป้าหมายลำดับ 1 ย้ายมาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์
การออกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ในวันเสาร์นี้ ต่อด้วยการเปิดบ้านรอรับ มาดริด ช่วงกลางสัปดาห์ มันเป็นโอกาสเดียวที่ ลิเวอร์พูล จะกลับมาสู่เส้นทางที่ดีอีกครั้ง ซึ่งหากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามี่ต้องการ มันคงหมายถึงการที่ซีซั่น “หงส์แดง” จบลงแล้ว
ปฏิกิริยาของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล หลังเกมที่ลูกทีมทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 บ่งบอกว่าเขาปลดปล่อยความอึดอักที่มีมาหลายสัปดาห์ด้วยการชกกำปั้นต่อหน้า “เดอะ ค็อป”
คล็อปป์ อธิบายว่า “บอกตามตรงว่าผมไม่อยากฉลองแบบนั้นหรอก แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า ผมจะได้ทำมันอีกเมื่อไหร่ ไม่ว่าแฟนบอลจะขอให้ผมทำอะไร ผมก็จะทำ นอกเสียจากพวกเขาต้องการให้ผมกแก้ผ้า ผมฉลองแบบั้น เพราะผมรู้สึกโล่งใจมาก”
เกมกับ เอฟเวอร์ตัน ลูกทีมของ คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจเล่นอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในหลายๆเกมของซีซั่นนี้ และที่สำคัญแนวรุกตัวใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ และ โคดี้ กัคโป ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม
เกมวันเสาร์นี้กับ นิวคาสเซิ่ล มันสำคัญมากสำหรับความหวังของ ลิเวอร์พูล ในการทำอันดับจบท็อปโฟร์ใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งหากบุกไปเก็บ 3 แต้มได้ พวกเขาจะตาม “สาลิกาดง” ที่รั้งอันดับ 4 เพียง 6 คะแนน และมีเกมในมือเหลืออีก 1 นัด
ขณะเดียวกัน ในฟุตบอลยุโรป ลิเวอร์พูล มักพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทุกสโมสร แต่ มาดริด ก็อาจจะได้เปรียบจากเรื่องจิตวิทยาที่เพิ่งเอาชนะ “หงส์แดง” ในเกมนัดชิงฯ 1-0 เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
หาก ลิเวอร์พูล ผ่านด่าน มาดริด ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้นั้น บางทีพวกเขาก็อาจจะนึกถึงโอกาสที่สร้างปาฏิหาริย์เหมือนกับการเข้าไปคว้าแชมป์ที่ อิสตันบลู เมื่อปี 2005 ด้วยชัยชนะที่น่าเหลือเชื่อต่อ เอซี มิลาน
การกลับมาของผู้เล่นหลักที่บาดเจ็บไปก่อนหน้านี้หมายความว่า ลิเวอร์พูล จะมีขุมกำลังที่มีความแข็งแกร่งในช่วงท้ายซีซั่น โดยบรรดาคีย์แมนอย่าง ดิโอโก้ โชต้า, เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ พร้อมลงสนามแล้ว ส่วน หลุยส์ ดิอาซ ก็จะกลับมาในเร็วๆนี้
นอกจากผู้เล่นคนสำคัญหลายๆรายของ ลิเวอร์พูล กำลังทยอยกลับมา นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ กัคโป ก็เริ่มเล่นเข้าขาลงตัวมากขึ้น และ คล็อปป์ ก็มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยขมว่า ทีมของเขาสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้
อย่างไรก็ตามหาก ลิเวอร์พูล แพ้ในอีกสองนัดต่อไป มันคงจะสายเกินไปที่จะกอบกู้ฤดูกาลกลับมาในเดือนเมษายน และพฤษภาคม รวมถึงมันจะสร้างปัญหาไปถึงช่วงซัมเมอร์เลยด้วยซ้ำ