[OPINION] แก้ให้ตรงจุด ! หนึ่งปัญหาใหญ่ เชลซี ที่ดีไม่ดีอาจถูกมองข้าม
แม้ในฤดูกาลนี้ เชลซี ภายใต้การนำทัพของกุนซือระดับตำนานอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด จะทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งที่หลาย ๆ คนคาดว่าการที่ทีมประสบปัญหาหลากหลายประการในช่วงต้นฤดูกาล ทั้งการเปลี่ยนผู้จัดการทีม การถูกแบนห้ามลงทะเบียนนักเตะใหม่ หรือแม้แต่การจากไปของ เอเด็น อาซาร์ ปัญหาทั้งหมดนี้คงจะส่งผลให้ทีมออกทะเลไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ หรืออาจจะถึงขั้นกู่ไม่กลับเลยก็พอเป็นไปได้
แต่แล้ว แลมพาร์ด ก็พิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการพาทีมขึ้นมารั้งอันดับที่ 4 แม้จะยังต้องลุ้นอีกยาว ๆ แต่ก็ถือว่าสอบผ่นเลยทีเดียวกับแนวทางการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยนโยบายการดันดาวรุ่งที่มีอยู่เดิมผสานกับแข้งตัวเก๋าในทีมชุดใหญ่ กระทั่งสุดท้ายสามารถพาทีมมาถึงจุดที่เป็นอยู่ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ดูเหมือนจะมีหลายจุดที่กุนซือหนุ่มดีกรีดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่อีกมากพอสมควรหากต้องการจะสร้างทีมให้กลับมาผงาดอย่างยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งทั้งในอังกฤษ หรือแม้แต่ในระดับทวีปยุโรปก็ตาม มันจึงเป็นอะไรที่น่าจับตามองว่าหลังจากพวกเขาล้มเหลวในการเสริมทัพเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ช่วงซัมเมอร์นี้ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม จะทุ่มเม็ดเงินมหาศาลแบบไม่อั้นในการเสริมความแข่งแกร่งให้กับทีมตามที่หลาย ๆ คนคาดการณ์เอาไว้หรือไม่
ทั้ง ฟิลิปเป้ คูตินโญ, ติโม แวร์เนอร์, เจดอน ซานโช, มุสซา เดมเบเล, ไค ฮาเวิร์ตซ์ หรือแม้แต่ ดรีส์ เมอร์เทน ชื่อของสตาร์ดังเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวรุกที่กำลังมีข่าวพัวพันกับทีม สิงห์ไฮโซ อยู่ในปัจจุบัน หากได้ตัวใครคนใดคนหนึ่งมาพวกเขาคงจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้อย่างแน่นอนไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
แต่สำหรับอีกหนึ่งตำแหน่งที่แฟน ๆ หลายคนหรือแม้แต่ เชลซี เองก็อาจจะมองข้าม กลับเป็นตำแหน่งที่ว่ากันว่ามีผู้เล่นระดับคุณภาพรอคอยโอกาสลงสนามกันอยู่เต็มม้านั่งข้างสนาม ยิ่งไปกว่านั้นนายใหญ่ซุเปอร์แฟรงค์ยังเคยออกมาบอกว่าพอใจกับผู้เล่นเดิมที่มีอยู่แล้วอีกต่างหาก แต่ถึงกระนั้นหลาย ๆ เกมในซีซั่นนี้ แม้แต่แฟนบอลเองก็คงจะสังเกตุเห็นว่ามันยังเป็นจุดอ่อนที่ยังคงรอการแก้ไขอยู่ นั่นก็คือตำแหน่งของ “เซ็นเตอร์แบ็ค” นั่นเอง
แม้การได้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ หายเจ็บกลับมาและทำผลงานได้ดี จะเป็นการช่วยทีมได้อย่างมากในช่วงหลายเดือนหลังมานี้ก่อนที่ฟุตบอลจะหยุดทำการแข่งขันไป แต่หลายครั้งที่เรายังเห็นว่า เคิร์ต ซูมา อันเดรส คริสเตนเซน หรือแม้แต่ดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง ฟิกาโย โทโมรี ยังไม่ดีพอที่จะสามารถแบกรับความหวัง ความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง ในการคุมหลังบ้านให้อยู่รอดปลอยภัยจากแนวรุกคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ จนทำให้ปีนี้พวกเขาเสียประตูไปแล้วมากถึง 39 ลูกใน พรีเมียร์ลีก มากกว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หรือแม้แต่ คริสตัล พาเลซ เสียอีก
แฟนฟุตบอลคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าการมีเกมรับที่แข็งแกร่งนั้น ย่อมส่งผลให้ทีมทำผลงานได้ดีตามไปด้วย ดูอย่างการที่ ลิเวอร์พูล มี เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค หรือที่ เลสเตอร์ ซิตี้ มี โซยุนซู ยืนเป็นกำแพงเหล็กคอยป้องกันแนวรุกของศัตรูเป็นด่านสุดท้าย นั่นทำให้ผลงานของพวกเขาดีขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา แต่สำหรับทีมสิงต้ำเงินคราม แม้จะมี รือดิเกอร์ เป็นตัวชูโรงแต่นั่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายังไม่เพียงพอกับการพาทีมกลับขึ้นไปอยู่ในระดับท็อปของยุโรป เพราะทั้ง ซูมา คริสเตนเซน และ โทโมรี ต่างยังมีจังหวะผิดพลาดในการตัดสินใจให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งต้องบอกว่าโชคยังดีที่เกมรุกของพวกเขาก็ดันบุกสะเดาเขย่าประตูคู่แข่งได้เป็นกอบเป็นกำ จึงทำให้พวกเขายังสามารถยืนหยัดอยู่ตรงจุดนี้ได้
ดังนั้นนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่อาจต้องแก้ไขโดยด่วน ซึ่งการซื้อแข้งตัวใหม่เข้ามาเสริมทัพอาจเป็นตัวเลือกที่เห็นผลและง่ายที่สุดในเวลานี้ แต่กระนั้น แม้ สิงห์บลู จะเคยมีข่าวทั้งกับ ซามูเอล อุมติตี้ ของ บาร์เซโลนา บูบาคาร์ กามารา ของ โอลิมปิก มาร์กเซย หรือแม้แต่ ดีแคลน ไรซ์ ของ เวสต์แฮม ที่สามารถโยกไปเล่นในตำแหน่งนี้ได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าทีมยังไม่มีแววหรือไม่มีท่าทีว่าทีมจะเดินหน้าเต็มตัวกับดีลใด ๆ ที่กล่าวมานี้เลย แถมส่วนใหญ่คนที่เป็นข่าวหนัก ๆ จะเป็นผู้เล่นในแนวรุกซะเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำอย่าง เจดอน ซานโช หรือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ นั่นเอง
หรือสุดท้ายจะเป็นอย่างที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด เคยออกมาให้สัมภาษณ์จริง ที่ว่าพอใจแล้วกับเซ็นเตอร์เดิมที่มีอยู่ และเลือกไปทุ่มเงินกับผู้เล่นในตำแหน่งเกมรุกแทน นั่นเท่ากับว่าในปีหน้าพวกเขาเลือกที่จะเมินเฉยต่อปัญหาดังกล่าว และเลือกจะแก้ด้วยการอัดเกมรุกบุกแหลกเหมือนที่ทำมาตลอดทั้งฤดูกาล แต่แบบนี้มันจะช่วยทีมให้กลับมายิ่งใหญ่ได้จริงหรือ ? การสรรหาอาวุธสังหารสุดอันตรายให้กับนักรบแต่กลับไร้ซึ่งชุดเกราะป้องกันที่มีคุณภาพ แม้จะสามารถฟาดฟันศัตรูได้อย่างเฉียบขาดและแม่นยำ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าสุดท้ายขุนพลต้องบาดเจ็บปางตายเพราะไม่สามารถป้องกันตัวจากคมดาบของข้าศึกที่แน่นอนว่าจะถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งตลอดระยะเวลา 10 เดือนเต็มได้...
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด