[OPINION] สูงสุดสู่สามัญ ! อังเดร ชูร์เล : จากฮีโร่ทีมชาติเยอรมนี สู่จุดตกต่ำที่ไม่มีวันหวนคืน
หากพูดถึงฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา ทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าแชมป์ในปีนั้นก็คือทีมชาติเยอรมนี ที่สามารถเฉือนเอาชนะ อาร์เจนตินา ที่มีสตาร์ต่างดาวอย่าง ลิโอเนล เมสซี เป็นจอมทัพในรอบชิงชนะเลิศไปได้อย่างหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ มาริโอ เกิทเซ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แถมอีกหนึ่งไฮไลท์อยู่ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย ที่ลูกทีมของ โยอาคิม เลิฟ ถล่มบราซิลเจ้าภาพชนิดไม่ไว้หน้าถึง 7-1 ด้วยกัน นั้นทำให้ปีนั้นพลพรรคอินทรีเหล็กเถลิงบัลลังก์แชมป์ได้อย่างสวยสดงดงามหลังจากรอคอยมาอย่างยาวนานถึง 24 ปี
ทีมชาติเยอรมนีในชุดนั้น แม้จะไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์ตัวชูโรงเหมือนที่ โปรตุเกส มี โรนัลโด้ บราซิล มี เนย์มาร์ หรือ อาร์เจนตินา มี เมสซี แต่พวกเขาสามารถสร้างสไตล์การเล่นที่เน้นทีมเวิร์คได้อย่างเข้าขาและลงตัว จนกระทั่งคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
อังเดร ชูร์เล ที่ปีนั้นพึ่งจะย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี ใหม่ ๆ ก็ติดไปเป็นหนึ่งในขุนพล อินทรีเหล็ก ชุดนั้นด้วยเช่นกัน แม้อดีตแข้งจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน รายนี้จะไม่ใช่ตัวหลักอันดับต้น ๆ ที่ เลิฟ เลือกส่งลงสนาม แต่เขามักจะถูกเก็บไว้เป็นทีเด็ดที่จะถูกส่งลงมาในยามที่ทีมต้องการประตูอยู่เสมอ ด้วยความเฉียบขาดในการจบสกอร์ รวมถึงการยิงไกลที่จัดว่าค่อนข้างหวังผลได้ ส่งผลให้เขานั้นกลายเป็นรองดาวซัลโวของทีม ดิมานชาฟท์ ในทัวร์นาเมนต์นั้น ด้วยผลงาน 3 ประตู เป็นรองเพียง โธมัส มึลเลอร์ รายเดียวเท่านั้นที่ทำไปได้ถึง 5 ประตู ทั้งที่ ชูร์เล ไม่เคยได้ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีมเลยแม้แต่เกมเดียว !
หนึ่งในผลงานที่น่าจดจำที่สุดของ ชูร์เล ในฟุตบอลโลกครั้งนั้น คือการเป็นซุเปอร์ซับในเกมนัดชิงชนะเลิศกับ อาร์เจนตินา ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 31 แทน คริสตอฟ คราเมอร์ โดยเป็นช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษ เกมทำท่าจะต้องจบด้วยการดวลจุดโทษ แต่แล้วนาทีที่ 113 ชูร์เล ใช้ความเร็วลากเดี่ยวขึ้นไปทางกราบซ้ายก่อนจะเปิดกลับเข้ามาให้ เกิทเซ อีกหนึ่งตัวสำรอง พักบอลนิ่ม ๆ และยิงสวนตัว โรเมโร เข้าไป ซึ่งการแอสซิสต์ในครั้งนั้นเองส่งผลให้ทัพอินทรีเหล็กคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้สมใจอยากในที่สุด
หลังจากทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว อนาคตของแข้ง เยอรมัน รายนี้กับ สิงโตน้ำเงินคราม ดูเหมือนจะสว่างไสว เพราะเมื่อซีซั่นก่อนหน้า (2013/14) ที่พึ่งจะย้ายมาเล่นในลีกเมืองผู้ดีเป็นปีแรก แต่เจ้าตัวก็สามารถทำผลงานได้อย่างน่าพอใจด้วยการซัดไปถึง 9 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ ให้กับทัพสิงห์ไฮโซในปีนั้น
แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นดังเช่นที่หลายคนคาดเลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่ โชเซ มูรินโญ เข้ามาคุมทีมหนที่สองได้เพียงปีเดียว เดอะ สเปเชียลวัน ก็ทำการผ่าตัดทีมขนานใหญ่อีกครั้งด้วยการปล่อยตัวสตาร์ดังที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมออกไปทั้ง ฆวน มาต้า เควิน เดอ บรอยน์ เฟร์นันโด ตอร์เรส โรเมลู ลูกากู เดมบา บา หรือแม้แต่ ดาวิด ลุยซ์ และใช้เงินกว่า 120 ล้านปอนด์ ซื้อแข้งรายใหม่เข้ามาเสริมทัพ เช่น เชส ฟาเบรกาส ดิเอโก คอสต้า ฟิลิปเป้ หลุยส์ ฮวน กวาดราโด้ เพื่อสร้างทีมสิงโตน้ำเงินครามในอุดมคติขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
แม้ว่า อังเดร ชูร์เล จะยังคงไม่ถูกขายเลหลังออกไป ณ เวลานั้น แต่การที่เขาไม่ใช่คนที่ “เฮียมู” มีส่วนในการตัดสินใจซื้อมาร่วมทีมในช่วงต้นปี 2013 ทำให้ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2014/15 เจ้าตัวก็ถูกลดบทบาทลงมาเรื่อย ๆ จากที่ได้ประเดิมสนามเป็นตัวจริงในเกมแรก ๆ ก็เริ่มถูกดรอปเป็นตัวสำรองบ้าง ลงตัวจริงแค่ 45 นาทีบ้าง จนกระทั่งได้รับโอกาสลงสนามเพียงแค่ในในฟุตบอลถ้วยเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะ มูรินโญ ไว้ใจที่จะใช้งาน เอเดน อาซาร์ และ วิลเลียน เป็นผู้ขับเคลื่อนเกมในตำแหน่งริมเส้นมากกว่า นั่นจึงทำให้ ชูร์เล ที่แม้จะพึ่งพาทีมชาติเยอรมนีเป็นแชมป์โลก กลับถูกเบียดให้จมอยู่บนม้านั่งสำรองแทบจะตลอดช่วง 3 เดือนสุดท้ายกับ เชลซี และในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม ปี 2015 นั้นเอง เขาก็ถูกขายต่อให้กับ โวล์ฟสบวร์ก ทีมในศึก บุนเดสลีกา ด้วยค่าตัวราว 28 ล้านปอนด์ ปิดตำนานจอมยิงไกลอีกหนึ่งรายในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แบบไม่ค่อยสวยหรูสักเท่าใดนัก
หลังจากย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิด เขาก็แทบไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกเลย แม้จะได้โอกาสย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ดอร์ทมุนด์ เมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2016 แต่เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังจนถูก ทัพเสือเหลือง ปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งานถึง 2 ปีติดต่อกัน ทั้ง ฟูแลม เมื่อฤดูกาลก่อน และ สปาตัก มอสโคว ในฤดูกาลนี้ แถมต้องบอกว่าจนถึงปัจจุบัน ผลงานของเขาในลีกสูงสุดของ รัสเซีย ก็ยังคงกู่ไม่กลับ ทำไปได้เพียง 2 ประตู จากการลงเล่น 18 นัดในทุกรายการให้กับต้นสังกัด ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันอายุของแข้งดีกรีแชมป์โลกรายนี้ก็ใกล้จะย่างเข้าเลข 3 ไปทุกที พร้อมกับสัญญาฉบับปัจจุบันกับยอดทีมแห่ง บุนเดสลีกา ก็กำลังจะหมดลงกลางปี 2021 ที่จะถึง ซึ่งเขาคงไม่ได้ไปต่อในถิ่น ซิกนัล อิดูนา พาร์ค อย่างแน่นอน ชนิดที่เรียกได้ว่า 99.9 %
นั่นอาจทำให้แฟนบอลหลายคนที่ยังติดตามผลงานของเขาต้องลุ้นกันหนักหน่อย ว่าสถานีต่อไปของนักเตะรายนี้จะเป็นที่ไหน แต่คาดว่าคงไม่มีทีมใหญ่ ๆ สนใจแข้งอายุขึ้นเลข 3 ที่เลยจุดพีคมาแล้ว แถมยังอยู่ในช่วงขาลงเช่นนี้ไปร่วมทีมเป็นแน่
แบบนี้เองสินะที่เขาเรียกกันว่า “ความไม่แน่นอนในชีวิตการค้าแข้ง” ทั้งที่พึ่งจะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดแท้ ๆ กลับร่วงหล่นลงมาสู่จุดตกต่ำได้ ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น...
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด