น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-1 ลิเวอร์พูล: ตัดเกรดแข้ง หงส์แดง และสรุปทุกความเป็นไปเกม เอฟเอ คัพ
โดย โตมร นวลประเสริฐ
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: คืนวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2022
เวลาแข่งขัน: 01:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน: น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-1 ลิเวอร์พูล
สนาม: ซิตี้ กราวด์
ลิเวอร์พูล อาศัยความเด็ดขาดในช่วงท้ายเกมทำประตูบุกไปเฉือนเอาชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ หืดจับ 1-0
ประตูโทนของเกมนี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 79 จากการขึ้นบอลที่กราบซ้ายโดย คอสตาส ซิมิคาส ก่อนล็อคกลับมาเปิดด้วยขวาเข้ากรอบเขตโทษให้ ดิโอโก้ โชต้า พุ่งโฉบเข้าแท็ปอินเป็นประตู 1-0
เจ้าถิ่นมีลุ้นจากช็อตเสียวเกือบเป็นลูกจุดโทษเมื่อ ไรอัน เยตส์ ถูก อลิสซอน เข้าปะทะในกรอบเขตโทษล้มลง แต่การพิจารณาจาก วีเออาร์ ไม่ให้เป็นลูกจุดโทษ
รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม
น็อตติงแฮม ฟอเรสต์: ฮอร์แวธ; สเปนซ์, วอร์รัล, ฟิเกเรโด้, คอลแบ็ค (ซิลวา 90+1'); เยตส์, การืเนอร์; ลอลลีย์ (คาฟู 65'), ซินเคอร์นาเกล (ไมท์เทน 78'), จอห์นสัน; เดวิส (สเตอร์ริดจ์ 77')
สำรองที่ไม่ได้ใข้งาน: บอง, ลาร์เยีย, เอ็มเบ โซห์, โอเยดา, แซมบา
ลิเวอร์พูล: อลิสซอน; โกเมซ, โกนาเต้, ฟาน ไดค์, ซิมิคาส; เกอิต้า (เฮนเดอร์สัน 64'), ฟาบินโญ (ติอาโก้ 64'), อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน (ดิอาซ 64'); เอลเลียตต์ (มินามิโนะ 64), ฟิร์มิโน, ดิโอโก้ โชต้า
สำรองที่ไม่ได้ใช้งาน: อาเดรียน, เบ็ค, โจนส์, มาติป, โอริกี
คะแนนนักเตะ ลิเวอร์พูล
11 ผู้เล่นตัวจริง: อลิสซอน; โกเมซ (5/10), โกนาเต้ (6/10), ฟาน ไดค์ (6/10), ซิมิคาส (6/10); เกอิต้า (5/10), ฟาบินโญ, อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน (6/10); เอลเลียตต์ (5/10), ฟิร์มิโน (5/10), ดิโอโก้ โชต้า (7/10)
สำรอง: ดิอาซ (6/10), มินามิโนะ (5/10), เฮนเดอร์สัน (6/10), ติอาโก้ (6/10)
คีย์แมน ลิเวอร์พูล - ดิโอโก้ โชต้า
ดิโอโก้ โชต้า ยังคงกระตือรือล้นเช่นเคยด้วยบทบาทการออกสตาร์ทที่ริมเส้นฝั่งซ้าย คอยสลับเคลื่อนไปเป็นกองหน้าตัวเป้าเมื่อ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ถอยลงต่ำหรือสนับสนุนเกมที่ริมเส้นยาม คอสตาส ซิมิคาส ลอยสูง
การทำประตูด้วยเท้าขวาของเจ้าตัวในเกมนี้นับเป็นลูกที่ 19 เมื่อรวมทุกรายการโดยแบ่งเป็น
- เท้าขวา 7 ประตู
- เท้าซ้าย 7 ประตู
- ลูกโหม่ง 5 ประตู
ประเด็นหลังเกม
เยอร์เก้น คล็อปป์ แสดงท่าทีชัดเจนตั้งแต่การจัดทัพ 11 ผู้เล่นตัวจริงด้วยการโรเตชันดร็อปคีย์แมนอย่าง ซาดิโอ มาเน ที่ไม่มีชื่อทั้งใน 11 ตัวจริงและตัวสำรอง ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีอาการเจ็บที่เท้าเล็กน้อยไม่ถูกเสี่ยงส่งลงสนาม และปล่อยเอา โจ โกเมซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, คอสตาส ซิมิคาส, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ออกสตาร์ท
หงส์แดง เป็นฝ่ายออกสตาร์ทด้วยการครอบครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มต้นเกม โอกาสจะแจ้งที่สุดครั้งแรกเป็นการหลุดเดี่ยวของ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน เข้าไปดวลกับ อีธาน ฮอร์แวธ ตัวต่อตัวต่อดาวเตะ บราซิเลียน กลับชิพบอลไปติดเซฟนายด่าน ฟอเรสต์ ง่ายๆ
เครื่องหลังรูปเกมยังคงไม่แตกต่างไปจากเดิมแต่เกมรุกของทีมเยือนดูจะลดความร้อนแรงลงไปกระทั่ง คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่น 4 คนรวด หลุยซ์ ดิอาซ, ทาคูมิ มินามิโนะ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ อัลคันทารา ลงสนามแทนที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์แลน, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, นาบี เกอิต้า และ ฟาบินโญ
โอกาสที่ดีที่สุดของ ฟอเรสต์ เกิดขึ้นในอีก 15 นาทีก่อนจะหมดเวลาปกติ บอลจากกราบขวาของพวกเขาโดย เบรนแนน จอห์นสัน เปิดเลียดดเข้าไปในกรอบเขตโทษถึง ฟิลิป ซินเคอร์นาเกล แท็ปอินเหน่งๆ ระยะเผาขนแต่บอลปลิ้นหลุดกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ
แดนกลางของพลพรรค เร้ดแมชีน ดูกลับมาคึกคักหลังจากการเปลี่ยนตัว การผ่านบอลและการเคลื่อนที่ในแดนกลางของสนามลื่นไหลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทีมของ คล็อปป์ ปลดล็อคได้สำเร็จจากการเติมขึ้นไปครอสด้วยเท้าขวาของ คอสตาส ซิมิคาส ไปถึงเสาสองให้ ดิโอโก้ โชต้า พุ่งเข้าแท็ปอินด้วยขวาผ่านมือนายด่านเจ้าถิ่นบอลไปซุกที่ก้นตาข่ายกลายเป็นประตูชัยของพวกเขาในเกมนี้
โดยในรอบรองชนะเลิศ หงส์แดง จะดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่อีกคู่เป็นการพบกันระหว่าง เชลซี และ คริสตัล พาเลซ