อังกฤษ 2-1 เบลเยียม : เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ยูฟา เนชั่นลีก สิงโตคำราม พลิกแซงคว้าชัยเมื่อคืนที่ผ่านมา

การแข่งขัน : ยูฟ่า เนชันส์ลีก ลีกเอ นัดที่ 3
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2020
เวลาแข่งขัน : 23.00 น.
คู่แข่งขัน : ทีมชาติอังกฤษ 2-1 ทีมชาติเบลเยียม
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม

ทีมชาติอังกฤษ เปิดบ้านเฉือนชนะ ทีมชาติเบลเยียม ไปได้ 2-1 โดยทีมเยือนออกนำก่อนจากจุดโทษของ โรเมลู ลูกากู ในนาทีที่ 16 ก่อนเจ้าบ้านจะมายิงแซงสองประตูรวดจากลูกโทษของ มาร์คัส แรชฟอร์ด นาทีที่ 39 และประตูชัยจาก เมสัน เมานท์ นาทีที่ 65 ทำให้จบเกม สิงโตคำราม พลิกแซงคว้า 3 คะแนนในบ้านไปได้สำเร็จ

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมยังคงพยายามครองบอลและเล่นกันค่อนข้างรัดกุมในช่วง 10 นาทีแรก

แต่แล้วนาทีที่ 12 ทีมเยือนส่งบอลสู่ก้นตะข่ายได้เป็นที่เรียบร้อยจากลูกยิงของ คาร์ราสโก้ แต่ถูกจับล้ำหน้าก่อน ทำให้พลาดโอกาสขึ้นนำไป

จากนั้น 4 นาที ต่อมา เบลเยียม มาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ ดายเออร์ ไปทำฟาวล์ ลูกากู ในกรอบเขตโทษ และเป็นเจ้าตัวที่ลุกขึ้นมาสังหารเข้าไปในนาทีที่ 16

จากนั้นเจ้าบ้านพยายามครองบอลบุกมากขึ้น แต่ยังแทบหาโอกาสจบสกอร์ที่มีลุ้นประตูตีเสมอไม่ได้

แต่แล้วนาทีที่ 39 อังกฤษ มาได้ลูกจุดโทษบ้างจากจังหวะเตะมุม มูนิเยร์ ไปเหนี่ยว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ล้มลง และเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่สังหารไม่พลาด

ช่วงเวลาที่เหลือทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ทำให้จบ 45 นาทีแรก เสมอกันอยู่ 1-1

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมยังคงเล่นอย่างรัดกุม แต่เป็นฝ่ายเจ้าถิ่นที่ครองบอลบุกได้ค่อนข้างชัดเจนกว่า

สิงโตคำราม พยายามหาจังหวะลุ้นทำประตู และมีโอกาสเข้าทำจากทั้ง คาลเวิร์ต เลวิน และ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ แต่ยังไม่ดีพอจะสร้างปัญหาให้กับ มิโญเลต์ ได้

ด้านทีมเยือนเองก็พยายามตั้งเกมบุกของตัวเองขึ้นมาบ้าง แต่ยังทำได้ไม่ดีนักในจังหวะต่อบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย

กระทั่งนาทีที่ 64 อังกฤษ ออกนำ 2-1 จากจังหวะปั่นด้วยขวาของ เมสัน เมานท์ บอลไปแฉลบผู้เล่น เบลเยียม เปลี่ยนทางย้อยเสียบคานเข้าไป

นาทีที่ 71 ผู้มาเยือนมีโอกาสใกล้เคียงที่จะได้ประตูตีเสมอจากจังหวะจ่ายทะลุช่องของ เดอ บรอยน์ ให้กับ คาร์ราสโก้ ได้หลุดไปดวลเดี่ยวกับ พิคฟอร์ด แต่เจ้าตัวกลับสะกิดบอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นมีโอกาสได้ประตูที่สามถึงสองครั้งจากจังหวะเตะมุมและเป็น เคน ที่ขึ้นโหม่งโล่ง ๆ แต่กลับหลุดกรอบออกไป อีกครั้งเป็นการต่อบอลเข้าเขตโทษแต่ แรชฟอร์ด กลับยิงข้ามคานไปย่างน่าเสียดาย

ทำให้จบ 90 นาที ทีมชาติอังกฤษ เปิดบ้านพลิกแซงชนะ ทีมชาติเบลเยียม ไป 2-1 ขยับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม

คะแนนผู้เล่นทั้งสองทีม

อังกฤษ : พิคฟอร์ด(6.5), วอล์คเกอร์(7), แมคไกวร์(6.5), ดายเออร์(6.5), ทริปเปียร์(7), อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์(6.5), ไรซ์(7), เฮนเดอร์สัน(7), เมานท์(7), แรชฟอร์ด(7), คาลเวิร์ต เลวิน(6.5)

สำรอง : ฟิลลิปส์(6), เคน(6), เจมส์(5.5), ซานโช(-)

เบลเยียม : มิโญเลต์(6.5), มูนิเยร์(6.5), อัลเดอร์ไวเรลด์(6.5), ดีเนเยอร์(7), โบยาต้า(6.5), คานตานเญ(6.5), วิทเซล(7), ติเลอม็องส์(6.5), เดอ บรอยน์(7), คาร์ราสโก้(6.5), ลูกากู(7.5)

สำรอง : เวอร์เชเรน(5.5), ดูกู(5.5)

แมน ออฟ เดอะแมทช์ - คีแรน ทริปเปียร์

แบ็คซ้ายจำเป็นที่วันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกจับมายืนเป็นวิงแบ็คด้านซ้าย แต่เขาก็ไม่ทำให้ เซาธ์เกต และแฟนบอล ทรีไลออน ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ด้วยการจัดการกับเกมรุกทางกราบขวาของทีมเยือนได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งการวางบอลยาวที่เป็นจุดเด่นของเจ้าตัวตั้งแต่อยู่กับ สเปอร์ส นั้นยังคงใช้การได้ดีเช่นเคยในเกมวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยเติมเกมรุกได้อย่างดุดัน มีส่วนกับเกมทางกราบซ้ายค่อนข้างมาก จนในที่สุดก็ทำได้ 1 แอสซิสต์ในนัดนี้ พาทีมเก็บ 3 คะแนนออกมาได้อย่างงดงามแม้คู่แข่งจะเป็นถึงทีมอันดับ 1 ของโลกก็ตาม

ประเด็นหลังเกม - เดอ บรอยน์ คนเดียวแบกไม่ไหว

เกมนี้หากใครได้มีโอกาสดูเกมถ่ายทอดสด จะเห็นได้ว่า ทีมชาติอังกฤษ เล่นเกมรุกได้เหนือกว่าค่อนข้างชัดเจนโดยเฉพาะในช่วงครึ่งเวลาหลัง แถมตลอดทั้งเกม เบลเยียม แม้จะสร้างสรรค์จะหวะเข้าทำสวย ๆ ได้บ้าง แต่จังหวะจบก็แทบไม่มีครั้งใดที่สร้างปัญหาให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารของ สิงโตคำราม ได้เลย

หนึ่งในสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเห็นได้ชัดเลยว่า โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือเบลเยียม เน้นแผนการเล่นที่ใช้ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นศูนย์กลางของทีม แต่วันนี้แดนกลางของอังกฤษกลับทำได้ค่อนข้างยอดเยี่ยมแถม เซาธ์เกต ยังทำการบ้านมาดีด้วยการส่ง เฮนเดอร์สัน และ ไรซ์ มาคอยจับตายเพลย์เมกเกอร์จาก แมนฯ ซิตี้ รายนี้ แต่ถึงแม้จะโดนมาร์คติดตลอด เจ้าตัวก็ยังคงมีจังหวะจ่ายบอลทะลุช่องสวย ๆ ให้เห็นอยู่หลายครั้ง แต่น่าเศร้าที่เพื่อนร่วมทีมกลับคว้าโอกาสเหล่านั้นเอาไว้ไม่ได้เลย จะมีก็แต่ โรเมลู ลูกากู ที่ดูจะสามารถเก็บบอลพักบอลในแดนหน้าและสร้างปัญหาให้กับแนวรับของเจ้าบ้านได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ก็น่าเห็นใจที่ทีมเบลเยียมชุดนี้ ไม่ชื่อของสตาร์ดังอีกหลายคนทั้ง สองพี่น้อง อาซาร์ จอมกระชากลากเลื้อย และ ดรีส์ เมอร์เทนส์ หัวหอกตัวเก๋าที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฉียบคมในการจบสกอร์ มิฉนั้น งานหนักคงไม่ไปตกอยู่ที่ เดอ บรอยน์ แต่เพียงผู้เดียวเช่นนี้เป็นแน่ !

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด