ความพ่ายแพ้แบบไร้สไตล์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
ดูเหมือนว่าการลุ้นทำอันดับ 4 ใน พรีเมียร์ลีก ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นจะห่างไกลออกไปทุกทีเมื่อพวกเขาบุกไปแพ้ให้กับทีมอันดับ 17 อย่าง เอฟเวอร์ตัน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ก่อนเกมถ้าเทียบอันดับตาราง ฟอร์มการเล่น ผลงาน และตัวนักเตะ บอกเลยว่าไม่มีทางที่ เดอะท็อฟฟี จะเปิดบ้านเก็บ 3 แต้มเหนือ ปีศาจแดง ได้ แม้ว่าฟอร์มของลูกทีม ราล์ฟ รังนิค จะเอาแน่เอานอนไม่ได้ก็ตาม
แนวโน้มดูจะเป็นเช่นนั้นเมื่อ ยูไนเต็ด ครองเกมได้มากกว่าและทำเกมได้ดีกว่าโดยเฉพาะช่วง 20 นาทีแรก แถมเกือบทำประตูได้หลายครั้ง ดีที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผีเข้าบินเซฟเป็นพัลวันช่วยเจ้าบ้านไว้ได้
จากนั้นไม่นานเกมที่ดูจะเข้าทาง แมนยู กลายเป็นว่าพวกเขากลับโดนขึ้นนำไปก่อนจากลูกยิงฝีจับยัดของ แอนโธนี กอร์ดอน ที่ตุงตาข่ายในนาที่ 27
เราคงพอเดากันออกว่าหลังจากถูกขึ้นนำรูปเกมจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าทีมเยือนต้องพับสนามบุกใส่เพื่อเอาประตูคืน แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเล่นกันอย่างสะเปะสะปะและขาดความเฉียบคมไปไม่น้อย
สุดท้ายประตูนั้นก็กลายเป็นประตูชัยของ เอฟเวอร์ตัน ช่วยให้เก็บ 3 แต้มอังทรงคุณค่าต่อการหนีตกชั้นได้สำเร็จ
หลังจบเกม รังนิค ออกมาบ่นเสียดายที่ลูกทีมไม่สามารถชิงความได้เปรียบเหนือเจ้าบ้าน เพราะ ท็อฟฟีสีน้ำเงิน เพิ่งลงเล่นเกมกลางสัปดาห์และแพ้ให้กับทีมหนีตกชั้นด้วยกันอย่าง เบิร์นลีย์ นั่นทำให้สภาพจิตใจน่าจะย่ำแย่ในระดับหนึ่งได้
กุนซือชาวเยอรมันเชื่อว่า การที่ เอฟเวอร์ตัน แพ้ต่อทีมในระดับเดียวกันมันน่าจะบั่นทอนกำลังใจนักเตะไปมาก ซึ่งจุดอ่อนตรงนี้คือสิ่งที่นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่กลายเป็นว่าพวกเขาทำไม่สำเร็จ แถมยังโดนเล่นงานกลับเสียอีก
เช่นเดียวกับ ดาบิด เด เคอา ที่ให้สัมภาษณ์อย่างดุเดือดว่า ทั้ง ๆ ที่ต้องการ 3 คะแนนเพื่อลุ้นอันดับ 4 แต่เพื่อนร่วมทีมของเขานั้นโชว์ฟอร์มได้อย่างขายขี้หน้ากันมาก ๆ
มันเลยเกิดคำถามว่าเพราะเหตุใด ยูไนเต็ด จึงเดินมาถึงจุดนี้ได้
ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นนักวิเคราะห์หรือกูรูของวงการฟุตบอลอังกฤษออกมาย้ำความเห็นของตัวเองเป็นรอบที่ 2 โดยชี้ว่าที่ทีมเก่าของเขาเล่นกันไม่เอาอ่าวแบบนี้ มันมาจากการที่ไม่มีสไตล์เป็นของตัวเอง
อดีตกองหลัง ปีศาจแดง เคยพูดถึงเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา เป็นกุนซือ เขาเชื่อว่าที่ฟอร์มของทีมไม่เสมอต้นเสมอปลายเป็นเพราะพวกเขาไม่มีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจน
ลองนึกภาพตามสมัยที่ โซลชา ยังทำทีม พวกเขาพยายามครองบอลและต่อบอลในเกมที่เจอกับทีมขนาดกลางถึงเล็ก ซึ่งบางครั้งมันก็ได้ผล บางครั้งก็ไม่ได้ผล แต่พอเจอทีมใหญ่ก็หันมาเล่นเกมโต้กลับเป็นส่วนใหญ่
สิ่งนี้ทำให้ผลงานออกมาไม่แน่นอน เกมที่ควรจะชนะกลับแพ้หรือเสมอ เกมที่ควรแพ้กลับชนะ วนลูปไปแบบนี้ตลอดทั้งฤดูกาล
ซึ่งหากจะยกตัวอย่างทีมที่มีรูปแบบและสไตล์การเล่นที่ชัดเจนก็คงต้องมองไปที่ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ คือทีมที่เล่นในแบบ เกเก้นเพรสซิง หรือการเพรสซิงสูง บุกกดดันคู่แข่งอย่างบ้าระห่ำ ไปกันเป็นหมู่คณะ เปลี่ยนเกมรับและรุกได้อย่างรวดเร็ว มีกองหลังที่เหนียวแน่น และมีกองหน้าที่ยิงประตูได้อย่างเฉียบขาด
ส่วน ซิตี้ ภายใต้การดูแลของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา คือทีมที่เน้นการครองบอลอย่างเหนียวแน่น ปรัชญาของนายใหญ่สแปนิชคือ ถ้าบอลอยู่กับตัวก็สามารถกำหนดผลการแข่งขันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีสถิติครองบอลเหนือคู่แข่งชนิดที่ห่างกันแบบแทบไม่เห็นฝุ่นเกือบทุกนัด
เมื่อย้อนกลับมาดู แมนฯ ยูไนเต็ด เอาแค่ในเกมที่แพ้ต่อ เอฟเวอร์ตัน เรามองเห็นอะไรในการเล่นของพวกเขา
รังนิค พยายามกลับมาใช้แผน 4-2-3-1 ที่คุ้นเคย ใส่ตัวรุก 4 คนและมิดฟิลด์ตัวรับ 2 คน โดยมีฟูลแบ็คคอยช่วยสนับสนุนเกมรุกริมเส้น แต่ก็ทำได้ดีเพียงแค่ช่วง 20-25 นาทีแรกเท่านั้น
คริสเตียโน โรนัลโด้ หายไปจากเกม มาร์คัส แรชฟอร์ด มีโอกาสยิงแต่ไม่เป็นประตู บรูโน แฟร์นันเดส สร้างสรรค์เกมไม่ได้ ส่วน เจดอน ซานโช ก็ไม่กล้าลากลุยจี้กองหลังเจ้าบ้าน
ในขณะที่แบ็คทั้ง 2 ข้างเติมไม่สุด ครอสบอลไม่เข้าเป้า กองกลาง 2 คนไร้ทีเด็ด ทั้งทีมเพรสซิงไม่ได้ ครองบอลก็ไม่ดี ผ่านบอลเสียเยอะ การสื่อสารภายในทีมไม่ดีพอ ทุกอย่างดูจะไร้ทิศทาง นั่นจึงเป็นที่มาของความพ่ายแพ้
ริโอ เฟอร์ดินานด์ พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน และเขาเรียกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นทีมที่ “ไร้สไตล์และเอลักษณ์เฉพาะตัว”
“หลายคนพูดว่า พวกเขาไม่มีสไตล์ ไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลย”
“วันนี้เมื่อคุณมองไปที่การเล่นเกมรุกของพวกเขา มันไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถพูดได้ว่า นี่แหละคือการเล่นในแบบของพวกเขา นั่นคือการเล่นแบบ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งปกติแล้วจะมีโครงสร้าง วิธีการเล่นในแบบทีมระดับท็อป แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเขาดูกำลังหลงทาง”
ผลจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้จึงทำให้ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 7 ของตารางต่อไป โดยมี 51 คะแนนตามหลัง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ที่อยู่อันดับ 4 อยู่ 6 คะแนน เกมที่เหลือพวกเขาจะต้องเน้นเป็นพิเศษหากต้องการผ่านเข้าไปเล่น ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า
ด้วยสไตล์การเล่นแบบนี้ก็ไม่แน่ใจว่าลูกทีมของ ราล์ฟ รังนิค จะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่
หรือบางทีพวกเขาอาจจะต้องลืมเรื่องสไตล์ไปก่อน และเน้นที่ผลการแข่งขัน วางแท็คติกไปทีละเกมเพื่อ 3 คะแนนแล้วค่อยว่ากันใหม่หลังจบฤดูกาล
จากนั้นให้โค้ชคนใหม่เข้ามาวางรูปแบบและเดินตามแนวทาง แม้มันจะต้องใช้เวลา ซึ่งต้องการความสำเร็จในระยะยาวพวกเขาก็ต้องอดทนและยอมเจ็บกันบ้าง
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด