ย้อนรอยปี 2015/16 ฤดูกาลที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล้มเหลวในตลาดซื้อขายนักเตะมากที่สุด - FEATURE
ต้องยอมรับเลยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูจะสร้างสีสันได้ดีพอสมควรเลยทีเดียวในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการคว้าตัวซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งตลอดกาลของสโมสรอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ ในวัย 36 ปีกลับมาสู่รัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งด้วยค่าตัวเพียง 13 ล้านปอนด์ ซึ่งลำพังแค่การขายเสื้อก็สามารถสร้างกำไรให้กับสโมสรเกิดกว่าค่าตัวที่จ่ายไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังได้ ราฟาเอล วาราน ยอดกองหลังจาก เรอัล มาดริด ในราคาที่จับต้องได้ รวมถึงสามารถปิดดีล เจดอน ซานโช หลังจากยื้อกับ ดอร์ทมุนด์ มาอย่างยาวนานด้วยราคาสูงถึงถึง 76 ล้านปอนด์ แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนในระยะยาวของสโมสร
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ๆ ถือว่าตลาดซื้อขายนักเตะครั้งนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เงินทุ่มซื้อนักเตะค่อนข้างน้อย ที่ราว 126 ล้านปอนด์เท่านั้น แถมดูจะได้นักเตะเกรดพรีเมียมชนิดที่น่าลุ้นน่าเชียร์ว่าที่สุดแล้วผลงานของทีมหลังการเสริมทัพจะเป็นอย่างไรหลังจบฤดูกาล
อย่างไรก็ตามนโยบายการเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พวกเขาทุ่มเม็ดเงินมหาศาลกว้านซื้อนักเตะทั้งดาวรุ่งและบิ๊กเนมเข้าสู่สังกัดมากมาย บางรายก็ประสบความสำเร็จ แต่บางรายก็ผลงานน่าผิดหวังจนต้องย้ายออกจากทีมไปตามวัฏจักรของฟุตบอล วันนี้เราจึงอยากพาแฟน 90Min ทุกท่าน ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2015/16 สมัยที่ หลุยส์ ฟานกัล ยังทำหน้าที่ผู้จัดการทีม ปีศาจแดง โดยซีซั่นนั้นแม้ผลงานจะไม่ได้น่าเกลียดมากนักด้วยการจบอันดับ 5 ในลีกแถมยังคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ แต่การลงทุนเกี่ยวกับการซื้อนักเตะใหม่ แฟนบอล เร้ดเดวิลส์ หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในปีแห่งการเซ็นสัญญายอดแย่ในประวัติศาสตร์ของทีมอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว
อ็องโตนี มาร์กซิยาล จาก โมนาโก 54 ล้านปอนด์
กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงชาวฝรั่งเศสวัยเพียง 19 ปี ณ เวลานั้น ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกับ โมนาโก จน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควักเงินกว่า 50 ล้านกระชากตัวเข้ามาหวังที่จะให้เป็นตัวจบสกอร์ขวัญใจคนใหม่ของสโมสร แม้ฤดูกาลแรกผลงานพอจะมีอนาคตอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นดูเหมือนว่าฟอร์มของเขาจะหยุดพัฒนาไปแบบดื้อ ๆ แม้จะกลับมาระเบิดฟอร์มเก่งได้อีกครั้งในปี 2019/20 ที่ทำได้ถึง 19 ประตู แต่ดูเหมือนว่าจะแค่โชคดีเท่านั้น เพราะในเวลาต่อมาเขาก็กลับเข้าสู่ร่างเดิมจนผลงานกู่ไม่กลับจนถึงปัจจุบัน
มอร์แกน ชไนเดอร์แลง จาก เซาแธมป์ตัน 31.5 ล้านปอนด์
กองกลางตัวรับชาวฝรั่งเศสที่เป็นหนึ่งในผลงานการปลุกปั้นของ เซาแธมป์ตัน ซึ่ง ปีศาจแดง เองก็ไม่รอช้าที่จะคว้าตัวมาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ดังกล่าว โดยในปีแรก ฟานกัล พยายามจะให้โอกาสเข็นลงสนามอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะลืมเอาฟอร์มเก่งสมัยเล่นกับ ทัพนักบุญ มาด้วย กระทั่งการมาของ โชเซ มูรินโญ ทำให้อนาคตในโรงละครแห่งความฝันดับลงอย่าถาวรจนต้องย้ายไปอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน น่าเศร้าที่เขาไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงในถิ่น กูดิสัน พาร์ด ได้และตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ นีซ ฤดูกาลก่อน
เมมฟิส เดปาย จาก พีเอสวี ไอน์โฮเฟน 30.6 ล้านปอนด์
ก่อนหน้านั้นเรียกได้ว่าเขาคือความหวังใหม่ที่จะเข้ามาสานต่อตำนานเบอร์ 7 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสไตล์การเล่นการเลี้ยงที่ใกล้เคียงกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ แถมผลงานกับ พีเอสวี และทีมชาติก็ยอดเยี่ยมเสียจนใครเห็นก็ว่าเกิดแน่นอน เพราะงั้น ฟานกัล จึงไม่รอช้า รีบจัดการคว้าดาวเตะร่วมชาติรายนี้เข้ามาเสริพทัพอย่างยิ่งใหญ่ในทันที แต่ก็อย่างที่ทราบกันปีแรกในอังกฤษเจ้าตัวแทบไม่มีแววว่าจะแจ้งเกิดเหมือนที่คาดกันไว้ได้เลย กระทั่ง มูรินโญ จัดการปล่อยตัวเขาออกจากทีมในปีถัดมาให้กับ โอลิมปิก ลียง ด้วยค่าตัวที่ขาดทุนแบบครึ่งต่อครึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งได้ในที่สุด
มัตเตโอ ดาร์เมียน จาก โตริโน 16.2 ล้านปอนด์
แบ็คขวาชาวอิตาลี ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นใน เซเรีย อา และนั่นทำให้ ปีศาจแดง ที่กำลังมองหาทางเลือกในตำแหน่งนี้จัดการคว้าตัวมาร่วมทีมในทันที แต่กระนั้นดูเหมือนว่าแข้งรายนี้จะไม่สามารถเบียดขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับทีมอย่างถาวรได้ จนช่วงหลังเป็นได้เพียงอะใหล่ในยามที่ทีมต้องการพักตัวหลักเท่านั้น และในที่สุดเจ้าตัวตัดสินใจย้ายกลับ อิตาลี ในปี 2019 ไปอยู่กับ ปาร์มา ก่อนที่ อินเตอร์ จะยืมใช้งานและคว้าแชมป์ร่วมกับทีมอย่างยิ่งใหญ่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ จาก บาเยิร์น มิวนิค 8.1 ล้านปอนด์
กองกลางซุเปอร์สตาร์ที่ขณะนั้นวัย 30 ปีต้องการมองหาความท้าทายใหม่ ๆ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการย้ายมาเล่นในอังกฤษกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งช่วงแรกเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องกระทั่งกลางฤดูกาลกลับถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนัก ยิ่งไปกว่านั้นในยุคของ โชเซ มูรินโญ เจ้าตัวแทบไม่มีโอกาสได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เลยจนสุดท้ายก็ต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปเล่นใน สหรัฐอเมริกา กับ ชิคาโก้ ไฟร์ ในปี 2017 ที่ผ่านมา
เซร์คิโอ โรเมโร จาก ซามพ์โดเรีย ไร้ค่าตัว
ผู้รักษาประตูดีกรีมือหนึ่งทีมชาติอาร์เจนตินา ย้ายมาเป็นตัวสำรองให้กับ ดาบิด เด เคอา และแทบไม่ได้รับโอกาสลงเล่นภายใตการคุมทีมของ ฟานกัล มากนัก ก่อนที่ปีต่อมา มูรินโญ จะให้โอกาสเขาลงเฝ้าเสาในเกม ยูโรปาลีก และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมได้อย่างยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามเขายังคงเป็นได้เพียงอะใหล่ในยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ และเพิ่งจะหมดสัญญากับทีมไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
6 รายที่กล่าวไปคือแข้งหน้าใหม่ทั้งหมดที่ในฤดูกาลนั้น ปีศาจแดง ทุ่มเงินกว่า 140 ล้านปอนด์คว้าตัวเข้ามาร่วมทีม และต้องบอกว่าไม่มีใครเลยที่สามารถแจ้งเกิดกับทีมได้หลังจากนั้น ยิ่งไปกว่านั้นในฤดูกาลเดียวกันสโมสรยังปล่อยแข้งตัวเก่งออกจากทีมหลายรายทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย โรบิน ฟาน เพอร์ซี ชิชาริโต้ นานี ราฟาเอล รวมถึง จอนนี อีแวนส์ เมื่อแกนหลักหลายคนย้ายออกไปและนักเตะใหม่ไม่สามารถทดแทนได้ ทำให้ผลงานในปีนั้นแม้ว่าจะคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาได้ แต่ในลีกทีมก็จบในอันดับที่ 5 ไม่ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งนั่นก็ไม่เพียงพอจะต่ออายุการคุมทีมในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กับ หลุยส์ ฟานกัล ต่อไปได้ ฝากเอาไว้เพียงตำนานจอมปรัชญาที่ไม่เข้าตาแฟน ๆ แมนฯ ยูไนเต็ด และเป็นกุนซือดังอีกหนึ่งคนที่ล้มเหลวกับภารกิจการพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับสู่ความยิ่งใหญ่ตามหลัง เดวิด มอยส์ ไปในที่สุด...
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด