[MANAGER PROFILE] ยูเลียน นาเกลส์มันน์ : ทางเลือกที่ใช่ ? กับภารกิจใหญ่ในการชุบชีวิต เชลซี
จนถึงตอนนี้ทุกคนคงทราบกันดีแล้วว่า เชลซี ได้ประกาศแยกทางกับกุนซือผู้มีดีกรีเป็นถึงอดีตตำนานสโมสรอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นที่เรียบร้อย หลังทำผลงานสุดย่ำแย่ทั้งที่ใช้เงินเสริมทัพไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ซึ่งมันดูจะกลายเป็นวัฎจักรตามปกติไปเสียแล้ว ที่ สิงโตน้ำเงินคราม จะต้องมีผู้จัดการทีมหน้าใหม่หมุ่นเวียนเข้ามานับตั้งแต่ยุค โรมัน อับราโมวิช เทคโอเวอร์สโมสรตั้งแต่ปี 2003 เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ หากจะนับเป็นตัวเลข สิงห์บลู เปลี่ยนผู้จัดดการทีมไปแล้ว 14 ครั้ง ใช้งานกุนซือถึง 12 คนตลอด 18 ปีที่ผ่านมา...
แต่แน่นอนในเมื่อ "เก่าไป" ใหม่ก็ต้องเข้ามาแทนทีเป็นธรรมดาของวงการนี้ โดยตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา เชลซี มีข่าวพัวพันกับกุนซือดังอย่าง มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี โธมัส ทูเคิล หรือแม้แต่ อังเดร เชฟเชนโก้ อีกหนึ่งอดีตนักเตะของสโมสร แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีอีกหนึ่งรายชื่อที่ถูกโยงเข้ามาและดูจะมีภาษีมากกว่ารายอื่น ๆ นั่นคือ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ผู้จัดการทีมเลือดอินทรีเหล็กวัยเพียง 33 ปีที่กำลังไปได้สวยกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ยอดทีมแห่ง บุนเดสลีกา อยู่ ณ เวลานี้นั่นเอง
เขาคือใคร ?
แฟนบอลบางคนอาจเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้เข้าหูเป็นครั้งแรก สำหรับ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ชีวิตสมัยที่ยังค้าแข้งนั้นแทบไม่มีอะไรน่าจดจำ เริ่มจากการเป็นเซ็นเตอร์แบ็คดาวรุ่งจากศูนย์ฝึกเยาวชนของ เอาส์บวร์ก ก่อนจะย้ายมาเล่นให้กับ 1860 มิวนิค เมื่อปี 2002 แต่ก็ไม่สามารถเบียดขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้และกลับมาที่ เอาส์บวร์ก อีกครั้งในปี 2007 ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดเลิกเล่นฟุตบอลในปีต่อมาด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น
หลังจากวางมือเมื่อต้นปี 2008 เจ้าตัวก็ผันตัวมาเป็นแมวมองให้กับ เอาส์บวร์ก ก่อนที่กลางปีนั้นเองจะเริ่มรับงานเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชุด ยู-17 ของ 1860 มิวนิค และหลังจากนั้น 2 ปี ฮอฟเฟนไฮม์ ได้จัดการคว้าตัวเขามาร่วมงาน เริ่มจากการเป็นโค้ชให้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี และค่อย ๆ พัฒนาฝีมือขึ้นมาในทีมรุ่น ยู-19 จนสามารถพาทีมความแชมป์ยูธลีกมาครองได้สำเร็จ กระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 ทีมชุดใหญ่ของ ฮอฟเฟนไฮม์ ประกาศแยกทางกับ ฮับ สตีเฟนส์ และตัดสินใจแต่งตั้ง นาเกลส์มันน์ ผู้จัดการทีมชุดเล็กเข้ามารับหน้าที่แทนทั้งที่ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น !
แจ้งเกิดกับ ฮอฟเฟนไฮม์...
หลังจากผลงานอันย่ำแย่ชนิดที่จมอยู่ท้ายตารางมาตลอดทั้งฤดูกาล การเข้ามาช่วงต้นปี 2016 ของ นาเกลส์มันน์ ทำให้ในที่สุด ฮอฟเฟนไฮม์ อยู่รอดบนลีกสูงสุดต่อไปได้โดยจบอันดับที่ 15 มีแต้มเหนือโซนเพลย์ออฟตกชั้นเพียง 1 คะแนนเท่านั้น แถมในซีซั่นถัดมานายใหญวัย 28 ปี ณ ขณะนั้น สามารถพาทีมจบอันดับที่ 4 คว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แถมยังแจ้งเกิดผู้เล่นหลายรายในทีมชุดนั้นทั้ง นิคลาส ซูเล เซบาสเตียน รูดี้ คาริม เดเมียร์บาย นอดิม อมิรี ที่ก้าวขึ้นมาสร้างชื่อในลีกสูงสุดประเทศเยอรมันได้สำเร็จ ณ ปัจจุบัน ซึ่งจากผลงานในปี 2016/17 นั้นเอง ที่ทำให้โลกฟุตบอลเริ่มรู้จักชายที่ชื่อ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ในฐานะยอดกุนซือหนุ่มผลงานดีผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรด้วยวัยที่ยังไม่ถึง 30 ปีเต็มเลยด้วยซ้ำ...
ความท้าทายใหม่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก...
หลังจากพา ฮอฟเฟนไฮม์ คว้าดับ 4 ในฤดูกาล 2016/17 เจ้าตัวยังคงตอกย้ำความยอดเยี่ยมด้วยการนำต้นสังกัดจบอันดับที่ 3 ในซีซั่นต่อมา กระทั่งปี 2019 แอร์เบ ไลป์ซิก ที่กำลังมองหากุนซือคนใหม่ไฟแรงเข้ามาสานต่อความยิ่งใหญ่ที่ ราล์ฟ รังนิค ได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านั้น ซึ่ง นาเกลส์มันน์ ก็ไม่รอช้ารีบตอบรับข้อเสนอย้ายเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมของ ไลป์ซิก อย่างเต็มตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2019 ที่ผ่านมา
แน่นอนผลงานของ ทัพกระทิงแดง ค่อนข้างโดดเด่นในฤดูกาลก่อน ด้วยการจบอันดับที่ 3 ของลีก แถมยังสามารทะลุเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่พลาดท่าพ่ายให่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในที่สุด กระทั่งในซีซั่น 2020/21 นี้ ไลป์ซิก ของ นาเกลส์มันน์ ก็ยังคงติดลมบนรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงใน บุนเดสลีกา พร้อมกับทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลยุโรปในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มโดยมีแต้มเทียบเท่า เปแอสเช แถมยังเขี่ย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบไปได้อีกต่างหาก ซึ่งคู่แข้งในรอบต่อไปของพวกเขาก็คือ ลิเวอร์พูล นั่นเอง !
แล้วจะเหมาะกับ เชลซี จริงหรือ ?
คำถามนี้ยังยากที่จะฟันธงได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในแนวทางการทำทีมของ นาเกลส์มันน์ คือ "การไม่มีแผนการเล่นที่ฟิคตายตัว" โดยตำแหน่งการยืนของผู้เล่นแทบจะเปลี่ยนเกือบทุกเกมโดยขึ้นอยู่กับคู่แข่งในแต่ละสัปดาห์ นั่นหมายความว่ากุนซือหนุ่มรายนี้ต้องใส่ใจทำการบ้านก่อนเกมอย่างหนักเพื่อศึกษาคู่แข่งในแต่ละเกมว่ามีจุดแข็งหรือจุดอ่อนตรงไหนเพื่อจะนำมาปรับใช้ในการวางแผนการเล่นในแต่ละเกม
แต่แน่นอนแม้แผนอาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สไตล์การเล่นยังคงเป็นอะไรที่ชัดเจนสำหรับนายใหญ่วัย 33 ปีรายนี้ นั่นคือเน้นเกมรุกแบบดุดันเร้าใจชนิดที่ไม่เกรงกลัวบารมีทีมใหญ่เลยแม้แต่น้อย แถมวิธีการเข้าทำยังค่อนข้างหลากหลาย ทั้งการต่อบอลกับพื้นแบบเท้าสู่เท้า การทำเกมขึ้นมาจากริมเส้น หรือแม้แต่การวางบอลข้ามแนวรับคู่แข่ง และที่สำคัญกุนซือชาวเยอรมันรายนี้อาจเป็นคนเดียวที่กุมคู่มือการใช้งาน ติโม แวร์เนอร์ อย่างเต็มศักยภาพเหมือนในฤดูกาลก่อนที่เจ้าตัวสามารถระเบิดฟอร์มเก่งออกมาอยู่ก็เป็นได้...
อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้น โอลิเวอร์ มินต์ซลาฟฟ์ ผู้บริหารของ แอร์เบ ไลป์ซิก เคยออกมากล่าวเมื่อไม่นานมานี้ในทำนองว่า ทั้งเขาและ เชลซี ต่างมีคอนเน็คชั่นที่ดีต่อกัน ซึ่งเขาก็จะไม่ขัดหาก นาเกลส์มัน จะมองหาความท้าทายใหม่ ๆ และพวกเขาก็มีแผนรองรับการจากไปของกุนซือหนุ่มรายนี้อยู่แล้ว แต่... เขายังไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงกลางคันโดยเฉพาะในเวลาที่ทีมกำลังติดลมบนอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์รายการใหญ่ ๆ แบบนี้ นั่นหมายความว่า ไลป์ซิก อาจยอมปล่อยตัวเขาหลังจากจบฤดูกาลนี้เท่านั้น ! ซึ่งนั่นอาจเป็นอุปสรรคเดียวที่ขวางไม่ให้ นาเกลส์มันน์ เข้ามานั่งเก้าอี้นายใหญ่ของ เชลซี ณ ปัจจุบัน คงต้องมาลุ้นกันว่า เสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช จะหากุนซือเข้ามาขัดตาทัพเหมือนที่สมัยก่อนเคยใช้งาน กุสส์ ฮิดดิ้ง อยู่เป็นประจำเพื่อรอจนจบฤดูกาลหรือไม่ หรือจะใจร้อนมองหาผู้จัดการทีมที่ว่างงานอยู่ตามที่ตกเป็นข่าวกัน อีกไม่นานเราคงได้รู้....
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด