ย้อนรอยเกมประเดิมสนาม UCL ของ ลิเวอร์พูล ในยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ - FEATURE

Liverpool FC v AC Milan: Group B - UEFA Champions League
Liverpool FC v AC Milan: Group B - UEFA Champions League / Shaun Botterill/Getty Images
facebooktwitterreddit

ผลการแข่งขันในเกมนัดแรก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก เปิดบ้านเอาชนะ เอซี มิลาน ไปได้อย่างหวุดหวิดด้วยสกอร์ 3-2 นอกจากจะเป็นการช่วยให้ทีมเก็บ 3 คะแนนประเดิม “กรุ๊ปออฟเดธ” ได้แล้ว ยังถือเป็นการสร้างสถิติที่ยอดเยี่ยมให้กับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้เป็นกุนซืออีกด้วย

ภายใต้การนำของนายใหญ่ชาวเยอรมัน หงส์แดง สามารถยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในฟุตบอลรายการใหญ่ของยุโรปที่พวกเขาเข้าชิงชนะเลิศมาแล้วถึง 2 ครั้งติดกันในปี 2018 และ 2019 

เยอร์เก้น คล็อปป์ มีสถิติการออกตัวใน แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ยอดเยี่ยม โดยแพ้แค่นัดเดียวจาก 5 ปีหลังสุดเมื่อรวมเกมนัดเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาเข้าไปด้วย 

เรามาย้อนรอยดูกันว่าเกมนัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ของพวกเขานั้นทำผลงานกันได้ดีขนาดไหน

ซีซัน 2017-2018 - ลิเวอร์พูล 2-2 เซบียา

Guido Pizarro, Philippe Coutinho
Sevilla FC v Liverpool FC - UEFA Champions League / Aitor Alcalde/Getty Images

หงส์แดง ต้องโคจรมาเจอกับอดีตคู่ชิงชนะเลิศ ยูโรป้าลีก เมื่อปี 2016 ซึ่งในเกมนั้นพวกเขาแพ้และชวดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย และนี่ถือเป็นการล้างตากลาย ๆ หลังจากที่โดนจับมาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน

เกมแรกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ภายใต้การเป็นกุนซือของ ลิเวอร์พูล อาจจะไม่สมบูรณ์แบบนักแม้ว่าจะได้ลงเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ท่ามกลางค่ำคืนของฟุตบอลยุโรปอันเลื่องชื่อ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาทำได้เพียงเสมอกับผู้มาเนือนจาก ลาลีก้า ไป 2-2 

เดอะเร้ดส์ โดนนำไปก่อนจากการเบิกสกอร์ของ วิสซาม เบน เยดแดร์ ก่อนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะยิงคืนรวดเดียว 2 ประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 2-1 ซึ่ง “บ็อบบี้” เองก็พลาดจุดโทษมาแล้วด้วย

อย่างไรก็ตาม โจอาควิน คอร์เรอา ก็มายิงประตูตีเสมอให้ เซบียา ในนาทีที่ 72 แบ่งแต้มกันไปอย่างสุดมัน

ซีซัน 2018-2019 - ลิเวอร์พูล 3-2 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

Roberto Firmino, Neymar
Liverpool v Paris Saint-Germain - UEFA Champions League Group C / Marc Atkins/Getty Images

ถือเป็นเกมสุดมันเกมหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ว่าได้ เมื่อพวกเขาต้องเจอกับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของยุโรปอย่าง เปแอชเช ที่มีสตาร์ดังอย่าง  เอดิสัน คาวานี, คิลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เนย์มาร์ โดยมี โธมัส ทูเคิล นำทัพ

แดเนียล “เต้ยโศก” สเตอร์ริดจ์ ที่ได้โอกาสประเดิมสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้เปิดบริสุทธิ์ผู้มาเยือนในนาทีที่ 30 ก่อนที่ เจมส์ มิลเนอร์ จะซัดจุดโทษให้ทีมนำห่าง 2-0 ในอีก 6 นาทีต่อมา จากนั้น โธมัส มูนิเยร์ ก็มายิงตีติ้นเป็น 2-1 ก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาที และเป็น เอ็มบัปเป้ ที่จัดการตีเสมอในนาทีที่ 83 ซึ่งดูเหมือนว่าทำให้ ลิเวอร์พูล จะต้องจบแม็ตช์ด้วยผลเสมอเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนตัวของ คล็อปป์ ก็เป็นผล เมื่อ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ที่ถูกส่งลงสนามในช่วงท้ายสามารถยิงประตูชัยได้ในนาทีที่ 90+1 พา หงส์แดง โค่นแชมป์ ลีกเอิง เก็บ 3 แต้มได้ชนิดสะใจกองเชียร์ทั้ง แอนฟิลด์

ซีซัน 2019-2020 - นาโปลี 2-0 ลิเวอร์พูล 

Dries Mertens, Andy Robertson
Liverpool FC v SSC Napoli: Group E - UEFA Champions League / Michael Steele/Getty Images

ถือเป็นการเริ่มต้นการป้องกันแชมป์ยุโรปที่ไม่สวยนักเมื่อ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บแต้มจากการออกไปเยือน นาโปลี ที่เนเปิ้ลส์ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม

ครึ่งแรกทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกัน 0-0 แต่เกมมาเข้มข้นในช่วง 10 นาทีสุดท้ายเมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ไปทำฟาวส์ โฆเซ กาเยฆอน ล้มลงในกรอบเขตโทษในนาทีที่ 80 และเป็น ดีร์ส เมอร์เทนส์ ที่สังหารให้เจ้าบ้านออกนำ 1-0 

นั่นทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนเอา เซอร์ดาน ชากิรี ลงสนามเพื่อทวงประตูคืนในนาทีที่ 87 แต่กลายเป็นว่าทีม อัซซูรา มาทำประตูตอกฝาโลงส่ง หงส์แดง ลงหลุมในนาทีที่ 90+2 จากการทำประตูของ เฟร์นันโด ยอเรนเต้ เก็บ 3 คะแนนแรกเหนือแชมป์เก่าอย่างเจ็บแสบ

ซีซัน 2020-2021 - อาแจ็กซ์ 0-1 ลิเวอร์พูล 

Fabinho, Roberto Firmino, Sadio Mane, Mohamed Salah, Trent Alexander-Arnold
Ajax Amsterdam v Liverpool FC: Group D - UEFA Champions League / Dean Mouhtaropoulos/Getty Images

ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ต้องเลื่อนมาเปิดสนามนัดแรกในเดือนตุลาคมเนื่องด้วยวิกฤติการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต้องลงเล่นท่ามกลางสนามที่ไร้คนดู แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ เยอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมในการเก็บ 3 คะแนน

เกมนัดนี้คือการพบกันของทีมที่ “ถอยไม่เป็น” เพราะเมื่อดูจากสถิติตหลังจบเกมจะพบว่าทั้ง อาแจ็กซ์ และ หงส์แดง มีโอกาสทำประตูรวมกันมากมายถึง 28 ครั้งตลอด 90 นาที 

แต่กระนั้นสกอร์ที่ออกมาก็จุ๋มจิ๋มเหลือเกิน แถมเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ นิโคลาส์ ตาเกลียฟิโก้ ในนาทีที่ 35 อีกต่างหาก ในขณะที่ทีมเยือนถูกวิจารณ์ว่าโชว์ฟอร์มได้ไม่ค่อยดีนัก 


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด