ลิเวอร์พูล 2-0 เลสเตอร์ ซิตี้: วิเคราะห์ 4 ประเด็นสำคัญหลังเกม พรีเมียร์ลีก กลางสัปดาห์
โดย โตมร นวลประเสริฐ
การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: คืนวันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2021
เวลาแข่งขัน: 02:45 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน: ลิเวอร์พูล 2-0 เลสเตอร์ ซิตี้
สนาม: แอนฟิลด์
1. เจตนาที่ชัดเจนของ คล็อปป์
เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมโดยใช้แดนกลางได้แก่ ติอาโก้ อัลคันทารา, ฟาบินโญ และ เคอร์ติส โจนส์ โดยดร็อปเอา นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ไปจนถึง ทาคูมิ มินามิโนะ อยู่บนม้านั่งสำรอง
นับเป็นส่วนผสมที่แสดงถึงเจตนาของ คล็อปป์ ชัดเจนในการครอบครองเกมที่แดนกลางเมื่อมี ฟาบินโญ คอยคัดท้ายและ ติอาโก้ ขับเคลื่อนการผ่านบอลที่ฮาล์ฟสเปซฝั่งขวา ขณะที่ เคอร์ติส โจนส์ รับบทบาทมิดฟิลด์หมายเลข 8 ที่ฮาล์ฟสเปซฝั่งซ้าย โอเวอร์ฌโหลดฝั่งดังกล่าวร่วมกับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ หลุยส์ ดิอาซ
รูปเกมเป็นไปอย่างที่ หงส์แดง ต้องการ พวกเขาครอบครองบอลสร้างสรรค์โอกาสบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกม ขณะที่ทีมเยือนทำได้เพียงใช้จังหวะฉาบฉวยจากช็อตสวนกลับนานๆ ครั้ง
2. เดบิวต์ พรีเมียร์ลีก ของ หลุยส์ ดิอาซ
ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำได้เพียงนั่งอยู่บนม้านั่งสำรอง แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเช่นกันเมื่อเจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากภารกิจทีมชาติในศึก แอฟคอน กับทีมชาติ อียิปต์ ได้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ และเป็นโอกาสของ ดิโอโก้ โชต้า ได้ออกสตาร์ทในบทบาทของสตาร์ มัมมี่ โดยมี โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน เป็นฟอลส์ไนน์ และ หลุยส์ ดิอาซ ขับเคลื่อนเกมรุกที่ริมเส้นฝั่งซ้าย
นับเป็นการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับ เร้ดแมชีน ครั้งแรกหลังจากที่เจ้าตัวถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในศึก เอฟเอ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เห็นสัญญาณที่ดีต่อเนื่องเมื่อเพื่อนร่วมทีมต่างแสดงความไว้วางใจฝากบอลไว้กับเขาสร้างสรรค์เกม
แข้งวัย 25 ปียังไม่ได้แสดงความเคอะเขินให้เห็น เขาเล่นไปตามเกม พาบอลไปเองอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่ฝืนลากตะลุยในช็อตจวนตัว และทำได้น่าพอใจกับการประสานงานร่วมกับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่กราบซ้าย
3. โชต้า พระเอก
17 ประตู 3 แอสซิสต์ คือตัวเลขสถิติของ ดิโอโก้ โชต้า ในฤดูกาลนี้เมื่อรวมทุกรายการ นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเจ้าตัวใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาเล่นให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในซีซัน 2018/19
หากนับเฉพาะการซัลโวในยูนิฟอร์ม เร้ดแมชีน นับเป็นลูกที่ 30 ของเจ้าตัวกับ หงส์แดง เข้าไปแล้วจากการเล่นเมื่อรวมทุกรายการ เทียบชั้นแข้งอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, เฟร์นันโด ตอร์เรส, ไมเคิล โอเวน, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, จอห์น อัลดริดจ์, เอียน รัช และ เคนนี ดัลกลิช ที่ตะบันได้อย่างน้อย 30 ประตูจากการลงเล่น 60 เกม
เจ้าตัวทำคนเดียว 2 ประตูเริ่มจากการอยู่ถูกที่ถูกเวลา ซ้ำลูกโหม่งของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ในระยะเผาขนเป็นประตูเบิกร่องครึ่งแรก ก่อนที่จะจบสกอร์อย่างเด็ดขาดเป็นประตูตอกฝาโลงในช่วงท้าย
4. ซาลาห์ ยังไว้ลาย
โม ซาลาห์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทนที่ เคอร์ติส โจนส์ เมื่อเกมผ่านราว 60 นาที และเจ้าตัวใกล้เคียงสุดๆ ที่จะมีชื่อบนสกอร์บอร์ด 2 ครั้งเน้นๆ
แข้งดีกรีรองแชมป์ แอฟคอน ได้โอกาสกระชากหลุดไปดวลกับ แคสเปอร์ ชไมเคิล ทว่ายิงไปติดเซฟนายด่านทีมชาติ เดนมาร์ก ก่อนที่เจ้าตัวจะได้ลากตัดเข้าในเพื่อปั่นโค้งเป็นลูกเครื่องหมายการค้าที่บอลพุ่งชนสามเหลี่ยมอย่างจัง
นับว่าเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าสภาพร่างกายของเจ้าตัวอย่างเต็มถังแม้จะลุยศึกชิงแชมป์ กาฬทวีป มาตลอดราว 1 เดือนที่ผ่านมา