ลิเวอร์พูล 1-4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ชำแหละ 5 ประเด็นร้อนหลัง หงส์แดง ถูก เรือใบ หักปีกคา แอนฟิลด์

Liverpool v Manchester City - Premier League
Liverpool v Manchester City - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images
facebooktwitterreddit

การแข่งขัน : ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2020/21 
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2021
เวลาแข่งขัน : 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : ลิเวอร์พูล 1-4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : แอนฟิลด์


1. สมาธิตัดสินเกม

Liverpool v Manchester City - Premier League
Liverpool v Manchester City - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images

แม้จะไร้คนดูที่ แอนฟิลด์ ในเกมนี้แต่แค่เพียงการดูเกมผ่านหน้าจอก็ยังทำให้เราสัมผัสถึงความตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัดจากทั้งนักเตะ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ทั้งคู่พยายามที่จะเล่นอย่างรัดกุมในครึ่งแรก ยืนตำแหน่งอย่างระมัดระวังยามเป็นฝ่ายตั้งรับและไม่เสี่ยงทิ้งพื้นที่รับผิดชอบเพื่อเติมเกมรุกมากนัก

รูปเกมในช่วงแรกบอกเราว่าใครสมาธิแตกกระเจิงจนสร้างความผิดพลาดก่อนอาจมีสิทธิ์คอตกเมื่อจบเกม - ฟาบินโญ เป็นแข้งที่ถูกเล่นงานเป็นรายแรก

แต่แทนที่ ซิตี้ จะฉวยโอกาสจากความผิดพลาดดังกล่าวได้ อิลคาย กุนโดกัน กลับถูกตามกดดันเล่นงานเป็นรายถัดมาเมื่อมิดฟิลด์ทีมชาติ เยอรมนี ซัดลูกจุดโทษเหินข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น

อย่างไรก็ตาม กุนโดกัน และพลพรรค ซิตีเซนส์ ยังสามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้สำเร็จ ในครึ่งเวลาหลัง ก่อนที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ จะหมดท่าสูญเสียความแน่นอนไปอย่างสิ้นเชิง

2. ถึงเวลาเซ็นเตอร์แบ็คอาชีพ

Liverpool v Manchester City - Premier League
Liverpool v Manchester City - Premier League / Pool/Getty Images

แม้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะได้ โอซาน คาบัค และ เบน เดวีส์ เข้ามาเสริมทัพในวันสุดท้ายของเส้นตายตลาดซื้อขายนักเตะเป็นที่เรียบร้อย แต่นายใหญ่ หงส์แดง ยังคงใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จับคู่กับ ฟาบินโญ ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง

แม้จะเป็นที่สามารถเข้าใจได้เมื่อคู่แข่งของพวกเขาคือจ่าฝูงบนตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนฯ ซิตี้ ในเกมนี้จนต้องเข็นแข้งซีเนียร์ในตำแหน่งมิดฟิลด์รับมือ เรือใบสีฟ้า แทนที่การเสี่ยงจับเอานักเตะจากทีมท้ายตารางของศึก บุนเดสลีกา หรือแข้งจาก แชมเปี้ยนชิพ ประเดิมสนามต่อกรกับแนวรุกระดับพระกาฬ แต่การที่ 3 ประสานในแดนกลางของ คล็อปป์ ทั้ง เคอร์ติส โจนส์, จินี ไวนัลดุม และ ติอาโก้ อัลคันทารา รวมไปถึง เซอร์ดาน ชากิรี กับ เจมส์ มิลเนอร์ ตัวสำรองไม่อาจจุดประกายเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมได้ก็เป็นสัญญาณให้กุนซือชาว เยอรมัน ต้องจับเอา เฮนโด้ กับ ฟาบินโญ กลับไปเล่นในตำแหน่งที่พวกเขาถนัดได้แล้วพร้อมกับการส่งนักเตะใหม่ลงสนามเพื่อความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมทีมเมื่อฤดูกาลกำลังงวดเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย

3. เครื่องหมายคำถามถึงการใช้งาน ติอาโก้ อัลคันทารา

Liverpool v Brighton & Hove Albion - Premier League
Liverpool v Brighton & Hove Albion - Premier League / Clive Brunskill/Getty Images

ติอาโก้ รับบทกองกลางประคองเกมโดยมี จินี ไวนัลดุม ยืนคัดท้ายเก็บตกที่ด้านหลัง ขณะที่ เคอร์ติส โจนส์ มักเคลื่อนที่สู่แดนบนประสานงานกับแนวรุกสลับตำแหน่งกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน

ท่ามกลางเสียงนักวิเคราะห์ที่แตกต่างกับวิธีการเล่นของอดีตแข้ง บาเยิร์น มิวนิค รายนี้ในถิ่น แอนฟิลด์ โดยเกมกับ ซิตี้ เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวไม่อาจกลบเสียงวิจารณ์ดังกล่าวได้

แม้ ติอาโก้ จะสามารถเอาตัวรอดจากการถูกบืบพื้นที่ได้อย่างยอดเยี่ยมแต่การเล่นแบบเพลย์เซฟของเพื่อนร่วมทีมทำให้จุดเด่นในการผ่านบอลของเจ้าตัวไม่ได้ถูกงัดออกมาใช้งานเลย

มิดฟิลด์ทีมชาติ สเปน ทำได้เพียงแค่ผ่านบอลรักษาระยะห่างเมื่อเพื่อนร่วมทีมไม่ได้มีการเคลื่อนที่เพื่อเปิดทางให้เขาได้จ่ายบอลคิลเลอร์พาสไปยังพื้นที่อันตราย จนเจ้าตัวถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในที่สุด

4. แทบยุติเส้นทางลุ้นแชมป์ หงส์แดง

Liverpool v Manchester City - Premier League
Liverpool v Manchester City - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images

ผลจากการแข่งขันในเกมนี้ทำให้ ซิตี้ ทิ้งห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ในอันดับ 2 ที่ 5 คะแนน, เลสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 3 ที่ 7 คะแนน และ ลิเวอร์พูล อันดับ 4 ที่ 10 แต้มเข้าไปแล้ว แถมทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ยังแข่งน้อยกว่าทั้ง 3 ทีมผู้ตามอยู่ 1 นัด

นอกจาก หงส์แดง แทบจะหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์แล้วพวกเขายังถูก เวสต์แฮม, เชลซี รวมไปถึง เอฟเวอร์ตัน ไล่จี้ทำแต้มกดดันจนอาจถูกเบียดหล่นจากท็อปโฟร์หากไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ในเร็ววัน

5. มันสมองของ ฟิล โฟเด้น

Liverpool v Manchester City - Premier League
Liverpool v Manchester City - Premier League / Pool/Getty Images

วันเดอร์คิดทีมชาติ อังกฤษ วัย 20 ปีรับบทบาทฟอลส์ไนน์ที่ไม่คุ้นตานัก โดยมี สเตอร์ลิง กับ ริยาด มาห์เรซ ขนาบข้าง

ร่างกายของ โฟเด้น ซึ่งไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับ ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ดูจะเป็นปัญหาของเขาในช่วงแรก ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้จุดเด่นในความคล่องแคล่วกลบจุดด้อยเผาเครื่องแนวรับของเจ้าบ้านจนเปื่อยยุ่ย

จังหวะยิงในระยะเผาขนของเจ้าตัวเป็นที่มาของการได้ประตูแรกจากากรตามซ้ำของ กุนโดกัน เจ้าหนูวัยกระเตาะยังเล่นงาน ฟาบินโญ จนเรียกใบเหลืองจากมิดฟิลด์ บราซิเลียน ต่อเนื่องด้วยความเยือกเย็นในการลากเลื้อยแอสซิสต์ให้กับ กุนโดกัน และปิดท้ายด้วยการล่อเป้า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ตะบันประตูปิดท้าย


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด