ลิเวอร์พูล 0-0 อาร์เซนอล: สำรวจทุกความเป็นไปหลังศึก คาราบาว คัพ เลกแรกที่ แอนฟิลด์

Liverpool v Arsenal - Carabao Cup Semi Final First Leg
Liverpool v Arsenal - Carabao Cup Semi Final First Leg / Michael Regan/GettyImages
facebooktwitterreddit

การแข่งขัน: ฟุตบอล คาราบาว คัพ 2021/22 รอบรองชนะเลิศ เลกที่ 1
วันแข่งขัน: คืนวันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม 2022 (เช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ 14)
เวลาแข่งขัน: 02:45น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน: ลิเวอร์พูล 0-0 อาร์เซนอล
สนาม: แอนฟิลด์


ลิเวอร์พูล ไม่อาจฉวยความได้เปรียบจากตัวผู้เล่นที่มากกว่าตั้งแต่ช่วงกลางครึ่งแรกได้เมื่อ กรานิท ชาก้า ถูกไล่ออกจากสนามทำได้เพียงเสมอกับ อาร์เซนอล แบบไร้สกอร์

Granit Xhaka
Liverpool v Arsenal - Carabao Cup Semi Final First Leg / Chloe Knott - Danehouse/GettyImages

เกมในช่วงแรกผลัดกันโต้ตอบรุกรับอย่างสนุกกระทั่งบอลวางยาวที่แนวลึกจาก แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ทะลุไปถึง ดิโอโก้ โชต้า พักอกลงจ่อลากไปล่อเป้า อารอน แรมส์เดล แต่กลายเป็น ชาก้า ที่เข้าสกัดในช็อตดังกล่าวไปถูก โชต้า อย่างจังจนล้มลง ผู้ตัดสินชูใบแดงให้กับห้องเครื่อง ไอ้ปืนใหญ่ อย่างไม่ลังเล

เกมตกเป็นของ หงส์แดง ตลอดทั้ง 75 นาทีที่เหลือหลังจากนั้น แต่เจ้าถิ่นไม่สามารถสร้างโอกาสอย่างถนัดถนี่ได้เลย โดยความพยายามที่ดีที่สุดของพวกเขาเกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมเมื่อลูกครอสที่สุดเส้นหลังของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ทะลักไปถึง ทาคูมิ มินามิโนะ บริเวณกรอบ 6 หลาแต่กลายเป็นการซัลโวหลุดกรอบออกไปอย่างไม่ได้ลุ้น


คะแนนนักเตะ ลิเวอร์พูล

11 ผู้เล่นตัวจริง: อลิสซอน (6); อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (6), มาติป (6), ฟาน ไดค์ (6), โรเบิร์ตสัน (6); เฮนเดอร์สัน (6), ฟาบินโญ (6), มิลเนอร์ (6); มินามิโนะ (5), ฟิร์มิโน (4), โชต้า (4)

ตัวสำรอง: โจนส์ (6), อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน (n/a), วิลเลียมส์ (n/a), โกเมซ (n/a)


คีย์แมน ลิเวอร์พูล - เคอร์ติส โจนส์

Curtis Jones, ben white
Liverpool v Arsenal - Carabao Cup Semi Final First Leg / Chloe Knott - Danehouse/GettyImages

เกมของ หงส์แดง ดูไม่ดุดันอย่างเคยเมื่อไร้แข้งชูโรงอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน โดย 3 ประสานในเกมนี้อย่าง ดิโอโก้ โชต้า, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน และ ทาคูมิ มินามิโนะ ไม่ได้มีช็อตทำงานร่วมกันสร้างจังหวะถนัดถนี่ให้เห็น

กลายเป็น เคอร์ติส โจนส์ ที่ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 61 ที่สร้างความวูบวาบที่ริมเส้นฝั่งซ้ายได้อย่างต่อเนื่องจากสถิติความพยายามเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 5 ครั้ง มากที่สุดในสนาม แม้จะประสบความสำเร็จแค่ 1 ใน 5 ครั้งดังกล่าวก็ตาม


ประเด็นหลังเกม ลิเวอร์พูล

เป็นเกมที่น่าเสียดายสำหรับเจ้าถิ่นเมื่อเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบด้วยตัวผู้เล่นที่มากกว่าตั้งแต่นาทีที่ 24 เมื่อ กรานิท ชาก้า ได้รับใบแดงโดยตรงไล่ออกจากสนามทว่าลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่อาจฉวยโอกาสเอาไว้ได้

ปัญหาของทีมยังคงเป็น 3 ประสานที่แดนหน้าซึ่งเมื่อขาดคีย์แมนที่ริมเส้นอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน กลายเป็นทีมไร้อันตรายที่เกมริมเส้นอย่างสิ้นเชิง เกมรุกของ เร้ดแมชีน ทำได้เพียงให้ฟูลแบ็คเติมขึ้นมาที่แดนบนเพื่อครอสบอลอย่างสิ้นหวังเข้าไปในกรอบเขตโทษ

เกมดำเนินไปในลักษณะดังกล่าวแทบจะตลอดทั้ง 75 นาทีที่เหลือโดยที่พวกเขาไม่อาจสร้างโมเมนตัมใดๆ ให้เป็นจุดเปลี่ยนได้เลย ขณะที่ ทาคูมิ มินามิโนะ ก็ได้ทำหมูหกในช่วงท้ายเกมซัดบอลในระยะเผาขนหลุดลอยไปอย่างไม่ได้ลุ้น


คะแนนนักเตะ อาร์เซนอล

อาร์เซนอล: แรมสเดล (6); เซดริก (5), ไวท์ (8.5), กาเบรียล (7), เทียร์นีย์​ (7); ชาก้า (5) [ใบแดงนาทีที่ 24], โลกอนก้า (6); ซาก้า, (7), ลากาแซตต์ (6), มาร์ติเนลลี (6), เอ็นเคเธีย (5)

ตัวสำรอง: แชมเบอร์ส​ (6),​โฮลดิ้ง (6.5), ตาวาเรส (6)


คีย์แมน อาร์เซนอล - เบน ไวท์ และเกมรับของทีม

Roberto Firmino, Rob Holding, Ben White, Gabriel
Liverpool v Arsenal - Carabao Cup Semi Final First Leg / Michael Regan/GettyImages

อาร์เซนอล เหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่กลางครึ่งแรกทำให้ มิเคล อาร์เตต้า ไม่มีทางเลือกใดๆ นอกจากการเล่นเกมรับแทบจะ 100% เพื่อรักษาตัวให้รอดพ้นจากการเสียประตูโดยมี เบน ไวท์ ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หลายครั้งที่ปราการหลังทีมชาติ อังกฤษ รายนี้คือคนสุดท้ายที่สกัดบอลก่อนเข้าเขตอันตราย

เกมรับของ อาร์เซนอล คือเดอะแบกในแมตช์นี้ ขณะที่เกมรุกก็พยายามหาโอกาสเท่าที่พอจะมีให้เห็นอยู่บ้างอย่างดีที่สุดโดยมี บูคาโย ซาก้า เป็นแกนหลักในแนวรุก


ประเด็นหลังเกม อาร์เซนอล

การโดนใบแดงในช่วงกลางครึ่งแรกของ ชาก้า กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกมนี้เป็นรอง 100 % จากตัวผู้เล่นที่ก็ด้อยกว่าด้วยปัญหามากมายแล้ว เหลือสิบคนในเกมยิ่งแล้วใหญ่ “Personal Error” ของผู้เล่นหนึ่งคนส่งผลรุนแรงไม่เท่ากัน แต่ครั้งนี้ผลของมันรุนแรงมาก

แฟนบอลอาร์เซนอลจำนวนไม่น้อยที่ “ละเหี่ยใจ” กับเขาไปนานแล้ว ผลงานไม่ดี เข้าบอลช้า เล่นบอลอืดอาด ที่สำคัญพลาดทำเสียในแบบ “เข้าตา” หลายครั้ง และในหลายครั้งคือใบแดง

ในสนามด้วยพฤติกรรม ด้วยปฏิกิริยาของเขา ทำให้เขาเป็นเหมือน “ขาโหด” ในลิสต์ของกรรมการ เหมือนเฉกเช่นที่ รอย คีน, ปาทริค วิเอร่า, ร็อบบี้ ซาเวจ หรือว่าโจอี้ บาร์ตัน เคยได้รับมาก่อน แต่สิ่งมันต่างกันคือ ชาก้า ไม่ได้มีภาพจำในแง่ของผลงานที่ดีมาก ๆ แบบชัดเจน ฝังลงในสมองและหัวใจของแฟนบอลเท่ากับที่ 4 คนเหล่านั้น ทำได้กับทีมของพวกเขา

ภาพจำในการเอามือป้องหูในเดือนตุลาคม 2019 ที่ทำให้เขาเกือบต้องย้ายออกจากทีม ยังเป็นภาพจำที่คนไม่เคยลืม เช่นเดียวกับวันที่เขาผิดพลาด ทุกครั้งที่ผิดพลาดเขาจะโดนหนักเสมอ ในทางกลับกันวันที่ นักเตะ ยิงประตูได้ ทำได้ดี “แฟนบอลก็ไม่ลืม แต่พวกเขาก็ไม่เลือกจะจำเป็นสิ่งแรก” เวลาที่พูดถึง กรานิท ชาก้า เหมือนกัน

ตัวนักเตะผ่านชีวิตในอาร์เซนอลมาด้วยทั้งการโดนเหยียด โดนขู่ฆ่า ลามปามไปถึงครอบครัว ซึ่งมาถึงวันนี้จบเกมนี้ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร เขาก็จะโดนมันอีกไม่มากก็น้อย หวังว่าเขาจะผ่านพ้นมันไปได้