หนทางแก้ตัวของ เยอร์เก้น คล็อปป์ - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาใช้เงินในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ไปทั้งหมด 145 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับนักเตะ 22 รายและมีเป้าหมายเพียงแค่ต้องการหนีตกชั้นให่้ได้หลังจากที่กลับมาเล่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี
ส่วนทางกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่แม้จะทำสถิติจ่ายเงินซื้อ ดาร์วิน นูนเญซ ไปถึง 85 ล้านปอนด์ (เมื่อรวมโบนัสต่าง ๆ) แต่พวกเขาก็ปิดยอดไปที่ราว ๆ 99 ล้านปอนด์เท่านั้น กับการได้ 4 นัดเตะเข้ามาร่วมทีม โดยนอกจากแข้งชาวอุรุกวัยแล้วยังมี คาลวิน แรมซีย์, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ อาร์ตูร์ เมโล ที่มาในแบบสัญญายืมตัว
หากมองจากสถานการณ์หลังจบซีซันที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงช่วงก่อนเตรียมทีมพรี-ซีซัน ไม่มีใครแปลกใจที่นายใหญ่ชาวเยอรมันใช้เงินไปแค่นี้และให้ความสำคัญกับการเสริมแข้งแนวรุก เพราะพวกเขาเพิ่งปล่อย ซาดิโอ มาเน, ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดิว็อค โอริกี ออกจากทีมซึ่งได้ค่าตัวรวมกันแล้วราว ๆ 50 ล้านปอนด์ ซึ่งในอีกมุมหนึ่งมันคือการทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
การมี หลุยส์ ดิอาซ, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดิโอโก้ โชต้า อาจพาทีมลุ้นความสำเร็จได้ก็จริงแต่ 2 ใน 4 คนนี้อายุย่างเข้า 30 แล้ว การได้ นูนเญซ และ คาร์วัลโญ เข้ามาจึงถือเป็นการเสริมทัพเพื่ออนาคต ซึ่งทีมงานของ ลิเวอร์พูล มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ
หากแต่ในอีกมุมหนึ่งมันทำให้ คล็อปป์ มองข้ามกำลังพลในแดนกลาง นักเตะอย่าง เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลคันทารา, ฟาบินโญ, เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียต คือขุมกำลังที่นายใหญ่ ลิเวอร์พูล เชื่อมั่นว่าจะสามารถ "เอาอยู่" กับการลุ้นแชมป์อีกครั้งในฤดูกาลนี้ แม้จะพลาดการได้ตัว ชูอาเมนี มาร่วมทีมก็ตาม
โชคไม่ดีปัญหาบาดเจ็บย่างกรายเข้ามา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ ดิอ็อกซ์ ต้องถูกหามออกจากสนามในเกมอุ่นเครื่องกับ คริสตัล พาเลซ ที่สิงคโปร์ ตามมาด้วยอาการบาดเจ็บของ เกอิต้า ไม่กี่วันก่อนเปิดฤดูกาล ไหนจะความฟิตของ ติอาโก้ และ เฮนโด้ ทำให้ คล็อปป์ เหลือตัวเลือกเพียงน้อยนิดก่อนเปิดฤดูกาล
การออกสตาร์ทด้วยการเสมอกับน้องใหม่อย่าง ฟูแลม และทีมวัวเคยค้าม้าเคยขี่อย่าง คริสตัล พาเลซ ปลุกให้นายใหญ่ชาวเยอรมันต้องรีบดำเนินการอะไรบางอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป แม้ตอนนั้นเจ้าตัวจะบอกว่าเขาไม่กังวลกับการซื้อนักเตะใหม่ในโค้งสุดท้ายที่เหลือ และพร้อมรอผู้เล่นที่ใช่เท่านั้น แต่ก็มิอาจต้านทานกระแสเรียกร้องจากแฟนบอลได้ เพราะถึงเวลานี้ปัญหานักเตะบาดเจ็บกินทรัพยากรไปกว่าครึ่งทีมแล้ว ในขณะที่ส่งผลต่อฟอร์มโดยรวมของทีมด้วย
อาร์ตูร์ เมโล จึงถูกดึงเข้ามาในแบบยืมตัวในวันสุดท้าย พร้อมกับเสียงชื่นชมปนสงสัยว่าแข้งบราซิลเลียนรายนี้จะเข้ามาช่วยทีมได้จริงหรือ ในขณะที่ส่วนหนึ่งมองว่าดีกรีสตาร์รายนี้ไม่ธรรมดา เคยเล่นให้กับ บาร์เซโลนา มาแล้ว แถมอยู่ในวัยที่พร้อมใช้งาน และดีกว่าไม่ได้ใครเลย
แม้ ลิเวอร์พูล ทำผลงานแย่ใน 3 เกมแรก แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกำลังกลับสู่เส้นทางเมื่อ คล็อปป์ เริ่มจะมีข่าวดี เมื่อนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บกำลังทยอยกันกลับมา ทำให้เขาจะได้ใช้งาน ติอาโก้ อัลคันทารา เสียที ในขณะที่ตำแหน่งอื่น ๆ อย่างกองหลังก็จะได้ โจเอล มาติป พร้อมยืนปักหลักกับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ในแผงเกมรับและ โชต้า ก็จะมาแย่งตำแหน่งในแผงเกมรุกด้วย
ไม่มีอะไรจะเพอร์เฟ็คไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะนี่คือทีมชุดที่ลุ้น 4 แชมป์เมื่อซีซันก่อน หากแต่เล่นไปเล่นมากลายเป็นว่าผลงานก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง หลังจากเก็บชัยชนะมา 2 เกมรวดกับ บอร์นมัธ และ นิวคาสเซิล พวกเขาก็มาสะดุดเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน และ ไบรท์ตัน ก่อนจะแพ้ให้กับ อาร์เซนอล
จากนั้นก็มาแก้ตัวด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมกับการเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ และเฉือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
แต่คงไม่มีใครคิดว่าเกมต่อมาจะกล้าบุกไปแพ้ทีมบ๊วยอย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ได้
ในภาพรวม 5 นัดหลังสุด หงส์แดง เก็บชัยชนะได้ 2 เสมอ 1 และแพ้ไป 2 ถ้าเป็นทีมกลางตารางหรือหนีตกชั้นก็คงมองได้ว่านี่เป็นผลงานที่โอเค แต่กับการถูกยกเป็นเต็ง 2 ในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก และเต็ง 3 ใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก นี่คือความล้มเหลว
หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ แล้วว่านักเตะที่มีอยู่ในมือโดยเฉพาะผู้เล่นในแดนมิดฟิลด์นั้นเพียงพอต่อการลุ้นแชมป์อย่างที่เขาคิดจริงหรือ?
เกมที่แพ้ต่อ ฟอเรสต์ น่าจะเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี เมื่อถึงคราวที่ไร้ ติอาโก้ อัลคันทารา และ ดาร์วิน นูนเญซ ทีมของบอสเมืองเบียร์ก็กลายเป็นทีมดาด ๆ ทีมหนึ่งเท่านั้น พวกเขามีปัญหาทันทีเมื่อไร้แข้งตัวหลัก เพราะศักยภาพของแข้งที่มีอยู่ไม่สามารถทดแทนกันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตรงกลางสนาม
คล็อปป์ ส่ง 3 ดาวรุ่งอย่าง เคอร์ติส โจนส์, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ลงเล่นอย่างเสียไม่ได้ เขาไม่มีตัวผู้เล่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มีปัญหาเรื่องความฟิต และ ดิอ็อกซ์ ก็เพิ่งหายเจ็บกลับมา การจะประเดิมตัวจริงทันทีจึงเสี่ยงไป ส่วน เกอิต้า ยังไม่หายดี
ด้วยไลน์อัพเช่นนี้มันจึงทำให้รูปเกมของ ลิเวอร์พูล ไม่ไปไหน จะบุกก็ไม่บุก จะรับก็ไม่แน่น แถมเล่นไปเล่นมาก็มีความผิดพลาดส่วนตัวจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ นี่มันคือ หงส์แดง ในร่างเดิมเมื่อ 6-7 ปีก่อนชัด ๆ
ผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นกำลังชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งต้องย้อนกลับไปในช่วงตลาดซัมเมอร์ที่พวกเขามีเวลาเหลือเฟือที่จะหานักเตะห้องเครื่องเข้ามาเสริมทัพเพิ่มเติม จริงอยู่ที่ โจนส์ และ เอลเลียต คือนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามองและจะเป็นกำลังหลักในอนาคต แต่มันเร็วไปที่จะให้พวกเขาลงมารับผิดชอบเกมที่กดดันและหนักหน่วงเช่นนี้
หลายคนจึงมองว่าผลของความชะล่าใจและความเชื่อมั่นในลูกทีมที่เหลือจนเกินไปของผู้จัดการทีมวัย 55 ปีมันส่งผลกระทบต่อ ลิเวอร์พูล อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเขาต้องเป็นคนรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์
คล็อปป์ อาจยังคงเชื่อมั่นในแนวทางการทำทีมแบบเดิม ๆ ของตน คือเชื่อสถิติและมองหาผู้เล่นอายุน้อย ราคาถูก แต่มีศักยภาพ จับมาปั้นและก้าวเป็นซูเปอร์สตาร์ในเวลาไม่กี่ปี แต่เขาคงลืมไปว่าโลกมันเปลี่ยนไปทุกขณะ และตอนนี้มันกำลังทำให้เขากลายเป็นคนที่ก้าวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ฟุตบอลของ ลิเวอร์พูล ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาได้รับการยกย่องว่าเป็นฟุตบอลในฝันของเจ้าของทีมหลาย ๆ คน การมีผู้จัดการทีมฝีมือดี ใช้เงินน้อย ซื้อถูกขายแพง เน้นความคุ้มค่า เป็นเทรนด์ที่หลายทีมพยายามเดินตาม แต่สุดท้ายมีไม่กี่ทีมที่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่หลาย ๆ ทีมหันมาใช้เงินกันมากขึ้นในเมื่อพวกเขาไม่สามารถเลียนแบบทีมของ คล็อปป์ ได้
อาร์เซนอล ทุ่มไปกว่า 200 ล้านเมื่อปีก่อนเพื่อสร้างทีมใหม่ และในปีนี้พวกเขาก็จ่ายไปอีก 100 กว่าล้าน นำมาซึ่งการขับเคี่ยวกับ แมนฯ ซิตี้ บนหัวตารางในเวลานี้ เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีก แต่พวกเขาก็ไม่หยุดจ่ายเงิน และยอมเสียอีกเกือบ 200 ล้านเพื่อให้ เอริค เทน ฮาก ได้ทีมใหม่ที่ต้องการ
ในขณะที่ เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ สเปอร์ส ก็ไม่น้อยหน้า พวกเขาทุ่มเงินรวมกันเกิน 500 ล้านปอนด์เมื่อช่วงซัมเมอร์เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม แม้กระทั่ง ฟอเรสต์ ยังทุ่มไป 145 ล้านเพื่อหนีตกชั้น
ส่วน ลิเวอร์พูล จ่ายไม่ถึง 100 ล้านแลกกับ 3 ดาวรุ่งที่ยังไม่พร้อมใช้งาน ซึ่งได้เห็นผลลัพธ์ไปแล้วใน 11 เกมแรกของฤดูกาล โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่ต้องจำใจใช้ 3 แข้งที่อายุยังไม่ถึง 21 ปีลงสนามและแพ้ทีมบ๊วยของตารางไปอย่างไร้ทรง
หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานมองเห็นความผิดพลาดและเดินหน้าในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมที่กำลังจะมาถึงอย่างเต็มตัวเพื่อสร้างทีมใหม่อย่างจริงจังกันเสียที
หมดเวลารอนักเตะที่ใช่หรือการต่อรองที่คุ้มค่าแล้ว เพราะตอนนี้โลกของฟุตบอลมันขับเคลื่อนด้วยกำลังเงินกันทั้งนั้น!
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด